ด้านช่อเอื้องที่เดินไปหาแฮปปี้กับเอ็นจอย แล้วเห็นทั้งสองทำท่าสนใจกระเป๋าที่เธอถือ จึงรีบบอกอย่างรู้สึกประหม่านิดๆ “ฉันขัดคุณหญิงไม่ได้น่ะ”
“หึๆ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหม ฉันจะส่งไปเย้ยคุณแม่สักหน่อย” แฮปปี้รีบล้วงมือถือออกมากดบันทึกภาพของเพื่อนสาวที่หิ้วกระเป๋าใบสวยอย่างไม่รอช้า
“แม่เราก็สั่งจองไปนะ แต่ยังไม่มา” เอ็นจอยบอกอย่างขำๆ พลางคิดไปว่าหากคู่แฝดส่งไปให้มารดาดู อีกฝ่ายคงจะกรี๊ดลั่นสามบ้านแปดบ้านแน่ๆ
“ส่งรูปให้เราด้วยนะแฮปปี้” ช่อเอื้องบอกเพื่อนสาว เพราะเธอจะต้องส่งไปให้คุณมาลีนดูเช่นกัน
“โอเค!” แฮปปี้ยิ้มแล้วกดส่งรูปไปให้เพื่อนสาวคนสวยกับมารดาพร้อมกัน
“คุณหญิงของเอื้องโคตรเจ๋งอะ” เอ็นจอยบอกอย่างชื่นชม
“พอดีท่านไปเที่ยวต่างประเทศมาน่ะ ก็เลยได้มาก่อน” ช่อเอื้องบอกก่อนจะกดส่งรูปไปให้คุณมาลีนตามสัญญา จากนั้นก็ชวนเพื่อนสาวทั้งสองไปเข้าเรียน
เวลา 16:09 น. ดรีมที่นั่งคุยกับเพื่อนๆ ที่โต๊ะม้าหินอ่อน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับที่รถของช่อเอื้องจอดอยู่ ทันทีที่อีกฝ่ายเดินมา จึงเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “จะกลับแล้วเหรอเอื้อง”
“จ้ะ” ช่อเอื้องหันไปส่งยิ้มตอบตามมารยาท
“กระเป๋าสวยจังเลย” ดรีมจ้องมองกระเป๋ารุ่นใหม่ของแบรนด์ดังอย่างรู้สึกอิจฉา พร้อมกับต่อว่าตัวเองที่ไม่น่าไปดราม่าใส่อีกฝ่ายในครั้งนั้น ทำให้เธอพลาดโอกาสหลายๆ อย่างไปอย่างน่าเสียดาย
“ขอบใจจ้ะ” ช่อเอื้องตอบก่อนจะกดปลดล็อกประตูรถ
“เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะ ไปทางไหนก็ได้ยินทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องพากันพูดถึงเอื้อง” ดรีมแสร้งยิ้มทั้งที่ก็แอบนอยด์อยู่นิดๆ ที่ทุกคนให้ความสนใจกับช่อเอื้องมากกว่าเธอ
“เอ่อ...เราขอตัวก่อนนะ” ช่อเอื้องตัดบทเพราะต้องรีบไปทำรายงานต่อกับแฮปปี้และเอ็นจอย ซึ่งเธอก็ไม่อยากจะกลับบ้านค่ำมืด เพราะรู้ว่าเจ้าชายมาดดุรอทานข้าวเย็นด้วย
“โอเค! ไว้เจอกัน” ดรีมบอกพร้อมกับโบกมือให้อย่างแสนเสียดาย เพราะอยากจะขอติดรถอีกฝ่ายไปลงที่หน้ามหา’ลัย แต่ก็ไม่กล้า กลัวเพื่อนที่โต๊ะจะนินทาตามหลัง
“จ้ะ” ช่อเอื้องขานรับก่อนจะย่อตัวเข้าไปนั่งในรถ แล้วค่อยๆ ขับออกไปตามทางอย่างช้าๆ
ดาด้าที่นั่งเงียบมาได้สักพัก เอ่ยขึ้นหลังจากช่อเอื้องขับรถออกไปไกล “นามสกุลก็ไม่ดัง แต่ทำไมมีรถแพงขับ มีกระเป๋าหรูใช้?”
“ก็น่าคิดอยู่นะ แปลกที่หาที่ไปที่มาของยัยนี่ไม่ได้ ประวัติก่อนหน้าที่จะมาเข้าเรียนที่นี่เหมือนโดนลบออกจากระบบของมหาลัยเลย” ดรีมบอกอย่างรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ เพราะเธอแอบให้รุ่นพี่ที่สนิท เข้าไปค้นประวัติของช่อเอื้อง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
“แล้วตอนที่ดรีมเป็นรูมเมทไม่เคยถามดูเหรอ” สุณีเอ่ยถาม
“ไม่ แต่เคยเห็นนะตอนที่ย้ายเข้าหอครั้งแรก มีผู้หญิงคนหนึ่งมาส่งที่หน้าหอพัก หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีกเลย” ดรีมตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“แล้วรู้ไหมว่าเอื้องพักอยู่ที่ไหน?” สุณีถามต่ออย่างไม่หายสงสัย
“สุณี! อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเอื้อง ก็ถามฉันกับแฮปปี้สิ ไปถามดรีมคงไม่รู้หรอก เพราะไม่ได้สนิทพอที่เอื้องจะพูดเรื่องส่วนตัวให้ฟัง” เอ็นจอยที่เดินมาเอารถและได้ยินการสนทนาของสามสาว จึงตอกกลับอย่างกวนๆ
“ไปกันเถอะเอ็นจอย เดี๋ยวเอื้องจะรอนาน” แฮปปี้ปรายตามองเพื่อนร่วมรุ่น ก่อนจะเอ่ยชวนคู่แฝดให้ขึ้นรถ
“ขอตัวนะ” เอ็นจอยบอกสามสาวก่อนจะเข้าไปประจำที่คนขับ แล้วขับรถออกไปตามทางด้วยสีหน้าเหยียดๆ
ดรีมมองตามรถ BMW ป้ายแดงที่แล่นออกไปก่อนจะสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย “อีแฝดนรก”
“ฉันว่ายัยสองคนนี่บ้านน่าจะรวยสุดๆ นะ ขับรถหรูด้วย” ดาด้าออกความเห็นพร้อมกับกลั้นหัวเราะที่ได้ยินอีกฝ่ายด่าตามหลังว่าอีแฝดนรก
“ไม่รู้สิ ตอนเป็นรูมเมทก็เห็นทำตัวธรรมดา” ดรีมบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“จริงเหรอ?” สุณีถามอย่างรู้สึกขำที่ดรีมไม่รู้ว่าสองสาวฝาแฝดนั้นบ้านรวย แถมเป็นญาติกับผู้กำกับละครชื่อดังอีกด้วย
“จริงสิ! อยู่ๆ ก็มีบ้าน มีรถ สงสัยช่วงปิดเทอมคงจะไปหาเสี่ยแก่ๆ มาเลี้ยงดูมั้ง” คนที่มีอคติบอกอย่างรู้สึกเกลียดชัง
“เอ่อ...เราขอตัวก่อนนะ พอดีมีนัดติวหนังสือกับเพื่อนๆ น่ะ” สุณีบอกพลางหันไปส่งซิกให้กับดาด้า
“อ้าว! แล้วไม่ไปเดินดูของด้วยกันเหรอ?” ดรีมถามอย่างมึนงง เพราะตอนแรกเธอได้ยินสองสาวชวนกันว่าจะไปเดินดูของที่ห้างสรรพสินค้าในเมือง เธอจึงขอติดรถไปด้วย
“เอาไว้ครั้งหน้าดีกว่า ปีก่อนเกรดไม่ค่อยดี ปีนี้เลยต้องตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ ไม่งั้นคงปลิวแน่ๆ” ดาด้ารีบออกตัว เพราะแอบไปรู้ว่าอีกฝ่ายชอบหลอกให้เพื่อนๆ ไปจ่ายเงินซื้อของให้ แล้วค่อยมาผ่อนใช้คืนทีหลัง
“โอเค! เดี๋ยวเราไปกับคนอื่นก็ได้” ดรีมบอกก่อนลุกขึ้นยืน ‘เฮ้อ...รู้งี้เมื่อกี้เราขอติดรถนังเอื้องไปก็ดีหรอก’
“จ้ะ! ไว้เจอกันนะ” สุณีบอกพร้อมกับโบกมือให้อย่างขำๆ เพราะจริงๆ แล้วเธอกับดาด้าเป็นเพื่อนกับแฮปปี้และเอ็นจอยมาก่อน แต่เพราะเรียนกันคนละคณะเลยไม่ค่อยได้ทักทายกันเท่าไหร่ และเธอก็ทราบกิตติศัพท์ของดรีมมาจากเอ็นจอยพอสมควร เลยต้องตีหน้าซื่อ เพื่อที่จะรอดูท่าทีของอีกฝ่ายว่าจริงตามคำบอกหรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่สองฝาแฝดเท่านั้นที่พูดถึงดรีมในทำนองนี้ แต่ยังมีเพื่อนๆ อีกหลายคน ที่บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า...
“ไม่เป็นไรค่ะ” เอ็นจอยบอกยิ้มๆ
“เอ่อ...ทานข้าวกันหรือยังครับ” ภีมรภัทรกลั้นใจถามออกไปอย่างรู้สึกเขินๆ
“ยังค่ะ”
“งั้นกินเนื้อย่างกันไหมครับ” ภีมรภัทรรีบเอ่ยชวน
“กะ...ก็ได้ค่ะ เข้ามาก่อนสิคะ” เอ็นจอยบอกก่อนจะเปิดประตูรั้วให้รุ่นพี่อย่างเดาทางออกว่า...ที่อีกฝ่ายมาหาก็เพราะรู้ว่าช่อเอื้องอยู่ที่นี่
“ครับ” ภีมรภัทรฉีกยิ้มก่อนจะเดินตามรุ่นน้องเข้าไปในบ้าน
“สวัสดีค่ะพี่ภีม” แฮปปี้กับช่อเอื้องที่กำลังคุยเรื่องงานกันอยู่ รีบหันไปยกมือไหว้รุ่นพี่สุดหล่ออย่างมึนๆ งงๆ
“สวัสดีครับ พี่มาชวนกินเนื้อย่างน่ะ” ภีมรภัทรรีบชูถุงกระดาษใบใหญ่ขึ้นบังหน้าอย่างเขินๆ
“ว้าว! กำลังหิวพอดีเลยค่ะ” แฮปปี้บอกก่อนจะลุกขึ้นเคลียร์พื้นที่ให้อีกฝ่ายนั่งและวางของ
“พี่ก็หิวครับ แต่พอดีแม่บ้านพี่ยังทำความสะอาดกันไม่เสร็จ”
“ปาร์ตี้เมื่อคืนคงจะสนุกนะคะ” เอ็นจอยเอ่ยแซว
“ครับ พอดีวันเกิดพี่น่ะ เพื่อนๆ ชวนไปเลี้ยงข้างนอก แต่พี่ไม่ไป พวกมันก็เลยพากันบุกมาหาที่บ้าน” ภีมรภัทรบอกพลางเหลือบมองน้องรหัสแสนสวย
ช่อเอื้องที่กำลังจะเอ่ยอวยพรวันคล้ายวันเกิดให้พี่รหัส แต่ก็ดันมีสายเรียกเข้าที่มือถือดังขึ้นซะก่อน
“ขอตัวไปรับสายก่อนนะคะ” ช่อเอื้องบอกก่อนจะรีบลุกเดินออกไป
“ครับ!” ภีมรภัทรมองตามสาวเจ้าครู่หนึ่ง ก็หันมาบอกสองสาว “เราจุดเตาถ่านกันเลยไหมครับ”
“ค่ะ ทางด้านนี้เลยค่ะพี่ภีม” เอ็นจอยเดินนำไปที่ระเบียงหลังบ้าน พร้อมกับหาอุปกรณ์ปิ้งย่าง อำนวยความสะดวกให้กับรุ่นพี่ที่มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่า...แอบชอบช่อเอื้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)