เมือง A
ตั้งแต่แรกคนถึงตอนนี้ฉู่เซวียนยังไม่ยอมเปิดปากพูดชื่อที่แท้จริงของกาวิน นี่ทำให้จางเห่อไม่สามารถทำอะไรได้อีกทั้งไม่สบายใช้ปืนยิงเขาให้ตายอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องให้เข้าให้น้ำเขาอีก
ตอนนี้จางเห่อไม่ได้คาดหวังให้ฉู่เซวียนเปิดปากพูดแล้ว เขาทำทุกวิธีทางแล้ว ตอนนี้ก็คงได้แต่หวังว่าทางด้านของคุณชายจะราบรื่น
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านมู่เทียนเย่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เย่ฉ่าวเฉินและฉู่เหยียนก็ราวกับว่าหายตัวเข้ากลีบเมฆไปเลย ภายหลังเสี่ยวซีหร่านได้โทรหาเย่ฉ่าวเฉินหลายสาย แต่กลับโดนเขาตัดสายทิ้ง ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ
" อย่าบอกนะว่าทางเย่ฉ่าวเฉินเกิดเรื่องอะไรขึ้น " เสี่ยวซีหร่านพูดขึ้นด้วยความสงสัย
" ที่เขาไม่รับสายเธออาจจะเป็นเพราะว่าไม่อยากตอบคำถามเธอ ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเขา ถ้าหากเขาเจอปัญหาและจนปัญญาจริงๆ " มู่เทียนเย่ครุ่นคิด และพูดอย่างลึกลับว่า " เขามีความสามารถพอที่จะเอาตัวรอดมาได้ "
เสี่ยวซีหร่านใช้สายตาที่ตกใจมากมองหน้าเขา " โอ้โห นี่คุณถึงขั้นชมเย่ฉ่าวเฉินแล้วหรอ วันนี้พระอาทิตย์คงไม่ได้ขึ้นจากทิศตะวันตกใช้ไหม? "
มู่เทียนเย่พูดด้วยรอยยิ้ม " ฉันไม่ได้ชมเขา แต่เพราะว่าเขามีความสามารถนี้จริงๆ "
ความอยากรู้อยากเห็นของเสี่ยวซีหร่านเพิ่มสูงขึ้น เธอโน้มตัวไปใกล้กับแขนของเขาแล้วถามว่า " คำพูดของคุณมีความหมายซ่อนอยู่นะ ไหนลองพูดมาสิ ว่าเขาจะเอาตัวรอดมาได้ยังไง? "
ชายหนุ่มลังเล จะบอกเรื่องนี้กับเธอดีไหม? ถ้าจะบอก แต่เขาสัญญากับมู่เวยเวยไว้แล้วว่าจะไม่บอกใคร แต่ว่าถ้าไม่บอก ยากมากที่เสี่ยวซีหร่านจะใช้สายตาแบบนี้อ้อนวอนเขา
" ทำไมล่ะ? พูดไม่ได้หรอ? มู่เทียนเย่ นี่คุณถึงกับช่วยเย่ฉ่าวเฉินเก็บความลับแล้วหรอ? " สายตาของเสี่ยวซีหร่านเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ชายหนุ่มยื่นมือไปโอบเธอไว้ " ฉันรับปากเวยเวยไว้ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคนอื่น "
เสี่ยวซีหร่านหยิกที่แขนเขาอย่างแรงหนึ่งที " มู่เทียนเย่ คุณเห็นฉันเป็นคนอื่นหรอ? ได้ ถ้าอย่างนั้นคนอื่นแบบนี้ก็จะ......"
หญิงสาวกำลังจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกมู่เทียนเย่คว้าให้เธอกลับมาอยู่ที่เดิม
" ก็ได้ๆ ฉันจะบอกเธอ แต่ว่าเธอต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ "
เสี่ยวซีหร่านชูมือขึ้นสาบาน " ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าความลับนี้มันจะน่าทึ่งแค่ไหน แต่ว่าฉันสัญญาว่าจะไม่บอกให้ใครรู้เป็นคนที่สามแน่ "
ท่าทีของมู่เทียนเย่ซับซ้อนมาก ไม่รู้จะเริ่มพูดเรื่องนี้ยังไงดี คิดเป็นเวลานานกว่าจะพูดขึ้นว่า " ฉันจะเล่าตั้งแต่แรกนะ......"
หลังจากเล่าเรื่องแปลกประหลาดและมหัศจรรย์นี้เสร็จ ท่าทีของเสี่ยวซีหร่านไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มู่เทียนเย่เข้าใจความรู้สึกของเธอตอนนี้เป็นอย่างดี เขาเลยไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว นั่งอยู่ข้างๆเธออย่างเงียบๆรอให้เธอตั้งสติให้ได้ก่อน
หลังจากผ่านไปสามนาที เสี่ยวซีหร่านก็ถามเขาอีกครั้งว่า " มู่เทียนเย้ ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? "
" ก็เพราะแบบนี้ไงนี่เลยเป็นความลับ " มู่เทียนเย่กางมือออก
เสี่ยวซีหร่านกระโดดออกจากโซฟา เดินวนไปมาที่ห้องรับรองอยู่หลายรอบ " จะเป็นไปได้ยังไง? เขาเป็นมนุษย์ต่างดาวหรอ? นี่มันแปลกประหลาดมากจริงๆ ไม่ได้การละ ฉันต้องหาที่ระบายสักหน่อย "
" เธอจะไปทำอะไร? " มู่เทียนเย่เห็นเธอวิ่งขึ้นบันได้ไปเลยถามเธอ
" ฉันจะไปวิ่ง ฉันต้องสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เรื่องนี้มันบ้าไปแล้ว"
มู่เทียนเย่หัวเราะและส่ายหัว แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจ เย่ฉ่าวเฉินไปต่างประเทศทำไม? เกี่ยวข้องกับเวยเวยหรือไม่?
มหาสมุทรแปซิฟิก
เย่ฉ่าวเฉินผ่านการพักฟื้นสองวันแล้ว ร่างการค่อยๆฟื้นตัว เดิมทีเขาอยากที่จะออกไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ด้วยความที่เขาเสียเลือดมากแค่ลุกยืนก็จะไม่มีแรงอยู่แล้ว เหยี่ยวราตรีขอร้องเขาสุดชีวิตเขาถึงได้ยอมพักฟื้นอีกหนึ่งวัน
หลายวันมานี้สิ่งที่จีน่าดีใจที่สุดก็คือในตอนกินข้าวของทุกวันที่เธอจะส่งอาหารไปให้ใครบางคน ถึงแม้ว่าเขาจะดูเย็นชา แต่ทุกครั้งเขาก็จะยิ้มขอบคุณเธอ รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของชายรูปหล่อ สามารถล่อใจหญิงสาวคนหนึ่งไปได้เลย
เย่ฉ่าวเฉินดูความรู้สึกของจีน่าที่มีต่อเขาออก เพราะว่าเธอแสดงอกชัดเจนเกินไป แค่ก้าวขาเข้ามาก็มองเขาอย่างไม่ละสายตา แววตาเปล่งประกายไปหมด บางทียังยิ้มหวานอีก ถึงแม้ว่าใจเขาจะเข้มแข็งขนาดไหน ก็ทนต่อการกระทำที่เร่าร้อนนี้ไม่ได้
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เย่ฉ่าวเฉินคงจะเย็นชาทั้งคำพุดและท่าทีไปแล้ว แต่ว่าจีน่าถือเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ และยังเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสาอีก ไม่ว่าจะเป็นคำพุดหรือการกระทำเขาจะทำรุ่นแรงและไม่รักษาน้ำใจเธอไม่ได้
แต่ว่า เขาไม่อยากยั่วผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว และไม่อยากให้ผู้หญิงดีๆคนนี้ตกหลุมลึกไปกว่านี้ เขาจึงพูดปฏิเสธอ้อมๆกับจีน่าว่า " จีน่า เรื่องส่งอาหารเล็กๆแค่นี้ให้เพื่อนฉันทำก็ได้ ไม่ต้องรบกวนเธอหอก "
แต่จีน่าฟังความหมายสิ่งที่เขาจะสื่อไม่ออก และพูดด้วยรอยยิ้มว่า " ไม่รบกวน ไม่รบกวนเลยสักนิด "
เย่ฉ่าวเฉินหมดคำจะพูด ผู้หญิงคนนี้นี่......
ช่างเถอะ พรุ่งนี้เขาก็จะไปแล้ว พึงจะคิดถึงตรงนี้ ก็ได้ยินจีน่าถามว่า " คุณเป็นคนจีนหรอ? "
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า " ใช่ เป็นคนจีน "
จีน่าพูดอย่างตื่นเต้นว่า " คนที่มาเที่ยวที่นี่ครึ่งหนึ่งเป็นคนจีนทั้งนั้น ได้ยินมาว่าประเทศของพวกคุณของอร่อยเยอะมากใช่ไหม? "
" ใช่เยอะมาก " เย่ฉ่าวเฉินพยายามพูดให้น้อยๆเข้าไว้ แต่ในใจกลับอึกอัก เหยี่ยวราตรีคนนี้แค่ไปซื้อเสื้อผ้า ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก? ซื้อผ้ามาตัดเองรึไง?
" ถ้าอย่างนั้นพวกคุณกลับประเทศพรุ่งนี้ พาฉันไปด้วยได้ไหม? ฉันอยากไปเที่ยวบ้านเมืองคุณมากๆ อยากกินของอร่อยๆ โตมาขนาดนี้แล้วฉันยังไม่เคยไปไหนเลย "
คำพูดของจีน่าทำให้เย่ฉ่าวเฉินตกใจและอึ้งไปเลย เขานิ่งไปหลายวินาที
จีน่าเห็นท่าทางของเขาก็คิดว่าเขาไม่เต็มใจ เลยพูดขึ้นอีกครั้งว่า " ฉันไม่ให้คุณซื้อตั๋วให้หรอกนะ เมื่อวันก่อนผู้ชายคนนั้นชดใช้เงินให้ฉันเป็นจำนวนเยอะมาก ฉันก็แค่อยากให้คุณช่วยนำทาง "
" ไม่ จีน่า ถ้าเธอเต็มใจที่จะไปฉันก็ยินดี แต่ว่าเธอไม่ลองถามพ่อกับแม่เธอก่อนหรอ? พวกท่านจะเต็มใจรึเปล่า?
จีน่ายิ้มอย่างพอใจ " พวกเขาออกทะเลไปแล้ว ไม่ถึงครึ่งเดือนพวกเขาไม่กลับมาหรอก พอถึงเวลานั้นฉันก็กลับจากประเทศทศจีนแล้ว พวกเขาไม่รู้หรอก "
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกหดหู่ใจ เขาคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า " เอาแบบนี้ ถ้าฉันกลับบ้านไปน่าจะยุ่งมาก ฉันจะให้ภรรยาฉันพาเธอเที่ยวชมแล้วกันนะ "
พอพูดประโยคนี้ออกมา รอยยิ้มของจีน่าก็หายไปทันที สีหน้าเป็นเหมือนกับสาวญี่ปุ่นคนก่อนหน้านี้
" คุณแต่งงานแล้วหรอ? " จีน่าถามอย่างไม่สบอารมณ์
เย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างอ่อนโยน " แน่นอนสิ ฉันอายุสามสิบแล้วนะ ก็ต้องแต่งงานแล้วสิ และฉันยังมีลูกชายวัยครึ่งขวบที่น่ารักคนหนึ่งแล้วด้วย "
จีน่าชะงัก รอยยิ้มก็ค่อยๆหายไป และไม่กล้าสบตาเขา " ถ้าอย่างนั้น ฉันไปล้างจานก่อนนะ " พอพูดจบก็หยิบจานชามที่เย่ฉ่าวเฉินใช้กินข้าวเสร็จออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เย่ฉ่าวเฉินเห็นถึงความตื่นตระหนกของเธอ แต่เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ ให้รอยยิ้มกับเธอจะเป็นการทำร้ายเธอเปล่าๆ
ผลลัพธ์ชัดเจนมาก บ่ายวันนี้ จีน่าไม่ก้าวขาเข้ามาที่ห้องนอนชั้นสองเลยแม้แต่ก้าวเดียว รวมถึงอาหารมื้อเย็นก็เป็นเหยี่ยวราตรีที่เป็นคนยกมา
" เจ้านาย ผมเห็นว่าจีน่าอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอเป็นอะไร? "
เย่ฉ่าวเฉินคีบกุ้งตัวหนึ่งมา แล้วชำเลืองตาไปมองเหยี่ยวราตรจากนั้นพูดว่า " เธออยากให้ฉันพาเธอกลับประเทศด้วย แต่ฉันปฏิเสธ "
เหนียวราตรีอึ้ง. เฮ้ย......นี่มันเป็นไปไม่ได้......อย่างแน่นอน
" ตั๋วเครื่องบินซื้อเรียบร้อยรึยัง? " เย่ฉ่าวเฉินถาม
" เรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าแปดโมง ดังนั้นเราเลยต้องนั่งเรือข้ามฟากไปสนามบินตั้งแต่ตีหน้า
" ไม่จำเป็นต้องเก็บคนไว้ที่นี่แล้ว ให้ทุกคนถอยได้ "
" เข้าใจแล้ว "
เย่ฉ่าวเฉินกัดกุ้งกิน เขาก็ขมวดคิ้ว รสชาตินี้......
" เจ้านาย เป็นอะไร? " เหยี่ยวราตรีสังเกตเห็นถึงท่าทีที่ผิดปกติของเขา
เย่ฉ่าวเฉินคายกุ้งที่อยู่ในปากออกมา ดื่มน้ำไปอึกใหญ่ค่อยพูดขึ้นว่า " จีน่าคิดว่าน้ำตาลเป็นเกลือ อีกทั้ง น้ำตาลเยอะมาก "
เหยี่ยวราตรีหัวเราะเบาๆ และคิดในใจ จีน่าเสียใจขนาดนี้ทำอาหารให้เราก็ถือว่าดีมากแล้ว ยังจะเรื่องมากอีก
" กุ้งพวกนี้นายกินให้หมดเลย "
เหยี่ยวราตรียังไม่ทันจะได้หุบยิ้มก็หน้าเจื่อนทันที " เจ้านาย ผม ผมไม่ชอบ......"
" นี่เป็นอาหารที่เธอตั้งใจทำ ถ้าเททิ้งแล้วเธอมาเห็นมันจะดูไม่ดี ดังนั้น จานนี้นายกินให้หมด " เย่ฉ่าวเฉินผลักอาหารจานนั้นไปวางไว้ตรงหน้าเขา ส่วนตัวเองก็หันไปกินเมนูปลาที่อยู่ขานข้างๆอย่างใจจดใจจ่อ
เหยี่ยวราตรีแกะกุ้งทุกตัวแล้ววางไว้ในถ้อยของตัวเองอย่างน่าสงสาร เจ้านายนี่ช่างขี้เหนียวจริงๆ แค่หัวเราะก็ไม่ได้
" พรุ่งนี้ตอนอกจากที่นี่ไม่ต้องปลุกเธอ เอาเงินที่แลกไว้ในกระเป๋าเก็บไว้ให้เธอ " เย่ฉ่าวเฉินพูดนิ่งๆ
" โอเค รับทราบครับ "
ในตอนกลางคืนที่นอนอยู่บนเตียง เย่ฉ่าวเฉินจ้องเชือกสีแดงที่หยุดนิ่งนั้น และคิดถึงสายตาที่ลูกชายมองเขา ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที แต่ว่าพอคิดถึงภาพที่เขาอยู่ในท้องของมู่เวยเวย เพราะเรื่องเลวที่เขาทำลงไปทำให้เด็กได้รับผลกระทบจากมู่เวยเวยหรอ ถ้าทำให้เขามีท่าทีที่แปลกๆต่อตัวเองแบบนี้?
ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่มีเวลาพิจารณามากขนาดนั้น เขาเชื่อว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ขอแค่ช่วยเวยเวยและลูกชายออกมาได้อย่างปลอดภัย ใช้เวลาอยู่กับเขาเยอะ ลูกต้องยอมรับเขาอยู่แล้ว
วันรุ่งขึ้น ฟ้าสว่าง เย่ฉ่าวเฉินและเหยี่ยวราตรีแต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงจากห้อง สองวันที่ผ่านมาเพื่อดูแลเย่ฉ่าวเฉิน เหยี่ยวราตรีเลยนอนที่พื้น
ที่คิดไม่ถึงก็คือ จีน่ายืนรอรออยู่หน้าบ้าน แต่เรื่องที่ดีคือเธอไม่ได้มีกระเป๋าเดินทางอยู่ข้างกาย
" จีน่า ทำไมเธอ......" เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความสงสัย
หลังจากผ่านการคิดทบทวนไปแล้วหนึ่งวัน รอยยิ้มของจีน่าก็น้อยลงมาก เธอยิ้มให้เห็นฟันขาวๆของเธอแล้วพูดว่า " ฉันลองเช็คข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตดูแล้ว ไฟท์ที่บินไปประเทศจีนมรแค่ตอนแปดโมงเช้า ดังนั้นฉันเลยเดาว่าพวกคุณจะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปแต่เช้าตรู่แน่ "
เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้าไปตรงหน้าเธอ ยอมรับเลยว่าจีน่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ทั้งสวยและใจดี แต่ว่าในใจเย่ฉ่าวเฉินเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น
" จีน่า ขอบคุณเธอมากนะ " เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างจริงใจ
" ไม่เป็นไร ฉันดีใจมากที่รู้จักพวกคุณ " จีน่าหยุดพูดไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า " ถ้าในอนาคตฉันไปเที่ยวประเทศจีน ไปหาคุณได้ไหม? ให้ภรรยาคุณเป็นไกด์ให้ฉัน "
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น " ได้แน่นอนสิ ถ้าเธอมา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะเป็นคนจัดการเอง "
" ได้เลย คุณอย่าลืมนะ "
เย่ฉ่าวเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา " เบอร์โทรศัพท์เธอคืออะไร ฉันจะโทรหาเธอ เธอก็บันทึกเบอร์ฉันไว้ ฉันไม่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แน่นอน "
จีน่าบอกเบอร์โทรศัพท์ของเธอไป เย่ฉ่าวเฉินกดโทรออก บรรยากาศที่เงียบสงบก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างหู
" ถ้ามาประเทศจีนให้มาหาฉันนะ "
จีน่าพยักหน้า " ได้ " จากนั้นเธอก็มองเขาด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า " คุณคือผู้ชายคนแรกที่ฉันชอบ ตอนนี้คุณจะไปแล้ว ฉันขอกอดคุณหน่อยได้ไหม? "
เย่ฉ่าวเฉินลังเลอยู่สองวิ และยื่นมือไปกอดเธอด้วยตัวเอง และลูบหลังเธอเบาๆแล้วพูดว่า " จีน่า เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก และคู่ควรกับผู้ชายที่ดีกว่านี้ "
จีน่าน้ำตาเริ่มไหล ออกจากอ้อมกอดเขา " พวกคุณเดินทางปลอดภัยนะ ฉันไม่ไปส่งแล้วนะ ฉันต้องกลับไปนอนต่อ ลาก่อน เหยี่ยวราตรีลาก่อน "
" ลาก่อน "
เพราะเวลามีจำกัด เย่ฉ่าวเฉินและเหยี่ยวราตรีไม่รอช้าและออกเดินทางทันที แต่คนที่พูดว่าจะกลับไปนอนต่อ กลับยืนมองอยู่หน้าประตูต่อไป จนกระทั่งเงาของพวกเขาหายไป น้ำตาที่กั้นไว้ก็ค่อยไหลๆออกมา
สิ่งทีสวยงามที่สุดในช่วงวัยรุ่นของหญิงสาว แต่เสียดาย ที่เวลาไม่ใช่และคนที่ไม่ใช่
ตั้งแต่กาวิน จางเหิง และอลิซออกจากที่นี่ไป การค้นหาในเกาะก็อ่อนแอลงเยอะมาก โดยเฉพาะในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ นอกจากนักท่องเทียวและคนขายของบนท้องถนนแล้ว ก็ไม่มีทหารที่พกปืนให้เห็นเลย
หลังจากขึ้นเรือ เย่ฉ่าวเฉินถามเหยี่ยวราตรีเบาๆ " แล้วคนอื่นๆล่ะ? "
" ถึงสนามบินตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว " เหยี่ยวราตรีพูด
เรือออกจากท่าอย่างรวดเร็ว เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เกาะนี้เป็นครั้งสุดท้ายโดยไม่ได้มีความคิดถึงใดๆเลย สิ่งเดียวที่เขาคิดอยู่ตอนนี้มีแค่เวยเวย
......
วินาทีที่มู่เวยเวยอุ้มลูกน้อยของเธอลงจากเครื่องบิน เธอก็มีความสุขมาก เพราะว่าผู้คนตรงหน้าย่อมคล้ายคลึงกับเธอและพูดภาษาเดียวกัน
ฮ่า ในที่สุดกาวินก็มาถึงประเทศจีนแล้ว อากาศสดชื่นขึ้นมากๆ
ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังเป็นการโฆษณาสถานที่ท้องเที่ยวของท้องถิ่น มู่เวยเวยคิดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ที่เย่ฉ่าวเฉินเคยเล่าให้เธอฟัง เหมือนว่าจะอยู่จังหวัดนี้แหละ
การกระทำของกาวินนั้นถือว่ารวดเร็วมาก เวลาเพียงสั้นๆก็หาตำแหน่งจากแผ่นที่เจอได้ ในระหว่างนี้คุณฉ่ายก็น่าจะช่วยเหลือไม่น้อยเลยทีเดียว
ในช่วงเวลาหนึ่งวันกว่านี้มู่เวยเวยใช้ชีวิตบนท้องฟ้า โดยเธอนั่งเฮลิคอปเตอร์ก่อนจากนั้นก็เปลี่ยนเครื่องไปนั่งการบินพลเรือน เธอเป็นผู้ใหญ่ยังพอทนได้ แต่อาการของลูกน้อยแย่มาก เหมือนว่าไม่ว่ามู่เวยเวยจจะอุ้มเขายังไงก็ไม่สบายตัว พลิกไปพลิกมา อยู่ไม่นิ่งสักที
ในที่สุดก็ออกจากพื้นที่ที่จำกัดมาได้สักที ดวงตาของเด็กชายตัวน้อยๆก็มองไปรอบๆ มองสภาพแวดล้อมใหม่ๆนี้ และดวงตาที่สุดพิเศษของเขานี้ก็ดึงดูดคนได้ในจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แน่นอนว่ายังมีหน้ากากที่งดงามของกาวินนั้นด้วย
มู่เวยเวยยินดีต้อนรับกับความสนใจแบบนี้มากๆ ยิ่งทิ้งร่องรอยไว้มากเท่าไหร่ เย่ฉ่าวเฉินก็จะหาเธอเจอง่ายขึ้นมากเท่านั้น
ทันใดนั้น เสียงของกาวินก็ดังขึ้นข้างหูเธอ " อย่าคิดนะว่ากลับมาที่ประเทศจีนแล้วเธอจะมรโอกาสหนี ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเด็ก เธอก็อยู่เฉยๆอย่ามาเจ้าแผนการ "
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นแล้วมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง " กาวิน นอกจากขู่ผู้หญิงกับเด็ก คุณไม่มีอย่างอื่นที่ต้องทำแล้วหรอ? "
กาวินโกรธขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนรอบข้างอยู่เยอะ คงตบหน้าเธอไปแล้ว
เวลาผ่านไปไม่นาน คนกลุ่มหนึ่งก็ออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว มีรถมารอล่วงหน้าแล้วหลายคันมาก
กาวิน คุณฉ่ายและจางเหิงนั่งรถคันเดียวกัน ส่วนมู่เวยเวยและลูกนั่งคันเดียวกับอลิซ
รถขับผ่านใจกลางเมืองข้ามแม่น้ำ ก่อนฟ้าจะมืดก็มาถึงเมืองเล็กที่ไม่คุ้นตาเลย การตกแต่งของโรงแรมนั้นเรียบง่ายมาก และเหมือนจะพังเล็กน้อย แต่ว่าสำหรับคนที่นั่งเครื่องบินและนั่งรถมาทั้งวัน ขอแค่ได้นอนเตียงนุ่มๆก็ถือว่าสบายมากแล้ว
มู่เวยเวยอยู่ห้องเดียวกับอลิซ กาวินและจางเหิงอยู่ประกบห้องซ้ายขวาของพวกเธอ
เพื่อที่จะปกปิดล่องรอย กลุ่มคนพวกนั้นไม่ได้ออกไปกินข้าว แต่กลับส่งอาหารออนไลน์แล้วกินห้องใครห้องมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...