เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตอบกลับมาในทันที เขาถามตะกุกตะกัก "จะบอกว่าคุณผู้หญิงโดนลอบทำร้ายหรอ"
"ครับ โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ"
"พระเจ้า แต่ตอนที่ฉันดูข่าว ตอนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ"
ทหารต้วนอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ข่าวถูกปิด ทุกอย่างที่พวกคุณเห็นถูกตัดต่อหมดแล้ว และฆาตกรก็ใช้ปืนสไนเปอร์ไร้เสียงคุณภาพสูง นอกจากคนที่ถูกยิงแล้ว คนอื่นไม่มีทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"
"อย่างนี้นี่เอง ตอนนี้การผ่าตัดเป็นยังไงบ้าง" เย่ฉ่าวเฉินนึกถึงลูกชายขึ้นมา
"ทั้งคู่กำลังอยู่ในการรักษา ทั้งสองคนสบายใจได้ หมอจะพยายามรักษาอย่างเต็มที่"
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้รู้สึกประหม่าและกังวลแบบนี้มานานแล้ว "ผมทราบดี ขอบคุณครับ"
"ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ คนที่คุณควรขอบคุณคือเย่จิงเหยียน ถ้าไม่มีเขาวันนี้ คุณผู้หญิงคงไม่สามารถออกมาได้"
มู่เวยเวยไม่พูดจานานมาก เพราะเธอยังตะลึงอยู่ ไม่ว่าเธอจะมีจินตนาการเป็นเลิศขนาดไหน ก็คิดไม่ถึงว่าเย่จิงเหยียนจะทำเรื่องอย่างนี้ได้
ทหารต้วนเตือนเป็นอย่างสุดท้าย "เรื่องนี้ผมเห็นว่าพวกคุณเป็นคนฐานะพิเศษถึงยอมบอก อย่าบอกคนอื่นเด็ดขาด แม้แต่คนสนิทก้ห้ามบอก"
เย่ฉ่าวเฉินรู้ดี เขาจึงพยักหน้า "วางใจได้ พวกเราจะไม่บอกใคร"
"ขอบคุณมากครับ" ทหารต้วนมองใบหน้าซีดเซียวของมู่เวยเวย "พวกคุณไปพักก่อนเถอะครับ เพิ่งผ่าตัดไปได้แค่สามชั่วโมง ผมว่าอีกนานเลยกว่าจะเสร็จ"
"ครับ" เย่ฉ่าวเฉินประคองมู่เวยเวยไปนั่งตรงโซนพักผ่อน จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มาค้นหาชื่อของทหารต้วน เมื่อเห็นผลลัพธ์เขาก็อึ้งทันที
พระเจ้า เขาเป็นแม่ทัพภาคC
ลูกชายตกหลุมรักลูกสาวท่านแม่ทัพ อนาคตลูกสะใภ้ไม่ธรรมดาแล้ว
เมื่อพลิกดูประวัติโดยย่อของเขา เย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกนับถือเขาขึ้นมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่เวยเวยก็ได้สติกลับมา เธอรีบจับแขนสามี และถามอย่างตื่นๆ "ผิงอันทำเจ๋งๆอย่างนั้นจริงๆหรอ"
"ใช่ๆ เบาๆหน่อยคุณ" เย่ฉ่าวเฉินปลอบภรรยาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก "แต่คุณเป็นแม่ต้องกังวลเรื่องผ่าตัดของลูกสิถึงจะถูก"
มู่เวยเวยพูดอย่างมั่นใจ "ฉันก็เป็นห่วง แต่คนตระกูลมีเก้าชีวิตทั้งนั้น ไม่มีทางเป็นอะไรหรอก"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ทหารต้วนก็หันไปมองเธออย่างแปลกใจถ้าเป็นผู้หญิงปกติตอนนี้คงต้องร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล แต่แม่ของเย่จิงเหยียนแปลกมาก เธอดันพูดแบบนี้ออกมา
เย่ฉ่าวเฉินเข้าใจคำพูดของมู่เวยเวย
ตอนนั้นเขาก้ได้รับบาดเจ็บมามากมาย โดนปืน โดนมีด จมน้ำ ความจำเสื่อม แต่สุดท้ายเขาก็รอดมาได้ สถานการ์ตอนนี้มู่เวยเวยเลยไม่ได้รู้สึกหนักใจ
แน่นอนว่าลูกชายกำลังผ่าตัด มู่เวยเวยก็เป็นห่วงมาก แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกราวกับโลกจะถล่มลงมาตรงหน้า
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มบางๆ "อารมณ์ของคุณดีจริงๆ ถ้าลูกชายฟื้นแล้วได้ยินคุณพูดแบบนี้ ไม่รู้จะดีใจหรือร้องไห้ดี"
"หลายปีมานี้เขาดำเนินชีวิตราบรื่นเกินไป ฉันยังงงเลยว่าพระเจ้าคงจะลืมเขาไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันเพิ่งจะเริ่ม" มู่เวยเวยลูบมือสามี และพูดอีก "พวกเราต้องเตรียมตัวดี ถึงจะรับมือกับเรื่องร้ายแรงกว่านี้ในอนาคตได้"
"เห็นคุณเป็นแบบนี้ผมก็สบายใจ"
ทหารต้วนพูดไม่ออก ต้องเป็นพ่อแม่แบบไหนกัน ขนาดเขาเป็นทหารเห็นความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน ยังอดเป็นเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ แต่พวกเขากลับมั่นใจมากว่าลูกของตัวเองจะไม่เป็นอะไร
ถ้าอย่างนั้นจะบอกพวกเขาดีมั้ยว่าเมื่อกี้หมอออกมาบอกว่า เย่จิงเหยียนอยู่ในขีดอันตราย เขาจึงโทรตามทั้งคู่มา
เขาคิดๆดูแล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจไป เขากำลังทำการผ่าตัดอยู่ พูดอย่างนั้นคงไม่เหมาะสม
ทุกคนรอการผ่าตัดอย่างเบื่อหน่าย เย่ฉ่าวเฉินอยากเอาใจพ่อตาช่วยลูกชาย เขาจึงเดินไปคุยกับทหารต้วน "คุณต้วนครับ ผมว่าคุณก็น่าจะรู้ความสัมพันธ์ของเด็กสองคนแล้ว ไม่ทราบว่าคุณมีความเห็นยังไงบ้าง"
ใบหน้าเย็นชาของทหารต้วน เผยความอ่อนโยนออกมา "ผมเคารพการตัดสินใจของลูกมาตลอด ถ้าเธอชอบผมก็ไม่ขัด"
"โอ้ บังเอิญจริงๆ ผมก็คิดแบบเดียวกับคุณเลย" เย่ฉ่าวเฉินสบายใจมาก เขาพูดยิ้มๆ "ในฐานะพ่ออย่างพวกเราสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดก็คือ ให้ลูกปลอดภัย แข็งแรง ทางเดินข้างหน้าเป็นทางที่พวกเขาต้องเดินไปเอง พวกเราทำได้แค่เตือนและชี้แนะ เพราะยังไงมันก็เป็นเรื่องของพวกเขา"
"ถูก ผมก็คิดแบบนั้น"
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างพอใจ แต่สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด เขาก็คิดกับลูกสาวของเขาอย่างนี้จริงๆ ถ้าเย่ชูวเสวียได้บิยเช้าคงนั่งร้องไห้เป็นแน่
ทั้งสองคุยกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงของเมืองAในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเรื่องอื่นๆไปเรื่อย ทำให้บรรยากาสไม่อึดอัดอีกต่อไปแล้ว
เวลาค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ จนเมื่อถึงกลางคืน เย่ชูวเสวียกลับมาบ้านแล้วไม่เห็นใครอยู่สักคน เธอจึงขับรถออกมาจากบ้านพลางโทรหาแม่ไปด้วย
"โรงพยาบาลหรอ หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
ยังไม่ทันที่มู่เวยเวยจะบอกว่าไม่ต้องมา เธอก็วางสายไปก่อน หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เย่ชูวเสวียก็วิ่งมาด้วยความรีบร้อน "พ่อแม่ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชาย ทำไมถึงมาอยู่โรงพยาบาล"
"ตอนบ่ายเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"
เย่ชูวเสวียกวาดตาไปมองรอบๆ ก่อนจะเห็นคนคุ้นเคย "อ้าว คุณก็อยู่ที่นี่หรอ พี่สาวได้รับบาดเจ็บด้วยหรอคะ"
ชิงหลงรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้า
"ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ ยังไม่เรียกว่าเรื่องใหญ่อีกหรอคะ" เย่ชูวเสวียแปลกใจมาก เธอมองชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดทหาร ใบหน้าคล้ายกับต้วนอีเหยามาก จากนั้นเธอก็รู้ทันทีว่าเขาคือใคร ดังนั้นเธอจึงถามอย่างมีมารยาท "คุณอาท่านนี้คือพ่อของพี่สาวใช่มั้ยคะ"
ชายกลางคนได้ยินเธอเรียกลูกสาวเขาว่าพี่สาว เขาก็รู้สึกดีกับเด็กใบหน้าสะสวยคนนี้มาก "ใช่ อาเป็นพ่อของอีเหยา"
เย่ชูวเสวียโค้งคำนับ "สวัสดีค่ะคุณอา หนูเป็นน้องสาวของเย่จิงเหยียน ชื่อเย่ชูวเสวียค่ะ"
"สวัสดี"
ทันใดนั้นประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปหาหมอ หมอบอกว่า "การผ่าตัดของต้วนอีเหยาเรียบร้อยดีครับ ประสบความสำเร็จดีมาก คนไข้ถูกส่งไปดุอาการต่อที่ห้องICU ชั้นหกแล้ว"
"ขอบคุณครับ อีกคนล่ะ"
"อีกคนยังทำการผ่าตัดอยู่ คนไข้ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส กระสุนอยู่ใกล้หัวใจแค่นิดเดียว และมีอาการเสียเลือดมาก หมอกำลังช่วยอยู่ครับ"
ทหารต้วนพุดด้วยความจริงใจ "รบกวนด้วยนะครับ"
หมอพยักหน้า จากนั้นก็เดินเข้าห้องผ่าตัดไป
ตอนนั้นมู่เวยเวยถึงเพิ่งเริ่มกังวลขึ้นมาจนมือสั่นไปหมด
ทหารต้วนมองเธออย่างรีบร้อน "พวกคุณเชิญไปนั่งก่อนเถอะครับ ผมจะไปดูอีเหยาก่อน"
"รีบไปเถอะค่ะ"
เมื่อทุกคนไปแล้ว เย่ฉ่าวเฉินถึงเพิ่งรู้ว่ามือภรรยาเย็นมาก จึงถามอย่างเป็นห่วง "กลัวหรอ เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดไปเองไม่ใช่หรอ บ้านตระกูลเย่มีเก้าชีวิตกันทั้งนั้น ผิงอันก็ปลอดภัยเหมือนชื่อของเขานั่นแหละ"
มู่เวยเวยซบอกสามี พูดอย่างประหม่า "แต่ถ้าเกิด..."
"แม่ สบายใจเถอะ มันจะไม่มีถ้าเกิดอะไรทั้งนั้น" เย่ชูวเสวียปลอบ "พี่ชายต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน เขารักครอบครัว รักพี่สาวขนาดนั้น เขาไม่ทางเป็นอะไรแน่"
"ขอให้เป็นอย่างนั้น"
ห้องไอซียูชั้นล่าง ต้วนอีเหยานอนบนเตียงเงียบๆ ใบหน้าของเธอครอบหน้ากากออกซิเจนอยู่ ร่างกายก็เต็มไปด้วยผ้าพันแผล ข้างๆมีเครื่องวัดชีพจรและความดันของเธออยู่
"ทางเจ้าหน้าที่ได้ข่าวยังไงบ้าง" ทหารต้วนถามบอดี้การ์ดข้างๆ
"ยังไม่ได้อะไรเลยครับ"
ทหารต้วนด่าเสียงต่ำ "ไร้ประโยชน์"
ชิงหลงก้มหน้าลง จริงๆเขาจับคนได้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำสารภาพ แถมเจ้าหน้าที่ก็ทำงานสะเพร่า เหมือนว่าจะจับทุกคนที่ดูน่าสงสัยมาจนหมด
"ท่านยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยง อยากกินอะไรครับ ผมจะไปซื้อมาให้"
"ไม่ต้อง ฉันไม่หิว"
บอดี้การ์ดถอนหายใจ มีแต่คนบอกว่าท่านเข้มงวดกับลูกสาว จะมีใครรู้บ้างว่าที่จริงแล้วคนที่เป็นห่วงลูกสาวมากที่สุดก็คือเขาเอง
หมอที่ทำการผ่าตัดต้วนอีเหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินออกมา "ท่านควรไปพักผ่อนนะครับ คนไข้จะฟื้นพรุ่งนี้"
"ตอนนี้อาการเธอเป็นยังไงบ้าง" ทหารต้วนถามอย่างเป็นห่วง
หมอบอก "การผ่าตัดประสบความสำเร็จมาก ตอนที่เธอขึ้นรถพยาบาลมา แผลของเธอถูกปิดอย่างดีทำให้ไม่เสียเลือดมาก กระสุนก็ไม่ได้เข้าตแหน่งสำคัญ ดังนั้นเลยไม่มีปัญหาใหญ่อะไร"
ทหารต้วนแปลกใจ "เธอได้รับการพันแผลมาก่อนหรอ"
"ครับ ใช้ชายเสื้อพัน และผมได้ยินพยาบาลพูดกันว่า ตอนที่นำเธอมาขึ้นรถ เย่จิงเหยียนใช้มือข้างหนึ่งปิดแผลให้เธอตลอดทั้งสภาพสะลืมสะลือ...."
เมื่อทหารต้วนได้ฟังคำพูดของหมอ เขาก็รู้สึกดีกับเย่จิงเหยียนมากขึ้นไปอีก ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะรักลูกสาวเขาด้วยใจจริง ถ้าครั้งนี้เขามีชีวิตรอดมาได้ เขาจะไม่ยุ่งกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่อีก
นอกห้องผ่าตัด เย่ฉ่าวเฉินและคนอื่นๆกำลังรอคอยอย่างกังวลใจ จ้าวเสวียนที่อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่ก็กำลังรออยู่เช่นกัน
ห้าทุ่มแล้ว แต่เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยก็ยังไม่กลับบ้าน จ้าวเสวียนจึงคิดว่าตัวเองควรจะโทรไปแสดงความเป็นห่วงหน่อยมั้ย
เมื่อคิดอยู่ครู่ใหญ่ เธอก็โทรเข้าเบอร์มู่เวยเวย
"จ้าวเสวียนเธอนอนก่อนเลย พวกเรามีธุระ วันนี้ไม่กลับ"
"โอเคค่ะ ต้องหารให้ฉันช่วยอะไรมั้ยคะ"
"ไม่ต้อง"
ปลายสายตัดไปทันทีโดยไม่พูดอะไรต่อ จ้าวเสวียนข่มอารมณ์โกรธ มู่เวยเวยไม่พูดอะไรกับเธอสักนิด ตอนนี้เธอดูเป็นคนนอกของคนในบ้านหลังนี้
เย่ชูวเสวียถอนหายใจยาวๆ "แต่ตามตำนานเขาว่าชักศึกเข้าบ้านง่ายกว่าไล่ออกไป เราจะไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปยังไง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...