วิวาห์ร้าย:คลั่งรักเจ้าสาวแสนสวย นิยาย บท 15

"คุณเสิ่น จากผลตรวจ ผนังมดลูกของคุณบางมากและการแท้งบุตรจะนำไปสู่การเป็นแผลและการตกเลือดซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ในกรณีที่รุนแรงอาจไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกตลอดชีวิต เราไม่แนะนำให้คุณทำแท้ง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นฉีก็ขมวดคิ้วและหันเสวี่ยนโยวที่อยู่ข้างๆก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำแนะนำ “ไม่ควรทำแท้งเหรอ”

"ใช่ค่ะ ไม่แนะนำ" หมอถอนหายใจเบาๆ "พวกคุณลองคิดดีๆก่อน"

หลังออกมาจากโรงพยาบาล คิ้วของหันเสวี่ยโยวก็ขมวดเข้าหากัน "ทำแท้งไม่ได้ งั้นเธอจะทำยังไง พระเจ้า ทำไมมันถึงยุ่งยากขนาดนี้!"

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"

“งั้นฉันพาเธอกลับก่อน”

เสิ่นฉีพยักหน้าแล้วส่ายหัวอีกครั้ง "ไปส่งฉันที่บริษัทเถอะ”

เมื่อพวกเขามาถึงตึกของเยี่ยซื่อกรุ๊ป"เธอไปก่อนเถอะ ฉันจะกลับไปถามคุณหมอให้เธอสักหน่อย "หันเสวี่ยโยวพูด

“เสวี่ยโยว ขอบคุณนะ ฉันไปก่อนนะ”

เป็นเพราะคราวแล้ว ที่เธอมา แผนกต้อนรับหลายคนยังคงประทับใจเสิ่นฉีมาก ดังนั้นเสิ่นฉีจึงขึ้นลิฟต์อย่างราบรื่นและมาถึงห้องทำงานของประธานชั้นบนสุด

ประตูห้องทำงานไม่ได้ปิด เสิ่นฉีกำลังจะเคาะประตูแต่ก็ได้ยินการสนทนาจากคนในห้อง

“คราวที่แล้วฉันให้นายไปหาคนมา แต่นายพาผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉัน แล้วคราวนี้ก็พาผู้หญิงที่เป็นแม่คนแล้วมาอีก เซียวซู่เป็นเพราะฉันให้ท้ายนายมากเกินไป หรือว่าเดี๋ยวนี้นายไม่ใช้สมองทำงานแล้ว?"

เยี่ยมั่วเซวียนนั่งอยู่ในห้องทำงาน นิ้วเรียวตบลงบนโต๊ะ ดวงตาของเขาเผยความอำมหิตและรังสีอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วร่างของเขา

เซียวซู่ยืนอยู่หน้าโต๊ะและกำลังได้รับการสั่งสอน เขาก้มหัวลงเหมือนลูกสุนัขที่กำลังหดหู่

เมื่อเห็นฉากนี้ เสิ่นฉีก็หลบหลังประตูโดยไม่รู้ตัว

“คุณชายครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆเป็นเพราะคุณให้ข้อมูลมาน้อยเกินไป เพื่อให้เรื่องเงียบผมเลยต้องฆ่าปิดปาก ดีกว่าปล่อยไป” เซียวซู่ก็รู้สึกลำบากใจเช่นกัน เขาตามเยี่ยมั่วเซวียนไป เขาทำงานให้เยี่ยมั่วเซวียนมานานเรื่องที่เคยต้องทำก็คือจัดการเกี่ยวกับงาน แม้ว่าจะมีปัญหาบ้างแต่เขาก็สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว

แต่งานวันนี้คือหาผู้หญิง แล้วยังเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้ประสีประสาอีก ใช่เรื่องง่ายซะที่ไหนกัน

“ฉันให้ข้อมูลน้อยเหรอ แกไม่หาข้อมูลเองไม่ได้?” เยี่ยมั่วเซวียนเยาะเย้ย ดวงตาที่คมกริบของเขามืดลงและมือที่ยันโต๊ะของเขาก็หยุดลงเช่นกัน: "หรือแกกำลังโทษฉัน?"

น้ำเสียงที่แผ่วเบาและเย็นชานั้นทำให้เซียวซู่รีบยืนตัวตรงและส่ายหัวปฏิเสธทันที

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ! คุณชายเยี่ย ต่อไปผมจะจัดกำลังคนไปตรวจสอบเพิ่มเติม คราวหน้าผมจะสอบสวนด้วยตัวเองและจะนำตัวมาส่งให้ท่านกับมือ”

“สอบสวน?”

“ท่านวางใจได้ ถ้าเป็นคนคนนั้น ผมจะไม่ทำร้ายเธอแน่นอน”

“ออกไป” เยี่ยมั่วเซวียนได้คำตอบที่พอใจแล้วคลายเนคไทออกอย่างเบื่อหน่าย

เซียวซู่แทบจะรอไม่ไหวที่จะให้เยี่ยมั่วเซวียนบอกให้ตนออกไปให้พ้น ในห้องทำงานนี้เย็นยะเยือกจนเขาไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป"ครับ!"

หลังจากที่เซียวซู่ออกมา เขาก็ปิดประตูห้องทำงานแล้วหันกลับไปมองเสิ่นฉีที่ยืนอยู่ข้างกำแพง

เซียวซู่รีบดึงเธอไปที่มุมห้องทันที "คุณไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วเหรอ ถึงได้มาแอบฟังผมกับคุณชายเยี่ยคุยกัน"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นฉีก็ส่ายหัว "ฉันเพิ่งมาแล้วก็ได้ยินพวกนายคุยกันพอดี ว่าแต่เขากำลังตามหาใครอยู่เหรอ"

พอเซียวซู่ได้ยินก็หรี่ตาลง “คุณเสิ่น ผมขอเตือนคุณอะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถามเลย เดิมทีที่คุณแต่งงานกับตระกูลเยี่ยก็เพื่อทดแทน แต่ก็ไม่ถือว่าภรรยาที่แท้จริงของคุณชายเยี่ยได้ ถ้ายังยุ่งเรื่องของคนอื่นอีก เกร็งว่าคุณนายก็คงไม่ได้เป็น”

คำพูดของเซียวซูตรงไปตรงมามาก ทำให้เสิ่นฉีหลับตาลงด้วยความลำบากใจ "ฉันรู้..."

เมื่อเห็นว่าจู่ๆเธอก็ซึมไป เซียวซู่ตระหนักว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นค่อนข้างรุนแรง "ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นไม่ค่อยน่าฟัง แต่คุณเสิ่นก็คงจะเข้าใจดีหรือพูดสั้นๆ ว่าอย่าพูดถึงเรื่องของวันนี้ ไม่อย่างนั้นแม้แต่ผมก็ช่วยคุณไม่ได้" หลังจากพูดจบ เซียวซู่ก็หันหลังกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว

เสิ่นฉียืนอยู่ตรงมุมประมาณห้านาทีก่อนที่จะเคาะประตู

“เข้ามา” เสียงของเยี่ยมั่วเซวียนฟังดูเย็นชาและไร้ความปราณีแล้วยังแฝงไปด้วยความโกรธลางๆ

เสิ่นฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ผลักประตูห้องทำงานแล้วเดินเข้าไป

เยี่ยมั่วเซวียนไม่ได้นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน แต่นั่งหันหลังให้เธออยู่ตรงหน้าหน้าต่างบานใหญ่ ตาเขามองลงไปด้านล่าง

บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง เยี่ยมั่วเซวียนก็ตระหนักว่าคนที่มานั้นไม่ได้พูดอะไร เขาเลยขมวดคิ้วแล้วหันรถวิลแชร์กลับไป

สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาโดยไม่คาดคิดคือใบหน้าซีดเซียวของเสิ่นฉี

เยี่ยมั่วเซวียนขมวดคิ้ว "เธอมาทำอะไรที่นี่"

เสิ่นฉีเงยหน้าขึ้น สายตาของเธอไปปะทะเข้ากับเขา "ฉัน...ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณ"

เยี่ยมั่วเซวียนยิ้มเย้ยดูถูกและเหลือบมองที่ท้องแบนราบของเธอ ก็เกิดความหงุดหงิดอีก

เขาดึงเนคไทที่อกของเขาแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จะทำยังไงกับเด็กในท้อง”

เยี่ยมั่วเซวียนเริ่มที่จะพูดถึงเรื่องของเด็กซึ่งทำให้ใบหน้าของเสิ่นฉีซีดอีกครั้งมือของเธอกำแน่น

“ไม่พูดสักคำ เธอคิดจะเก็บเขาไว้เหรอ”

เมื่อนึกถึงคำพูดของหมอ เสิ่นฉีก็รวบรวมความกล้าที่จะมองเขา "ขอเวลาอีกสักสองสามวันได้ไหม..."

“ไม่!” เยี่ยมั่วเซวียนปฏิเสธโดยไม่ได้คิด ความหนาวเย็นแผ่ไปทั่วร่างกายของเขา เขามองเสิ่นฉีเหมือนมองคนตายและพ่นคำพูดที่โหดร้ายออกจากริมฝีปากบาง ๆ ของเขา "หลังจากสองวันนี้ถ้าเด็กยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะลงมือเอง"

...

ชั่วพริบตาสองวันก็ผ่านไป

เสิ่นฉีไม่ได้ไปโรงพยาบาลเพื่อทำแท้งเด็ก เพราะหันเสวี่ยโยวขอให้เธอยื้อเยี่ยมั่วเซวียนไว้ก่อนและเธอก็ไปพบแพทย์ด้วยตัวเองเพื่อดูว่ามีวิธีการทำแท้งโดยที่ไม่ส่งผลร้ายกับร่างกายของเธอหรือไม่

เพียงแต่ว่าถึงวันที่ตกลงไว้แล้ว ก็ยังหาวิธีที่ดีทั้งคู่ไม่ได้

คืนนี้เสิ่นฉีอยู่ในห้องนอนวิตกกังวล ภาวนาว่าเยี่ยมั่วเซวียนจะไม่กลับมา แต่เธอมันก็ไม่เป็นไปตามที่เธอหวัง

แอ๊ด เสียงเปิดประตูดังขึ้น

เยี่ยมั่วเซวียนหมุนวีลแชร์เพื่อเข้าประตูและเห็นผู้หญิงที่นั่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่คมกริบของเขาจับจ้องเธอ "ถึงเวลาที่ตกลงไว้แล้ว"

น้ำเสียงที่สงบของเขากลับให้ความรู้สึกเย็นชา ดวงตาของเขามืดหมนราวกับความมืดอันตรายราวกับสัตว์ร้ายที่หลับใหลอยู่

เสิ่นฉีโกหกไม่เก่ง ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย เธอหลับตาแล้วพูดเบา "ฉันรู้ ฉันเอาเด็กออกแล้ว "

“จริงเหรอ” เยี่ยมั่วเซวียนหัวเราะเยาะ

เสิ่นฉีสั่นด้วยความประหม่าทันทีและเสียงของเธอก็เบาลง "ฉัน...ฉันทำแท้งแล้วจริงๆ..."

หลังจากพูดจบ เสิ่นฉีก็หยิบบิลจากกระเป๋าของเธอด้วยมือที่สั่นเทาแล้วยื่นให้เยี่ยมั่วเซวียน "นี่คือใบรับรองการทำแท้ง คุณดูสิ"

เยี่ยมั่วเซวียนไม่ได้รับบิลนั้น

บรรยากาศกระอักกระอ่วนแผ่ซ่าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ร้าย:คลั่งรักเจ้าสาวแสนสวย