วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 232

มู่เวยเวยถูกลากเข้าไปในรถแล้วก็เริ่มมีไข้สูง อีกทั้งยังสูงถึงสามสิบเก้าองศาอย่างรวดเร็ว คนก็สะลึมสะลือ ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลยตั้งแต่แรก

"หมอ จู่ๆ เธอเป็นไข้ได้อย่างไร? " กวินขมวดคิ้วถาม

หมอของคลินิกในเมืองเล็กๆ พูดว่า "น่าจะเกิดจากการติดเชื้อที่แผล บวกกับหลายวันมานี้ร่างกายเธออ่อนล้ามาก พักผ่อนไม่เพียงพอ"

"งั้นตอนนี้ต้องทำยังไง? "

"ฉันจะให้ยาลดไข้สักสองสามขวด ให้เสร็จแล้วค่อยกลับมาดู ถ้าพรุ่งนี้เช้าไข้ยังไม่ลด ก็ส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะ"

"ไม่ได้" กวินปฏิเสธหมอประจำหมู่บ้าน "เวลาของเราเร่งด่วนมาก ไม่ว่างไปดูอาการที่โรงพยาบาลหรอก"

หมอประจำหมู่บ้านหันไปมองชายที่สวมหน้ากากอย่างไม่พอใจ "คุณผู้ชายคนนี้ แต่ไหนแต่ไรมาฉันยังไม่เคยเห็นคนในครอบครัวอย่างคุณเช่นนี้เลย ถึงแม้เวลาจะบีบบังคับมาก ชีวิตคนก็สำคัญที่สุด คุณไม่รู้ใช่ไหมว่าเป็นไข้ก็สามารถตายได้? "

"นี่มันเรื่องของฉัน" กวินพูดโดยไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย "คืนนี้คุณต้องทำให้ไข้เธอลดลง มิเช่นนั้น ถึงแม่ว่าพรุ่งนี้เธอจะป่วยอยู่ ฉันก็จะพาเธอออกเดินทางตามปกติ"

"คุณ……” หมอถูกเจ้าหมอนี่ทำให้โกรธจนไม่รู้จะพูดอะไร หัวอกของคนเป็นหมอ มักดูถูกสมาชิกในครอบครัวที่ขาดความรับผิดชอบเช่นนี้ โกรธมากจ้องมองไปทางกวิน สะบัดแขนเสื้อกลับไปปรุงยาที่คลินิก

ห้องเงียบมาก เพราะว่าเป็นไข้ คอกับหน้ามู่เวยเวยจึงแดงมาก ทว่าริมฝีปากขาวซีดจนน่าตกใจ

อลิซอุ้มเด็กเข้ามา กวินหันไปเห็นก็พูดว่า "อุ้มเด็กมาทำอะไร? ออกไป เดี๋ยวก็ติดเชื้อหรอก"

"ลูกงอแงไม่หยุดต้องการจะพบมู่เวยเวย ฉันอดไม่ได้ที่จะพาเขามาดู" อลิซพูดอธิบาย

เด็กเมื่อเห็นแม่ ก็ดิ้นรนต้องการออกจากอ้อมแขนของอลิซ ในปากก็อ้อแอ้ไม่รู้ว่าพูดอะไร

"เจ้านาย เธอเป็นอย่างไรบ้าง? " อลิซกอดเด็กไว้แน่น กลัวว่าเขาจะล้มลงไป

กวินพูดอย่างหงุดหงิดว่า "เป็นไข้ อีกสักพักหมอจะมาให้น้ำเกลือ คาดว่าต้องให้ข้ามคืน"

อลิซมองเจ้านายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เห็นได้ชัดว่าอ่อนล้าเล็กน้อย ก็เลยพูดว่า "เจ้านาย คุณไปพักผ่อนเถอะ คืนนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ดูเธอเอง"

กวินส่ายหัว "คุณดูแลเด็กให้ดีๆ ก็พอ ผู้ใหญ่ยังสามารถต้านทานได้ ถ้าเด็กป่วยจะยุ่ง ข้างหน้าเรายังต้องเดินทางไปอีกไม่น้อย ไม่สามารถเสียเวลาได้อีกแล้ว"

"งั้นฉันให้จางเหิงหรือใครก็ได้มาแทน คุณไม่สามารถพักอยู่ที่นี่ทั้งคืนได้หรอก"

"จางเหิง? " กวินเงยหน้าขึ้นมองเธอ "คุณลืมไปแล้วเหรอว่าจางเหิงกับเย่ฉ่าวเฉินมีความแค้นต่อกัน ให้เขามา คาดว่ามู่เวยเวยจะมีชีวิตไม่ถึงพรุ่งนี้นะสิ" ส่วนคนอื่นๆ เขาก็ไม่ไว้ใจใคร

"แต่ว่าคุณ……” ประโยคหลังของอลิซนั้น"ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ชาย"ยังไม่ได้พูดออกไป กวินก็ตัดบทว่า "พอแล้ว คุณอย่าพูดเลย"

ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตาย เขากลัวจริงๆ ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะกัดขึ้นมาเหมือนหมาบ้า นั่นเรียกได้ว่าวิญญาณไม่ไปไหน

อันที่จริงเขาก็ไม่อยากให้เธอตาย เพียงแต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลนั้นโกรธจนเดือดดาล ไม่มีสติเลย คิดแค่อยากจะทรมานผู้หญิงคนนี้อย่างโหดเหี้ยม ไม่คาดคิดว่าร่างกายของเธอจะรับไม่ไหวแบบนี้ ถ้ารู้อย่างนี้ ในตอนนั้นเขาก็จะยินยอมฉีดยาชาให้เธอ ก็ไม่ถึงขนาดว่ามีไข้สูงหรอก

อลิซเหลือบมองเจ้านายด้วยสีหน้าสับสน แล้วอุ้มเด็กที่เฝ้ามองแต่แม่ออกไปจากห้อง

เมื่อไหร่กันนะที่เจเนายสนใจผู้หญิงคนหนึ่งมากขนาดนี้? เขามีความสัมพันธ์พิเศษกับฉู่เซวียนไม่ใช่เหรอ? หรือว่าจะเป็นเหมือนที่เจ้านายของตนเองพูดจริงๆ มู่เวยเวยเป็นเพียงแค่ตัวประกันคนหนึ่งที่สำคัญมากงั้นเหรอ?

ไม่เข้าใจเลย

คืนนี้ กวินนั่งหลับตาพักผ่อนร่างกายอยู่บนเตียงอีกเตียงหนึ่ง ลืมตาเป็นครั้งคราวเพื่อดูปริมาณยาในขวดว่าเหลือเท่าไหร่ ให้ยามากเกินไปหรือเปล่า ทดสอบดูว่าไข้สูงของผู้หญิงคนนี้ลดลงมาหรือยัง เป็นห่วงเป็นกังวลจริงๆ

ยาลดไข้ให้ไปห้าขวดแล้ว มันเป็นเวลาตีสี่กว่าแล้ว กวินดึงหัวเข็มออก เห็นว่าใบหน้าที่แดงของมู่เวยเวยลดลงมากแล้ว จึงโล่งใจ ดูเหมือนว่าฉันไม่สามารถเสียเวลาในการเดินทางได้

ฉวยโอกาสตอนที่ยังมีเวลา กวินขึ้นเตียงแล้วนอนทันที

ท้องฟ้าค่อยๆ สว่าง มู่เวยเวยฟื้นจากหมดสติ สิ่งที่สะท้อนม่านตาคือเพดานสีขาว ที่นี่ที่ไหน?

ยกมือขึ้นนวดหัวที่ปวด มู่เวยเวยเห็นปลาสเตอร์ทางการแพทย์ที่หลังมือ ยังมีรอยแผลที่ช้ำ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหมดสติ

ความเจ็บปวดนั้น สามารถตายได้เลยจริงๆ

เดี๋ยวนะ ลูกล่ะ?

มู่เวยเวยหันไปมอง นี่ ทำไมถึงเป็นไอ้สารเลวกวินนี่? อลิซที่อยู่ด้วยกันกับเธอล่ะ?

มู่เวยเวยลุกขึ้นมาจากเตียง ยังคงใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของเมื่อวาน เพราะพิษไข้เหงื่อจึงออกมามาก เวลานี้ทั้งชื้นทั้งเหม็น

หันหน้าไปมองชายที่อยู่บนเตียงห่างออกไปหนึ่งเมตรอย่างเกลียดชัง ก็จะทำให้เขาได้ชิมลิ้มรสชาตินี้

การนอนหลับของกวินตื้นมาก ได้ยินเสียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ตื่นขึ้นมา ลืมตา มู่เวยเวยเตียงอยู่ตรงข้ามมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะกินคน กวินตื่นขึ้นมา สมองยังคงไม่ตื่น ก็ถูกดวงตาของผู้หญิงคนนี้ทำให้หวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว

"คุณคิดจะทำอะไร? ฆ่าฉันงั้นเหรอ? " กวินตื่นขึ้นมา

"หึ" มู่เวยเวยทำน้ำเสียงเย็นชา "ฉันก็อยากจะทำแบบนี้ แต่ชีวิตฉันกับลูกสองชีวิตแลกกับคุณหนึ่งชีวิต ฉันคิดว่ามันไม่ค่อยคุ้มค่า"

เธออยากจะฆ่ากวิน เช่นนั้นเธอกับลูกชายก็จะไม่มีชีวิตรอด มู่เวยเวยไม่โง่พอที่จะทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้

กวอนยืนขึ้นขยับแข้งขยับขา พูดเหน็บแนมว่า "ดูเหมือนว่าคุณก็ยังมีสมองนี่"

"เพียงแต่ฉันก็ประหลาดใจมาก" มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมองไปทางเขาอย่างเย้ยหยัน "คุณนอนยังต้องสวมหน้ากาก กวิน คุณไม่กลัวจะเอือมระอาหน้าเหรอ? หรือว่า สภาพคุณดูน่าเกลียด แม้แต่ตัวเองก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง"

ั่วขณะแขนขาทั้งสี่ของกวินก็แข็งทื่อ "มู่เวยเวย ผิวหนังเป็นเพียงภาระสำหรับฉัน เพียงแค่ทำให้ผู้หญิงเหล่านี้อย่างพวกคุณออกไป เพื่อป้องกันไม่ให้พวกคุณมาชอบฉัน"

"อ่อ ฉะนั้นคุณก็ชอบผู้ชายใช่ไหม? " มู่เวยเวยแทบจะพูดออกมาโดยไม่ยั้งคิด ยั่วยุในแววตา กลับกันเขาก็ไม่กล้าที่จะฆ่าตน พูดออกไปก็ดี

ชั่วขณะสายตาของกวินก็เคร่งขรึมลง ก้าวทีละก้าวๆ เข้ามาตรงหน้ามู่เวยเวย จับคอที่ละเอียดอ่อนของเธอ "จู่ๆ ฉันก็พบว่า ฉันก็สนใจผู้หญิงเหมือนกัน คุณอยากจะลองไหมล่ะ? "

มู่เวยเวยมองตรงไปที่ดวงตาคู่นั้นหลังหน้ากาก "ขอโทษนะ ฉันไม่ได้อคติกับคนรักเพศเดียวกัน แต่กับคนอย่างคุณนี้ทว่ารู้สึกรังเกียจอย่างมาก"

"แล้วเชื่อไหมล่ะว่าตอนนี้ฉันจะฆ่าคุณแล้ว" กวินพูดจบก็ยกมือขึ้นใช้แรงเล็กน้อย เหมือนจับคอหงส์ สามารถบีบให้หักได้เลย

มู่เวยเวยก็ไม่อ่อนข้อ ยกมือขึ้นตรงไปแกะหน้ากากของเขา "ในเมื่อฉันจะตายแล้ว ขอดูใบหน้าที่แท้จริงของคุณคงไม่มากเกินไป" ระหว่างที่พูด มือของเธอก็แตะที่ขอบหน้ากากแล้ว กำลังจะเปิด ก็ถูกกวินปัดมือออก

"อย่ามาแตะต้องฉัน! " กวินตวาดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

คอของมู่เวยเวยได้รับอิสรภาพ หัวเราอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "ยังจะมาพูดว่าตนเองเป็นหนุ่มหล่อไร้ที่ติ ชิ ฉันว่าอัปลักษณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างไม่ต้องสงสัย"

กวินไม่เคยเห็นใครกล้าถอดหน้ากากตัวเองเลยตั้งแต่เขาใส่หน้ากากมา มู่เวยเวยเป็นคนแรก ดังนั้นเมื่อเธอทำเช่นนี้ เขาก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับเพื่อที่จะหลบหลีก

ตุบๆๆ——

ในใจอัดอั้นแทบตาย เขาอยากจะฆ่าผู้หญิงที่วุ่นวายตรงหน้านี้เสียจริง

"มู่เวยเวย ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงหน้าไม่อายเช่นนี้อย่างคุณจริงๆ "

"กวิน คุณน้ำเข้าสมองเหรอ? เห็นได้ชัดว่าคุณทำร้ายฉันจนมีสภาพเช่นนี้ แต่ตอนนี้กลับมาด่าฉันงั้นเหรอ? " มู่เวยเวยลุกจากเตียงแล้วตรงไปผลักเขาออกไปข้างนอก "ออกไปออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ"

"อย่ามาแตะต้องฉัน" กวินพูดอีก แล้วผลักมือเธอออกไปด้วยความรังเกียจ คนที่คุ้นเคยกับเขาก็จะรู้ เขาค่อนข้างรักสะอาด ออกประตูไปแล้วเขาก็หันกลับมาพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า "มู่เวยเวย คุณเชื่อฟังฉันน่าจะดีที่สุด หากเกิดความคิดที่ไม่ดีอะไรขึ้นมาอีก ฉันจะไม่ใจอ่อนกับคุณเลย"

"หึ! คุณยังมีจิตใจอยู่ด้วยเหรอ? " มู่เวยเวยพูดประโยคที่เหยียดหยามนี้จบ เสียงประตูก็ปิดดัง"ปัง" ถือโอกาสล็อกด้านใน จากนั้นก็ตรงไปที่ห้องน้ำ

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในตอนนั้น มู่เวยเวยอัดอั้นอยากจะไปห้องน้ำ อดทนจนถึงเมื่อกี้ก็แทบจะทนไม่ไหว นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันลุกขึ้นไล่เขาออกไป

ลองคิดๆ ดู มู่เวยเวยให้น้พเกลือไปห้าขวด อดทนได้ตลอดทั้งคืนก็ถือว่าเก่งมาก

มู่เวยเวยอยากอาบน้ำมาก แต่แขนบาดเจ็บอยู่ ทำได้เพียงใช้ผ้าขนหนูเช็ดแก้ขัดไปก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา ก็เห็นน้ำเกลือห้าขวดโยนอยู่บนพื้น เธอตกตะลึงไปชั่วขณะ

ควไม่ใช่ไอ้สารเลวกวินนั่นอยู่ดูแลตนที่นี่ตลอดทั้งคืนหรอกนะ?

เชรด! สมองเขามีปัญหาจริงๆ คาดไม่ถึง……

แน่นอน มู่เวยเวยไม่ได้ประทับใจกวินเลยแม้แต่นิดเดียว เขาทำร้ายเธอจนหมดสติ ยังลักพาตัวเธอกับลูกมายังในที่ที่ลำบากเช่นนี้ สำหรับกวิน มู่เวยเวยมีแต่ความเกลียดชังและรังเกียจ

เตะขวดน้ำเกลือที่วางอยู่ มู่เวยเวยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปหาลูก ไข้สูงเพิ่งจะลดลง เธอยังครั่นเนื้อครั่นตัว ทั้งง่วงนอนอ่อนล้า เมื่อเดินไปถึงทางเดิน ก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะคิกคัก

มู่เวยเวยก็ดีใจ ผลักประตูเข้าไปเลย อลิซที่กำลังเย้าแหย่ให้เด็กหัวเราะ ก็มองมาที่เธอ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที กลายเป็นสาวสวยที่เยือกเย็น

"คุณเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู? " อลิซถามอย่างไม่สบอารมณ์

"โทษที ฉันลืม"

เด็กเห็นแม่เข้ามา ก็ตื่นเต้นคลานขึ้นจากเตียงปีนมาหาเธอ มู่เวยเวยเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว นำเขามาไว้ในอ้อมกอด จูบใบหน้าอมชมพูของเขาอย่างรักใคร่ ถามอย่างอ่อนโยนว่า "ลูกคิดถึงแม่ไหม? "

ลูกก็หัวเราคิกคัก ตอบโต้ด้วยการจูบที่ใบหน้าของเธอ ชั่วขณะมู่เวยเวยก็รู้สึกว่า ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยพลัง

อลิซมองไปที่มู่เวยเวยอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "ในเมื่อหายดีแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางเถอะ"

"ฉันอยากพักสักวันหนึ่ง ไข้ของฉันยังไม่หายเลย" มู่เวยเวยต้องการถ่วงเวลา แต่ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ ของเธออลิซมองออก

"มู่เวยเวย ไม่ว่าคุณจะดีขึ้นหรือไม่ เจ้านายก็ตัดสินใจแล้วว่าจะออกเดินทาง ที่แตกต่างคือคุณขึ้นรถเอง กับมีคนอุ้มคุณขึ้นรถ ดังนั้น อย่าทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์เลย จะว่าไป ค้นหาสมบัติเจอให้เร็วที่สุด เรารวมตัวกันก็ดีแยกจากกันก็ดี นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราทุกคนคาดหวังเหรอ? " อลิซพูดจบก็ไม่ได้สนใจเธอ เริ่มเก็บข้าวเก็บของเลย

มู่เวยเวยทำหน้าล้อเลียนใส่เธอจากด้านหลัง พูดพึมพำว่า "รวมตัวกันก็ดีจากกันก็ดีงั้นเหรอ? หวังว่าเมื่อถึงเวลาพวกคุณจะรักษาสัญญานะ" อุ้มลูกออกมา จู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ สมบัติอยู่ที่ไหน? แผนที่สมบัตินั่นเดิมทีถูกวาดขึ้นโดยเย่ฉ่าวเฉิน นั่นก็คือสมบัตินี้อยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ พวกกวินไม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบจะหาสามารถเจอได้อย่างไรล่ะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ