“เดี๋ยวนี้อ้อนเก่งนะเรา” แม่ทัพดึงนางฟ้าคนสวยเข้ามากอดอย่างสุขล้นในหัวใจได้เพียงครู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกของมารดาดังขึ้นที่หน้าบ้าน
“ทัพ! หนูเอื้อง!”
ช่อเอื้องรีบผละออกจากร่างสูง แล้ววิ่งกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมอย่างรวดเร็ว
“หึๆ” แม่ทัพหัวเราะอย่างขำๆ กับการกระทำของสาวเจ้า ก่อนจะหันไปเอ่ยทักทายมารดา “หวัดดีครับแม่”
“สวัสดีค่ะคุณแม่” ช่อเอื้องลุกขึ้นยืน แล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่หิ้วถุงกระดาษซึ่งมีโลโก้ของแบรนด์ดังติดอยู่ อย่างรู้สึกเก้อเขิน
“สวัสดีจ้ะ แม่ว่าจะมาขอฝากท้องด้วยสักหน่อย” มาลีนรับไหว้แล้วเดินเข้าไปหาหนุ่มสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“วันนี้พี่ทัพเป็นพ่อครัวค่ะ” ช่อเอื้องเข้าไปกอดผู้ใหญ่ที่เคารพรักดุจแม่แท้ๆ อย่างคิดถึง
“แหม...สงสัยต้องอร่อยแน่ๆ เลย” มาลีนกอดตอบและโยกตัวเบาๆ เหมือนทุกครั้ง
“คุณแม่หิ้วอะไรมาด้วยเหรอครับ” แม่ทัพถามพลางจ้องมองถุงกระดาษที่อยู่ในมือของมารดา
“อ๋อ! กระเป๋ารุ่นใหม่จ้ะ ในไทยยังไม่มีวางขาย” มาลีนบอกพลางล้วงกล่องกระดาษที่อยู่ด้านในออกมาวางบนโต๊ะ แล้วเปิดฝาออกให้ว่าที่ลูกสะใภ้คนสวย ยลโฉมของฝาก
“ว้าว! ขอบคุณคุณแม่มากๆ นะคะ แต่ใบเก่ายังใช้ได้อยู่ค่ะ” ช่อเอื้องบอกอย่างเกรงใจ เพราะรู้ว่ากระเป๋าแต่ละใบมีราคาหลายแสน และบางใบก็มีราคาสูงถึงหลักล้าน
“ไฮ้! เปลี่ยนใหม่ได้แล้วลูก พรุ่งนี้สะพายใบใหม่ไปเรียนแล้วถ่ายรูปส่งให้แม่ดูด้วยนะ” มาลีนบอกอย่างรู้สึกขัดใจนิดๆที่ว่าที่ลูกสะใภ้ใช้กระเป๋าใบเดิมมาเป็นปี
“ได้ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับอย่างไม่มีทางเลี่ยง
“น่ารักที่สุดเลย” มาลีนฉีกยิ้มกว้างชอบใจ ที่เด็กสาวว่านอนสอนง่ายกว่าบุตรชายของเธอเป็นไหนๆ
“เมนูวันนี้สุกี้นะครับ” แม่ทัพบอกก่อนจะจัดถ้วยชามเพิ่มอีกหนึ่งที่
“เลิศมาก มื้อค่ำควรเป็นอะไรที่เบาๆ ว่าแต่...ทำไมยิ่งดูแม่ก็รู้สึกเหมือนหนูเอื้องสวยขึ้นทุกครั้งที่เจอนะ?” มาลีนมองเมนูที่อยู่บนโต๊ะอาหารก่อนจะหันกลับมาจ้องมองว่าที่ลูกสะใภ้อย่างสำรวจ
“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องยกมือไหว้อย่างรู้สึกเขินนิดๆ ที่ถูกชม
“โธ่! เดี๋ยวเอื้องก็อายจนกินอะไรไม่ลงหรอกครับ” แม่ทัพเอ่ยเย้ามารดาก่อนจะส่งถ้วยใส่น้ำจิ้มสุกี้ไปให้
มาลีนรับมาวางใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยหยอกบุตรชาย “ก็เอื้องสวยขึ้นจริงๆ นี่ ถ้าลูกไม่ใช้เส้นสายนะ ป่านนี้หนูเอื้องคงได้เป็นดาวมหาลัยไปแล้วแน่ๆ”
“แม่!” แม่ทัพชะงักนิ่งไปทันใดที่มารดาเอ่ยเรื่องนี้ออกมา
“อุ้ย! แม่นึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อนนะ” คนที่รู้ตัวว่าพลาด รีบลุกขึ้นยืนทันทีทันใด
“คุณแม่คะ ทานด้วยกันก่อนสิคะ” ช่อเอื้องบอกพลางมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างมึนงง
“อย่าลืมใช้กระเป๋าใบใหม่นะเอื้อง ถือว่าทำเพื่อแม่” มาลีนบอกก่อนจะรีบเดินตรงไปยังประตูหน้าบ้าน ท่ามกลางสีหน้ามึนตึงของบุตรชาย
แม่ทัพรีบตักกุ้งวางลงในถ้วยของสาวเจ้าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “กุ้งครับ”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่...ที่คุณแม่พูดเมื่อกี้...”
“อย่าไปสนใจเลยครับ แม่พี่น่ะเพี้ยนจะตาย”
“พี่ทัพ! อะ...อื้ม” ช่อเอื้องกำลังจะเอ่ยท้วง แต่อีกฝ่ายก็คีบกุ้งมาจ่อที่ ริมฝีปาก ทำให้เธอต้องอ้าปากรับอย่างไม่มีทางเลือก
“อร่อยไหมครับ?” แม่ทัพเลิกคิ้วถามยิ้มๆ
“อร่อยค่ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับอย่างรู้สึกฟิน
“อร่อยก็ทานเยอะๆ เราน่ะผอมจนจะปลิวตามลมได้อยู่แล้ว”
“พี่ทัพก็ด้วยค่ะ” ช่อเอื้องคีบกุ้งป้อนอีกฝ่ายคืน
“อื้ม...อ้อนพี่แบบนี้เดี๋ยวพี่ก็จับกินซะหรอก” คนหื่นบอกด้วยสายตา สื่อความหมาย
“เอ่อ...เราควรต้องงดเรื่องนั้นบ้างนะคะ” ช่อเอื้องบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“โธ่! พี่จะหยุดยังไงครับ แค่เห็นหน้าหนูปุ๊บ! ตรงนี้มันก็ขึงขังแล้ว” แม่ทัพบอกพร้อมกับชี้มายังจุดแข็ง เอ๊ย! จุดยุทธศาสตร์ ของตัวเอง
“บ้า!” ช่อเอื้องมองค้อนจอมทะลึ่งทันใด
“หนูไม่รู้ตัวเหรอว่าตัวเองมีอิทธิพลต่อพี่ขนาดไหน” แม่ทัพบอกจบก็มีสายเรียกเข้าของคนสนิทดังขึ้นขัดจังหวะ
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)