เยี่ยชิวและไป๋ปิงตกตะลึง
และเห็นว่าเฉียนจิ้งหลานเปลี่ยนลุคเดิมๆของเธอ และคิดไม่ถึงว่าเธอจะแต่งหน้าและมัดผมขึ้น เธอยังสวมชุดสูทสีดำ ใส่ถุงน่อง และรองเท้าส้นสูง ทำให้เธอดูเหมือนสาวสวยในลุคทำงาน
ยังบอกได้อีกว่า พอเฉียนจิ้งหลานแต่งตัวขึ้นมาแล้ว ทำให้ดูเด็กขึ้นไปอีก20ปีเลยทีเดียว
เยี่ยชิวตกใจจนตาแทบหลุด แล้วถามว่า "แม่ครับ นี่แม่จะทำอะไรน่ะ?"
ไป๋ปิงก็ถามด้วยความประหลาดใจ: "คุณป้าคะ คุณป้าจะไปทำงานงั้นเหรอคะ?"
“เสี่ยวไป๋ฉลาดจริงๆเลยนะ” เฉียนจิ้งหลานยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันแต่งตัวแบบนี้ดูดีมั้ย?”
“ดีค่ะ ดีมาก” ไป๋ปิงชม “คุณป้าใส่ชุดนี้แล้ว ทำให้ดูเด็กลงด้วยค่ะ”
“นี่จิงจื้อเลือกให้ฉันน่ะ” ไป๋ปิงรู้สึกหดหู่อีกครั้งหลังจากได้ยินคำพูดของเฉียนจิ้งหลาน
“แม่ นี่แม่จะไปทำงานจริงๆ งั้นเหรอครับ?” เยี่ยชิวถาม
“ใช่” เฉียนจิ้งหลานพูด “ฉันตอบตกลงกับจิงจื้อไปแล้ว ว่าจะไปทำงานที่บริษัทของเธอ”
“พี่หลิน เกิดอะไรขึ้นครับ?” เยี่ยชิวยังไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วเรื่องมันเป็นมายังไง?
หลินจิงจิงพูดด้วยรอยยิ้ม: "ฉันจ้างคุณป้าให้มาเป็นนักแปลของบริษัทฉัน"
“นักแปล?” เยี่ยชิวคิดว่าเขาได้ยินผิด
“ใช่ แต่มันไม่ใช่การแปลทั่วๆไป แต่เป็นการแปลระดับสูง” หลินจิงจื้อกล่าว “ฉันชักชวนคุณป้าเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว”
“แม่ผมเธอ... จะโอเคใช่ไหม?” เยี่ยชิวถามอีกครั้ง
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” หลินจิงจื้อกล่าวว่า “ฉันได้คุยกับคุณป้าแล้ว ภาษาต่างประเทศของเธอดีกว่าฉันอีก และเธอสามารถพูดได้หลายภาษาด้วย พูดตามตรง ว่าให้เธอทำหน้าที่เป็นนักแปลนั้น ยังแอบค่อนข้างเสียดายความสามารถเลย”
เยี่ยชิวก็นึกขึ้นได้ว่า เฉียนจิ้งหลานนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศเมื่อตอนอายุได้16 ปี เธอเชี่ยวชาญถึง 5 ภาษา เล่นหมากรุก เขียนตัวอักษรหรือวาดภาพก็ทำได้หมด ตอนอายุ 19 ปี เธอได้รับทำหน้าที่สอนในโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษ ตอนนั้นเรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่งและมีความสามารถที่มีชื่อเสียงในซูโจวและหางโจว
ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเขา ตอนนี้เฉียนจิ้งหลานอาจได้เป็นนักศึกษาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงแล้วก็ได้
“จิงจื้อก็ยกยอฉันเกินไป ฉันไม่ได้ใช้ภาษามานานแล้ว เกรงว่าเข้าบริษัทไปจะไปสร้างปัญหาอะไรให้กับหนูน่ะสิ” เฉียนจิ้งหลานกล่าว
หลินจิงจื้อยิ้มและพูดว่า: "คุณป้า อย่าพูดแบบนี้สิคะ ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากที่คุณป้ามาช่วยฉัน"
เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เยี่ยชิวแอบรู้สึกผิดเล็กน้อย
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ถ้าแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเขา บางที อาจจะมีชีวิตแบบอื่นก็ได้ ต้องโทษตัวเขาที่ต้องลากแม่มาลำบาก
เยี่ยชิวรีบพูดว่า: "แม่ เชื่อพี่หลินเถอะ ทำงานที่บริษัทเธอ ผมก็รู้สึกสบายใจได้"
เมื่อเห็นว่าเยี่ยชิวสนับสนุนตัวเอง เฉียนจิ้งหลานก็ยิ้มแล้วพูดว่า: "งั้นดีล่ะ ฉันจะลองดูสักหน่อย แต่ว่าจิงจื้อ เราต้องตกลงล่วงหน้าก่อนกันนะ ถ้าถึงตอนนั้นฉันทำได้ไม่ดี หนูต้องทำหน้าที่ให้เป็นหน้าที่ ถ้าสมควรที่จะถูกไล่ออกก็ไล่ออกได้เลยนะ”
“คุณป้า หนูเชื่อว่าคุณป้าสามารถทำได้ดีเลยล่ะค่ะ” หลินจิงจื้อจับแขนของเฉียนจิ้งหลานอย่างสนิทสนม
ไป๋ปิงเมื่อเห็นว่าหลินจิ้งจื้อและเฉียนจิ้งหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนครอบครัวกันขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
เยี่ยชิวสังเกตเห็นสายตาผิดหวังของไป๋ปิง จึงรีบส่งถุงใบเล็กใบน้อยให้เฉียนจิ้งหลาน แล้วพูดว่า "แม่ครับ นี่เป็นของขวัญที่พี่ปิงซื้อมาให้คุณแม่ครับ"
“เสี่ยวไป๋ แค่หนูมาหาฉัน ฉันก็ดีใจแล้ว ยังจะเอาของขวัญอะไรมาอีก เสียดายเงิน” แม้ว่า เฉียนจิ้งหลานจะพูดแบบนี้ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอมีความสุขมาก
“แค่น้ำใจเล็กๆน้อยๆค่ะ หวังว่าคุณป้าจะไม่รังเกียจนะคะ” ไป๋ปิงพูดอย่างสุภาพ
เฉียนจิ้งหลานมองไปที่ไป๋ปิงแล้วยิ้ม: "ถ้าเป็นหนูให้ ป้าก็ชอบหมดล่ะจ้ะ"
ไป๋ปิงยิ้มอย่างมีความสุข
หลินจิงจื้อเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า "คุณป้าคะ ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี หรือว่า เราจะออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหมคะ?"
เยี่ยชิวก็นึกขึ้นได้ว่า ทั้งเขาและไป๋ปิงก็ยังไม่ได้กินข้าวกันเลย จึงพูดว่า "แม่ครับ ผมหิวแล้ว"
ไป๋ปิงพูดทันทีว่า "หรือว่าไม่ต้องออกไปกินข้างนอกดีคะ กินที่บ้านก็ได้ หนูชอบกินอาหารของคุณป้าที่สุดเลย อร่อยกว่าที่เชฟของโรงแรมทำซะอีก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...
51 หายไปไหน...