หลังจากเสร็จภารกิจต่างๆ ทั้งสปา มาร์คหน้า อบไอน้ำเส้นผม ช่อเอื้องก็เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง และโทร. ไปหาเจ้าชายมาดดุที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่
[นอนหรือยังคะ]
[กำลังจะนอนครับ หนูต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าพี่เจอกับอะไรมาบ้าง?]
[อะไรล่ะคะ?]
[ก็ไอ้ภาคินน่ะสิ! มันพาพี่ไปแวกซ์ขนมาทั้งตัวเลย]
[คิกๆ หนูก็โดนเหมือนกันค่ะ]
[จริงเหรอครับ พี่อยากเห็นจัง]
[ไปนอนได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า]
[โธ่! เมื่อกี้พี่ง่วงจนหนังตาแทบจะปิด แต่ตอนนี้ตื่นไปทั้งตัวเลย]
[ฝันดีนะคะ] ช่อเอื้องรีบกดวางสายไปอย่างขำๆ พลางนึกไปถึงมารดาที่ตอนนี้น่าจะเข้านอนในบ้านหลังใหม่ ที่คุณภลัมเพิ่งจะซื้อไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เพื่อเอาเป็นไว้บ้านพัก ตอนกลับมาเที่ยวไทย ซึ่งเธอกับเจ้าชายมาดดุก็ได้ไปนอนค้างมาแล้วสามคืน บรรยากาศโดยรอบ ดีสุดๆ แถมยังอยู่ติดกับบ้านไร่ของขุนพัน ผู้ชายที่เป็นจุดเริ่มของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ทัพ
ช่อเอื้องอมยิ้มแล้วลูบหน้าท้องที่ยังคงแบนเรียบของตัวเองไปมาเบาๆ พลางคิดไปว่า...หากเสร็จสิ้นภารกิจโปรโมทงานแต่งในรีสอร์ตของวรันยากับภาคินเมื่อไหร่ เธอจะบอกเรื่องสำคัญกับเจ้าชายมาดดุทันที
เช้ามืดของวันต่อมา...เวลา 04:10 น.
ช่อเอื้องถูกปลุกให้ตื่นไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน พอออกจากห้องน้ำมาก็เจอช่างแต่งหน้ากับช่างทำผม ที่เข้ามารออยู่ในห้องนอนถึง 4 คน
จากนั้นก็เริ่มทำการเนรมิตแปลงโฉมเธอให้เข้ากับชุดไทย โดยมีวรันยาเข้ามาดูแลเพิ่มเติม พร้อมกับกดบันทึกภาพบรรยากาศโดยรวมจากด้านหลัง และคอยเสิร์ฟนมอุ่นๆ กับขนมชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ไม่ขาด ก่อนจะหายไปพักใหญ่ๆ และกลับเข้ามาอีกครั้งเวลา 08:20น. พร้อมกับช่างภาพ
ช่อเอื้องจ้องมองตัวเองในกระจกก็ถึงกับฉีกยิ้มอย่างรู้สึกอึ้งที่ทุกอย่างออกมาดีเว่อร์ จนเธอรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก
ขณะเดียวกัน...ที่รีสอร์ตใหม่ของไร่ไปรยาเวศ
“ทัพ มึงดื่มย้อมใจสักแก้วก่อนไหม” ขุนพันถามเพื่อนรักอย่างหยอกเย้า หลังอีกฝ่ายขอให้ตนเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งจริงๆ แล้ว ตนน่าจะได้เป็นประธานกล่าวเปิดงานและพูดถึงที่ไปที่มาของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวด้วย แต่ก็ถูกเพื่อนๆ เบรกเอาไว้และขอให้เป็นเรื่องภายใน ที่แขกในงานไม่จำเป็นต้องรับรู้
“ไอ้ขุน! ใจคอมึงจะให้เจ้าบ่าวเมาแต่เช้าเลยหรือไงวะ” แม่ทัพต่อว่า อย่างเคืองๆ
“ก็กูเห็นมึงตื่นเต้นจนหน้าซีด เลยเป็นห่วง” ขุนพันบอกยิ้มๆ
“กูว่า...มึงควรห่วงตัวเองเถอะขุน เพราะอะไรรู้ไหม เพราะทุกคนในกลุ่มแต่งงานกันหมดแล้วยกเว้นมึงคนเดียว” ภาคินตอกกลับอย่างขำๆ
“นั่นสิ! ขนาดไอ้นัยที่ว่าเงียบๆ ยังแต่งหลังไอ้จอมเลย” แม่ทัพสมทบตาม
“โธ่! ระดับกูอยากจะแต่งวันไหนก็ได้ ก็เลยไม่รีบ” ขุนพันบอกพร้อมกับ เชิดหน้าขึ้นนิดๆ
“ฮ่าๆๆ/ ฮ่าๆๆ” ทุกคนพากันหัวเราะกับท่าทีที่ดูจะมั่นหน้ามั่นโหนก เกินเบอร์ของขุนพันอย่างขบขัน
ห้องแต่งตัว...เวลา 08:09 น.
ช่อเอื้องที่ยังโพสต์ท่าทางต่างๆ ตามที่ช่างภาพบอก ถามขึ้นอย่างแปลกใจหลังได้ยินเสียงดนตรีแห่ดังใกล้เข้ามา “เอ่อ...เสียงเพลงครึกครื้นจังเลยนะคะ”
“คือไวน์อยากให้มันออกมาสมจริงน่ะค่ะ นอกจากการใช้รูปภาพโพสต์ โปรโมทแล้ว ก็จะมีคลิปวีดิโออีกด้วยค่ะ” วรันยารีบบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับอย่างเข้าใจ ขณะเดียวกันก็อดตื่นเต้นกับบรรยากาศและกลิ่นอายของการเป็นเจ้าสาวไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงแค่การทำโปรโมท แต่ทุกสิ่ง ทุกอย่างก็เสมือนจริงจนบอกไม่ถูก
“น้องเอื้องสวยมากๆ เลย” จีอาน่าเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวของเจ้าสาวพร้อมกับเอ่ยชม
“ใช่ค่ะ ใส่ชุดไทยแล้วยิ่งงดงามสุดๆ” วรันยาสมทบตามอย่างเห็นด้วย
“ขอพวกพี่ถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะคะ มาเร็วพวกเรา” วรันยาชวนจีอาน่ากับช่อเอื้องเข้ามาร่วมเฟรมถ่ายรูปด้วยกัน
แชะ! แชะ! แชะ!
“ได้เวลาแล้วค่ะ” ทีมงานเดินเข้ามาบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ขอยาดมหน่อยได้ไหมคะ เอื้องตื่นเต้นน่ะค่ะ” ช่อเอื้องบอกอย่างอายๆ วรันยากับจีอาน่าพากันหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ก่อนจะส่งยาดมไปให้
“แล้วเอื้องต้องทำยังไงบ้างคะพี่ไวน์”
“เดี๋ยวทีมงานจะบอกรายละเอียดค่ะ น้องเอื้องไม่ต้องกังวลนะคะ ทุกอย่างจะต้องผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ” วรันยาให้กำลังใจหญิงสาว
“ค่ะ” ช่อเอื้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามผ่อนคลายตัวเอง แล้วเดินตามทีมงานออกไปข้างนอก ก็เห็นมารดาและคุณภลัมใส่ชุดไทย เช่นเดียวกับ แฮปปี้ เอ็นจอย และชบา
“เอ่อ...นี่มัน...” ช่อเอื้องขมวดคิ้วมองทุกคนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ไม่คิดว่าวรันยากับภาคินจะลงทุนโปรโมทงานแต่งในรีสอร์ตได้เสมือนจริง ถึงขั้นพา ทุกคนที่เธอรู้จักมาร่วมงานด้วย
“เซอร์ไพรส์!!!” แฮปปี้ เอ็นจอย ชบา ดาหลัน และภลัม เอ่ยพร้อมกับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ที่เจ้าสาวแสนซื่อยังไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)