บุรฉัตรรู้สึกละอายที่ต้องบอกกับน้องว่าเธอสมยอม แต่ก็ไม่อยากให้น้องโกรธหรือเกลียดติณห์
“พอตื่นขึ้นมา คุณติณห์ก็เลยเสนอให้เงินและขอเลี้ยงดูบลู ..บลูรักเขาแม่ บลูเลยตกลง”
เดือนเพ็ญน้ำตาไหล เธอมัวแต่ทำมาหากิน ไม่ได้ดูเลยสักนิดว่าลูกผิดปกติแค่ไหน ลูกเอาเงินมาให้เธอก็มัวแต่ดีใจ ไม่ได้ระแวงหรือเอะใจเลย ถ้าเอะใจสักนิดคงไม่ปล่อยให้ลูกเดินทางผิดถลำลึกแบบนี้
“แล้วเขารักแกบ้างไหม”
บารมีถามลูก
“บลู ไม่รู้พ่อ เขาดีกับบลู แต่เขาก็ไม่เคยบอกบลูว่ารัก บลูไม่แน่ใจว่าเขา...รักไหม บลูไม่แน่ใจว่าเขาจะจริงจังกับบลูแค่ไหน”
บุรฉัตรตอบพ่อตามตรงตั้งสัจจะว่าต่อจากนี้จะไม่โกหกพ่อกับแม่อีกแล้ว
“ย้ายกลับมาอยู่บ้าน ไปบอกเลิกเขาสะ เขารักหรือไม่รักก็จะรู้ตอนนี้นี่แหละ ถ้าเขารักเอ็งเขาก็คงจะคิดทำอะไรให้มันถูกต้อง ไม่ใช่เลี้ยงดูเอ็งแบบคนในความลับแบบนี้ แต่ถ้าเขาไม่รัก เอ็งก็ต้องทำใจ”
เดือนเพ็ญใจแข็งบอกกับลูกแบบนั้นแม้จะสงสารแต่ก็ไม่อยากให้ลูกเป็นของเล่นของใคร
บุรฉัตรฟังที่แม่บอกก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที ถึงเวลาที่เธอกับติณห์จะต้องแยกกันแล้วใช่ไหม แล้วถ้าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอล่ะ เธอจะทำยังไง
หลังจากประกาศิตของแม่ออกมา วันอาทิตย์บุรฉัตรก็ต้องกลับคอนโดเพื่อเป็นเก็บข้าวของออกมาจากห้อง
เธอไม่รู้เลยว่าใครกันคือเจ้าของคอมเมนท์ปริศนานั่น เธอโทรบอกติณห์ว่ามีเรื่องด่วนให้เขามาหาเธอที่คอนโด
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของบุรฉัตร ติณห์ก็รีบขับรถจากบ้านของมารดามาที่คอนโดของเธอทันที เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ก็เห็นบุรฉัตรกำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่
“เกิดอะไรขึ้บลู บลูจะเก็บเสื้อผ้าไปไหน”
ติณห์ถามอย่างตกใจที่เข้ามาในห้อง เห็นบุรฉัตรหน้าตาซีดเซียวตาบวมแบบคนที่ร้องไห้มาอย่างหนัก
“บลูต้องย้ายออกจากที่นี่แล้วค่ะ”
แม้จะบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็งแต่เสียงก็ยังเครืออยู่ดี
“ทำไมล่ะบลู ทำไมต้องย้าย บลูบอกผมมาสิ”
ติณห์โอบกอดบุรฉัตรไว้เมื่อเธอปล่อยโฮ เขาทำอะไรไม่ถูกเลย
อยู่ด้วยกันมาปีกว่า บุรฉัตรไม่เคยร้องไห้ให้เขาเห็นเลยสักครั้ง เธอเป็นคนเข้มแข็งและมองโลกในแง่ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบุรฉัตรก็ยิ้มสู้เสมอ
“บลู ฮึก บลู”
เมื่อได้รับการโอบกอด และความห่วงหาอาทรจากเขาที่เธอสัมผัสได้ บุรฉัตรยิ่งสะอื้นจนติณห์เจ็บไปหมดทั้งใจ
ไม่ชอบเลยที่เห็นบุรฉัตรร้องไห้แบบนี้ เธอร้องไห้เขาก็แทบขาดใจ ใครทำให้เด็กน้อยของเขาร้องไห้กัน
“เด็กดี มีอะไรบอกผมสิ ใครทำอะไรบลู”
“ไม่ใช่สักหน่อยที่บลูสำเร็จได้ก็เพราะความสามารถของบลูเอง บลูของผมเก่งจะตาย บลูก็รู้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่บลูทำทั้งนั้น”
ติณห์ลูบหัวบุรฉัตรปลอบใจ ที่บุรฉัตรมาถึงตรงนี้ได้เพราะความสามารถของเธอล้วนๆ ไม่ควรจะมีใครมาพรากความภาคภูมิใจออกไปจากชีวิตของเธอ เขาไม่ยอมให้มีคนทำแบบนั้นแน่ๆ
“แต่บลูก็ทำให้พ่อกับแม่เสียใจ ทำให้น้องต้องผิดหวัง บลูขายตัวให้คุณจริงๆเรื่องระหว่างเรามันเป็นเรื่องของการซื้อขาย”
บุรฉัตรน้ำตาไหลริน นึกถึงตอนที่น้องบอกว่าถ้าพี่ต้องขายตัวส่งเรียน บีมไม่เรียนก็ได้ บุรฉัตรแทบจะขาดใจ สายตาที่มีแต่ความรักความศรัทธาของน้องแปรเปลี่ยนเป็นความทุกข์ใจที่ตนเองต้องเป็นสาเหตุให้พี่ทำเรื่องแบบนี้
“โธ่บลู”
ติณห์โอบกอดบุรฉัตรไว้เมื่อเห็นเธอสะอื้นอย่างน่าสงสาร น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเลอะหน้าไปหมด ติณห์เช็ดออกให้อย่างอ่อนโยน และไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย
“บลู บลูบอกผมว่าบลูอยู่กับผมบลูมีความสุขไหม”
บุรฉัตรมองหน้าเขา มีความสุขแล้วยังไงล่ะ สุดท้ายเธอก็เป็นเด็กผูกปิ่นโตของเขาอยู่ดี เป็นเมียลับๆที่เขาเลี้ยงเอาไว้ เธอลบสิ่งนี้ออกไม่ได้
“บลูตอบผม ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันบลูมีความสุขหรือเปล่า”
ติณห์ย้ำถามกับเธออีกครั้ง บุรฉัตรพยักหน้าเมื่อสบสายตาอ่อนหวานลึกซึ้งของติณห์ สายตาที่ติณห์มองเธอ มันดูอบอุ่นกว่าทุกวัน จนทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรง เธอยอมรับกับเขาตามตรง
“บลูมีความสุขค่ะ อยู่กับคุณติณห์บลูมีความสุข บลูรู้สึกอบอุ่น คุณติณห์เป็นเหมือนพี่ เหมือนพ่อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา