“ขนมเค้กมาแล้วค่ะ” ช่อเอื้องวางจานใส่ขนมเค้กลงบนโต๊ะ
“ขอบใจมาก พอดีผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ชอบกินเค้ก คุณช่วยเอาไปทิ้งให้หน่อยสิ” แม่ทัพบอกพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากขึ้นนิดๆ
“ได้ค่ะ บอสต้องการอะไรอีกไหมคะ” ช่อเอื้องฉีกยิ้มหวานแล้วเก็บจานใส่ขนมเค้กมาวางในถาดเช่นเดิม
“ตอนนี้ยัง ไว้นึกออกแล้วจะเรียกนะ” แม่ทัพบอกก่อนจะหมุนเก้าอี้ไปชมวิวทิวทัศน์ที่ด้านนอกอย่างอารมณ์ดี
“ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ช่อเอื้องเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าตึงๆ
แม่ทัพหมุนเก้าอี้กลับมามองตามร่างบางที่เดินออกไปอย่างขำๆ
‘หึ! ตอนจะไปก็ไม่ลา ตอนจะมาก็ยังไร้มารยาท ไม่ยอมเข้ามาทักทายหรือกล่าวคำขอโทษ แถมยังย้ายไปอยู่กับเพื่อนหน้าตาเฉย ผู้หญิงอะไร ใจดำชะมัด ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอทำเหมือนเขาไร้ตัวตน เขาก็จะทำให้เธอรู้ว่า...การอยู่อย่างไร้ตัวตน มันรู้สึกยังไง’
ด้านคนที่ถูกแกล้งเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พลางคิดในใจว่าหากเจ้าชายปีศาจสั่งชาหรือว่ากาแฟอีกแก้ว เธอจะตักเกลือใส่ลงไปสักสามช้อน ให้อีกฝ่ายสำลักความเค็มตายคาห้องทำงานไปเลย
เวลา 16:57 น. ขณะที่ช่อเอื้องกำลังเก็บของใส่กระเป๋า เตรียมจะกลับบ้าน แต่ทว่า...เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานที่ห่างหายไปเกือบสามชั่วโมงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[ค่ะบอส]
[ขอกาแฟร้อนแก้วหนึ่งสิ]
[ได้ค่ะ รับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ เพราะหนูจะกลับแล้ว]
[อ้าว! นี่ห้าโมงแล้วเหรอ?]
[ค่ะ]
[แล้วหลินกลับหรือยัง?]
[คุณหลินออกไปคุยงานรอบบ่ายค่ะ บอกว่าจะไม่กลับเข้ามาที่บริษัทอีก บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ]
[พอดีผมหิวข้าวน่ะ ว่าจะให้หลินไปซื้อบะหมี่เป็ดย่าง ร้านที่อยู่ข้างๆ บริษัทให้สักหน่อย]
[เดี๋ยวหนูไปซื้อให้ก็ได้ค่ะ] ช่อเอื้องขันอาสาแม้จะถูกแกล้งมาทั้งวันแล้ว แต่พอรู้ว่าเขาหิวข้าว ใจที่เคยขุ่นเคืองก็อ่อนลงมาทันทีทันใด
[ขอบคุณมากๆ นะ ผมจะรอ อ้อ! ซื้อมาหกชุดนะ] ปลายสายบอกจบก็รีบกดวาง ช่อเอื้องถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่รู้จะทำยังไง ขณะที่จูนกับแจงก็หายเงียบไป ทิ้งให้ทั้งชั้นมีแค่เธอกับเจ้าชายปีศาจแค่สองคนทั้งวัน
เวลา 18:48 น. ช่อเอื้องหิ้วถุงบะหมี่เป็ดย่างขึ้นลิฟต์มาด้วยสีหน้าเซ็งๆ เพราะคิวยาวมาก กว่าจะถึงคิวของเธอก็ยืนรอจนขาสั่น
พอประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็เห็นอีกฝ่ายนั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ ด้วยสีหน้าตึงๆ ประหนึ่งถูกใครเตะตัดขาหน้าฟาดพื้นมายังไงอย่างงั้น
“เอากลับไปกินเถอะ ฉันไม่หิวแล้ว” แม่ทัพบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“แต่ว่า...” ช่อเอื้องมองตามคนที่เดินตรงเข้าไปในลิฟต์อย่างอย่างมึนงง
“เธอจองห้องสวีตเอาไว้ให้แล้วใช่ไหม?” แม่ทัพเลิกคิ้วถามเรื่องสำคัญ
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับด้วยสีหน้าตึงๆ ใช่สิ! คืนนี้เขามีดินเนอร์กับนางแบบ แต่แกล้งให้เธอไปเข้าแถวรอซื้อบะหมี่เป็ดย่างร้านดังที่คิวยาวเป็นหางว่าว
“เยี่ยม” แม่ทัพบอกก่อนจะกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่างพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี
ช่อเอื้องมองประตูลิฟต์ที่ปิดลงอย่างรู้สึกโกรธ อยากจะเอาบะหมี่ขว้างตามให้เส้นกระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง และทำลายข้าวของเหมือนกับพวกอันธพาลในหนังมาเฟีย แต่กระนั้นก็ต้องข่มใจให้เย็น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเดินไปสำรวจโต๊ะทำงานของเธอที่อีกฝ่ายนั่งอยู่เมื่อครู่ พลัน! สายตาก็เหลือบไปเห็นซอง สีขาวที่เขียนว่า...ค่าขนมเค้กกับค่าบะหมี่ พอแกะดูด้านในก็พบเงินสดจำนวน สามพันบาท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)