“ฉันเหมือนล้อเล่นเหรอ?”
จางเห่อโดนย้อน
บนรถ มู่เวยเวยที่กำลังหลับตาคิด เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนสองคน จึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“หิวไหม?” เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นเธอดูเฉาๆ จึงถามขึ้นด้วยความเห็นห่วง
“นิดหน่อย”
“ช่วงนี้คุณผอมลงมาก กลับไปผมจะให้ฉินหม่าทำซุปให้คุณ” เย่ฉ่าวเฉินใช้หลังมือลูบไล้ที่ใบหน้าเธอด้วยความรัก
มู่เวยเวยยิ้ม “ค่ะ ซุปปลาที่ฉินหม่าทำอร่อยมาก” ในใจกลับพูดว่า ครั้งที่ถูกลักพาตัวไป เธอวิ่งไปโรงพยาบาลทุกวัน ไม่ผอมก็เกินไปละ
“คุณชอบก็ดี”
ขากลับ
มู่เวยเวยหยั่งเชิงถามขึ้น “คุณไปถามได้ความว่ายังไงบ้าง? ใครอยู่เบื้องหลัง?”
“เขาปากแข็งไม่พูดอะไร แต่ผมยังมีวิธี คืนนี้ผมจะเสิร์ฟออเดิร์ฟมื้อใหญ่ให้เขา”
มู่เวยเวยตกใจกลัวกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา “ออเดิร์ฟอะไร?”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างน่ากลัว “เรื่องนี้คุณไม่รู้จะดีกว่า”
“หึ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม มันไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ เขาเกรงว่าคนดีของเขาจะกลัว
“คุณไม่กลัวว่าคนอื่นจะมาช่วยเขาเหรอ?” มู่เวยเวยถาม
เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างภาคภูมิใจ “ไม่กลัว ข้อแรกสถานที่นี้เป็นที่เฉพาะไม่มีคนรู้จัก ข้อสองแม้ว่าจะมีคนรู้จักและต้องการมาช่วยเขา ผมเลี้ยงคนไว้มากมายขนาดนี้ก็ไม่ใช่ว่าไร้ประโยชน์ บุกเข้ามาได้ค่อยว่ากันอีกที”
มู่เวยเวยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเมื่อเป็นแบบนี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือคนที่มาช่วยฉู่เหยียนจะเตรียมการมาอย่างดีพร้อมกับอาวุธครบมือ เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้เตรียมการในด้านนี้ หากบาดเจ็บสาหัส จิตใจเธอคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ
ตอนนี้พวกเขาอาศัยฝีมือของแต่ละคน เธอไม่ใช่พระเจ้าทำอะไรไม่ได้มากมายขนาดนั้น
กลับถึงคฤหาสน์เวลาทุ่มกว่าๆ จางเห่อไปจัดการธุระ เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยไปรับประทานอาหารเย็น
เพราะการกลับมาของเย่ฉ่าวเฉิน ฉินหม่าดีใจมากวันนี้จึงจัดอาหารมื้อใหญ่ไว้เต็มโต๊ะ ทั้งหมดล้วนมีแต่ของที่เย่ฉ่าวเฉินชอบ
“ฉันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้” มู่เวยเวยยิ้มแล้วมองไปที่เย่ฉ่าวเฉิน “ครั้งสุดท้ายที่ฉันถามคุณ คุณรู้ใช่ไหมว่าสมบัติซ่อนอยู่ที่ไหน หากยังบอกว่าไม่รู้ ก็เท่ากับว่าโกหกฉัน”
เย่ฉ่าวเฉินชะงักไป ตอนนั้นเขายังไม่แน่ใจว่าเธอใช่มู่เวยเวยหรือไม่ แล้วจะบอกความลับเรื่องนี้กับเธอได้อย่างไร?
“ต้องโทษที่ตอนนั้นคุณเป็นหุ้นส่วนผม”
มู่เวยเวยพยักหน้า “ก็ถูก เรื่องแผนที่ขุมทรัพย์ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ควรพูดกับคนนอก แต่ก็น่าเสียดายความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ก็คือได้ออกไปล่าหาสมบัติ ฉันยังไม่ได้ดูแผนที่ขุมทรัพย์ด้วยซ้ำ ก็มีคนแย่งไปจากมือ”
รอยยิ้มของเย่ฉ่าวเฉินคืบคลานไปทั่วแววตา ถ้าแผนที่ขุมทรัพย์ถูกขโมยไปจริงๆ อย่างนั้นมู่เวยเวยก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไป ดังนั้นเขาต้องรั้งเธอไว้ให้สุดความสามารถ
“คุณคิดว่าผมโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
มู่เวยเวยสะดุ้ง “หมายความว่ายังไง? แผนที่ขุมทรัพย์ที่พวกเขาแย่งไปเป็นของปลอมงั้นเหรอ?”
“ใช่ เพียงแต่ตอนนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก แน่นอนว่าผมต้องเตรียมรับมือไว้ ดังนั้นเพื่อป้องกันการสูญหายและถูกโจรกรรม ผมจึงทำสำเนาไว้สองชุด เอาไปเก็บไว้คนละที่” เย่ฉ่าวเฉินพูดเพ้ออย่างเป็นจริงเป็นจังโดยไม่เขินอายแม้แต่น้อย
เมื่อมู่เวยเวยเห็นเขาพูดจริงจังขนาดนั้น เธอก็เชื่อจริงๆ
“คุณมองการณ์ไกลจริงๆ งั้นคุณก็ไม่ต้องไปหาสมบัติแล้วใช่ไหม?”
“อันที่จริงผมไม่อยากครอบครองแผนที่ขุมทรัพย์นี้เลยสักนิด” เย่ฉ่าวเฉินหยุดพูด สีหน้าเนือยๆ เล็กน้อย “พ่อแม่ของผมก็เพราะแผนที่ขุมทรัพย์ใบนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลง และอีกอย่างพวกเขาก็ตายเพราะมัน ผมไม่อยากเดินตามรอยพวกเขา ดังนั้นอีกอันจึงอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก ไม่ได้อยากออกไปตามหาสมบัติเหล่านี้ เมื่อเทียบกับการต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อค้นหาสมบัติที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า ผมยอมใช้สติปัญญาของตัวเองทุ่มเททำงาน เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง ผมคิดว่าผมก็ทำได้ไม่เลวนะ”
ปฎิเสธไม่ได้ มู่เวยเวยแปลกใจเมื่อได้ยินเรื่องราวที่เขาเล่ามา เย่ฉ่าวเฉินผู้เย็นชาและโหดร้ายก็มีมุมแบบนี้ด้วย
“ทำไม? มันสะเทือนความรู้สึกของฉัน?” มู่เวยเวยถามขึ้นยิ้มๆ เย่ฉ่าวเฉินมองเธออย่างุนงง
มู่เวยเวยไม่ได้ปิดปัง “มันน่าสะเทือนใจ เพราะฉันคิดว่าพวกคุณก็เหมือนพวกผู้มีอิทธิผลในโลกธุรกิจ ทุกอย่างคือเงิน คิดไม่ถึงว่า คุณจะเป็นข้อยกเว้น”
“ผมก็ชอบเงินเหมือนกัน แต่สุภาพบุรุษชอบทำมาหากิน”
มู่เวยเวยหัวเราะจนแทบสำลักข้าว
“หัวเราะอะไร? ผมพูดไม่ถูกเหรอ?”
มู่เวยเวยหัวเราะจนปวดท้อง “ฮ่าๆ ฉันขำจะตายอยู่แล้ว สุภาพบุรุษ? เย่ฉ่าวเฉินอย่างคุณเรียกว่าสุภาพบุรุษเหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินทำให้เธอตกใจ แทนที่จะโกรธแต่เขากลับหัวเราะ “ก็ใช่ ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษ”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งสองนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เย่ฉ่าวเฉินกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ตอนแรกเขายังทำตัวปกติ และผมของเธอก็ถูกหวีไว้อย่างเรียบร้อย หลังจากนั้นเขาก็เหิมเกริมล่วงมือเข้าไปข้างในคอเสื้อ...
มู่เวยเวยตีมือเขาดัง “เพี๊ยะ” “อย่าลวนลาม”
มือของเย่ฉ่าวเฉินหยุดอยู่ที่ไหปลาร้า แล้วกระซิบที่ข้างเธอ “ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษ”
“อย่าเพิ่งแตะ ฉันยังไม่ได้อาบน้ำ” มู่เวยเวยกระซิบอย่างมีเลสนัย
“ผมไม่ถือ” พูดแล้วมือก็เลื้อยเข้าไปด้านใน แต่มู่เวยเวยจับไว้ซะก่อน
“ฉันถือ” มู่เวยเวยจับมือเขาออก “ดูทีวีดีๆ”
เย่ฉ่าวเฉินสัมผัสไปที่ใบหน้าของเธอ พร้อมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ผมไม่ได้แตะตัวคุณมาหลายวันแล้วนะ”
“วันนี้คุณเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล คุณหมอบอกให้คุณทำตัวดีๆ”
“คุณกลัวผมจะไม่มีแรงเหรอ?” มือของเย่ฉ่าวเฉินลูบไล้ไปตามนิ้วของมือ จับมันยกขึ้นแล้ววางไว้ระหว่างฟัน การกระทำเพียงเล็กน้อย ทำให้มู่เวยเวยขนหัวลุก
“เย่ฉ่าวเฉิน คุณอย่าทำตัววุ่นวาย” มู่เวยเวยพยายามดึงมือตัวเองกลับแต่ไม่เป็นผล ทันใดนั้น ก็ถูกอีกคนอุ้มขึ้นมาแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน “อ่ะ——เย่ฉ่าวเฉิน คุณปล่อยฉันลงนะ ไหล่ของคุณยังเจ็บอยู่”
“ดูเหมือนว่าคุณกำลังสงสัยในความแข็งแกร่งของร่างกายผมนะ คุณลืมไปแล้วเหรอ ผมไม่ใช่คนธรรมดา” เย่ฉ่าวเฉินมองไปยังดวงตาสีเข้มของเธอแล้วยิ้มอย่างนุ่มนวล เพียงความอบอุ่นในแววตาก็จุดชนวนในตัวเธอ
ตอนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร เธอบอกว่าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษ เย่ฉ่าวเฉินจึงอยากลองสัมผัสเข้าไปข้างในเพื่อทบสอบและให้บทเรียนเธอ แต่ตอนนี้เขาไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป
“งั้น… งั้นให้ฉันไปอาบน้ำก่อน” มู่เวยเวยพูดอย่างเขินอาย
“ทำเสร็จแล้ว ผมจะไปอาบกับคุณ”
มู่เวยเวยเก็บอารมณ์ไว้ พึมพำเบาๆ “งั้นคุณ...จะทำเสร็จตอนไหน”
คำพูดของเธอจุดประกายไปในตัวของเย่ฉ่าวเฉิน เขารีบก้าวอย่างรวดเร็ว เตะประตูเปิดออก แล้ววางเธอไว้บนเตียง อยากเข้าไปประกบจูบเธอแทบทนไม่ไหว
“วางใจได้ วันนี้ผมจะพยายามให้เร็วขึ้น”
“อย่าฉีกเสื้อฉัน...อ่ะ——ฉันเกลียดคุณ”
“ก็ผมเป็นหมาป่า คุณจะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกิน” เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเปลวไฟในดวงตา ช่างลึกลับเหลือเกิน
“จะทำอะไรอีก?” มู่เวยเวยเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง เปลือกตาแทบลืมไม่ขึ้น
“ไม่อยากไปอาบน้ำเหรอ? จะอุ้มไปห้องอาบน้ำ จะได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนง่ายๆ”
มู่เวยเวยโถมตัวเข้าหาเขา “คุณนี่แรงดีจริงๆ”
“ยอมรับแล้วเหรอ? กว่าจะยอม” เย่ฉ่าวเฉินผลักประตูห้องอาบน้ำแล้วมองเธอขำๆ “ยังยืนไหวไหม?”
“ไหว ยืนไหว”
เย่ฉ่าวเฉินวางเธอลงช้าๆ เปิดน้ำทดสอบอุณหภูมิ แล้วให้เธอไปยืนใต้ฝักบัว “คุณค่อยๆ อาบนะ”
มู่เวยเวยอายที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา จึงหันไปล้างตัว
ผ่านไปสักพัก ร่างกายของเย่ฉ่าวเฉินก็เบียดเข้ามาใกล้
“คุณออกไปก่อน ฉันอาบเสร็จแล้วคุณค่อยมา” มู่เวยเวยพูดพร้อมกับใช้มือเล็กๆ ผลักไปที่อกของเขา
เย่ฉ่าวเฉินจะพลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร เขาดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ “เคยเห็นเปลือยมาตั้งหลายครั้งแล้ว ยังจะเขินอีกเหรอ?”
“ฉันไม่ชิน”
“แต่ก็ชอบที่เห็นคุณเป็นแบบนี้” เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม
“ทำไมคุณถึงน่ารำคาญขนาดนี้” มู่เวยเวยเม้มริมฝีปากบวมแดงของเธอราวกับเด็กทารก
ครั้งนี้มู่เวยเวยไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ จึงถูกเขาอุ้มออกมาจากห้องอาบน้ำในชั่วพริบตา
“คุณอย่า ฉัน…” มู่เวยเวยเตือนสติเขา
“ไม่แตะแล้ว” แววตาของเย่ฉ่าวเฉินหวานปานน้ำผึ้ง “ผมจะช่วยเป่าผมให้แห้งก่อนนอน”
“อืม”
เย่ฉ่าวเฉินนำไดร์เป่าผมออกมาจากห้องน้ำ วางหัวของเธอไว้บนขา แล้วเริ่มเป่าผมยาวของเธอทีละนิด ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะแห้งสนิท จนเธอผล็อยหลับไป
เวลากลางคืนอากาศหนาวมาก เย่ฉ่าวเฉินคลุมให้ทั้งสองคน จากนั้นก็โอบกอดเธอพร้อมเข้าสู่ห้วงความฝันอย่างสงบ
ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าราวกับได้ครอบครองโลกทั้งใบ ทั้งพอใจและปลื้มปริ่ม
กลางดึก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึกสงัด เย่ฉ่าวเฉินตื่นขึ้นมาจากความฝัน เอื่อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือ พบว่าคือจางเห่อ จึงกดรับสาย
“มีอะไร?”
“คุณชายครับ จางหางถูกช่วยไปแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินได้สติขึ้นมาทันที จึงลุกจากเตียง “เมื่อไหร่?”
“เมื่อสักครู่ครับ ได้ข่าวมาจากทางนั้นว่ามีคนบุกเข้ามาช่วยไปได้”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว กลัวว่าจะรบกวนมู่เวยเวย จึงเอ่ยถามเสียงเบา “แล้วคนเจ็บล่ะ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่แน่ใจครับ ตอนนี้ผมกำลังจะไปดู”
“รอเดี๋ยว ฉันไปด้วย” หลังจากวางสายเย่ฉ่าวเฉินรีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ตอนที่ออกจากห้อง เขาเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้อุ่นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นโน้มตัวเข้าไปจูบหน้าผากของมู่เวยเวยแล้วจากออกมา
ด้านนอกคฤหาสน์ จางเห่อรออยู่ก่อนแล้ว
“คุณชาย คุณเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล หรือ…”
“ไม่เป็นไร ขึ้นรถ”
ตอนกลางคืนเงียบสงัด บนถนนแทบไม่มีรถสักคน ราวกับหลุดเข้าไปในดินแดนไร้มนุษย์ แลนด์โรเวอร์สีดำแล่นไปด้วยความเร็วสูง เดิมทีที่ใช้เวลาเดินทางมากกว่าหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้จางเห่อขับรถมาถึงภายในครึ่งชั่วโมง
ที่ฐานมีแสงสว่างจ้า
เสี่ยวฟางเห็นเย่ฉ่าวเฉินมา จึงรีบทักทาย “เจ้านาย คุณมาแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว พร้อมเดินไปข้างหน้า “ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
“พวกเราได้รับบาดเจ็ดห้าคน แพทย์ประจำฐานกำลังช่วยชีวิตอยู่ ลูกน้องสามคนที่เรียกมาก็ตายหมด ยกเว้นจางหางที่เหลือตายหมดเลยครับ”
เย่ฉ่าวเฉินหยุดฝีเท้า แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ตายหมดเลยเหรอ?”
“ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนลงมือ สิ่งที่น่ากังวลคือสิ่งที่พวกเขาคายออกมา ดังนั้นเวลาดวงขึ้นจะทำอะไรก็ต้องทำให้สุด ยังไงก็โดนฆ่าปิดปากหมดอยู่ดี”
เย่ฉ่าวเฉินโหดร้ายก็จริง แต่ก็ไม่เคยทำร้ายพี่ทำร้ายน้อง “แม่งเอ้ย! พวกนี้มันบ้าไปแล้ว เห็นหน้าพวกมันไหม?”
เสี่ยวฟางส่วยหัว “ไม่ครับ พวกมันใส่หน้ากากปิดไว้”
“แล้วน้ำเสียงล่ะ?”
“ไม่ครับ พวกมันไม่ได้คุยอะไรกัน”
เย่ฉ่าวเฉินสำรวจไปรอบๆ เดินไปยังห้องที่จางหางเคยอยู่ ชายร่างใหญ่สามคนนอนตายจมกองเลือด
“ส่งเงินหนึ่งล้านในพวกเขา โอนไปให้สมาชิกในครอบครัว ถือว่าเป็นเงินบำนาญ” เย่ฉ่าวเฉินหันหลังไปพูดกับจางเห่อ
“ครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...