พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 635

บทที่ 635 หลีโม่กลับเมืองหลวง

ในใจหลีโม่กับซือถูเย้นต่างก็พูดว่า อันตรายมาก

ไม่มีเวลามาสรุปความแล้ว ต้องรีบจัดสรรแบ่งคนออกไปแล้ว

ได้ คนก็มีแค่นี้ ดีที่อยู่ใกล้เมืองหลวง ซูชิงสามารถกลับไปจัดคนมา เอาองครักษ์ลับออกมาให้หมด และเตาเหล่าต้าที่คิดอยากออกไปสู้รบอยู่ตลอด คราวนี้ เขาก็มีส่วนด้วยแล้ว

อ๋องเย่เดินทางมาทั้งคืน ได้ยินว่าเกิดเรื่องวุ่นวายที่เป่ยม่อ เขาโทษท่านพี่เจ็ดกับพี่สะใภ้เจ็ดอย่างไม่เกรงใจ “พวกเจ้าประมาทมากเลย ฉู่จิ้งเป็นคนที่จะสามารถรับมือได้ง่ายๆหรือ? หลายปีมานี้ เขาหลบอยู่ข้างหลังฉาวฮองเฮากับอ๋องเจิ้นโก๋ มีความอดทนลึกล้ำอย่างนั้น หากในมือไม่มีอำนาจไม่มีอะไรดี จะสามารถนั่งบนบัลลังก์มังกรได้นานขนาดนี้หรือ? อำนาจของเขาก็คือตระกูลฉิน ไม่ใช่ฉินโจว พวกเจ้าล้วนโดนเขาหลอกแล้ว”

ซือถูเย้นกับหลีโม่ต่างก็ก้มหัวอย่างรู้สึกผิด ฉู่จิ้งชั่ว

องค์หญิงอานได้ยินเช่นนี้ ก็พูดขึ้นว่า “จริงหรือ? พูดได้ชัดเจนจริงๆ เพียงแต่เคยได้ยินมาว่าเจ้าก็เคยถูกเขาหลอก เกือบต้องถูกตัดแขนทิ้งทั้งสองข้าง ไม่ใช่เพราะข้าช่วยเหลือ ตอนนี้เจ้าคง...เชอะ” พูดเสร็จ แล้วก็กวาดตามองมือทั้งคู่ของเขา

อ๋องเย่ก็พูดขึ้นว่า “นั่นเป็นเพราะข้ารู้ว่ายังไงองค์หญิงก็จะต้องช่วย สุดท้ายข้าก็รอดปลอดภัยไม่ใช่หรือ? จะพูดไปยังข้าก็มีพวกพ้องเยอะที่สุด พวกเจ้าเพียงไม่กี่คนคิดอยากที่จะสั่นคลอนราชบัลลังก์ของฉู่จิ้ง? ช่างน่าขำ”

“พอล่ะ” ซือถูเย้นโกรธจัด เขาพูดมาคำหนึ่งยังจะพยายามอดทนได้ พูดมากขึ้นเรื่อยๆจึงอดทนไม่ไหวแล้ว “ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องของเป่ยม่อ ใครจะไปรู้ว่าจะฉินโจวจะไม่ได้เรื่องขนาดนี้”

หลีโม่อดไม่ได้ที่จะช่วยแก้ต่างให้กับฉินโจว “นี่ไม่เกี่ยวกับฉินโจว นางเป็นเพียงนักรบ คิดอะไรง่ายๆ... บริสุทธิ์ใจ ถูกย่าทวดของตัวเองหลอกใช้ ยังไงนางก็ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่าง ใครจะไปรู้เหลาไท่ไท่ที่มีความยุติธรรมมาตลอด กลับโหดร้ายเลวทรามได้ขนาดล่ะ?”

หลังจากที่หลีโม่มาถึงยุคโบราณ พบว่าผู้หญิงยิ่งแก่ก็ยิ่งไม่ธรรมดา ตั้งแต่นายหญิงแก่จวนเฉิงเสี้ยงจนถึงกุ้ยไม่เฟย ยังมีไทฮองไทเฮา ตอนนี้ยังมีฉินเหลาไท่ไท่อีกคน ช่าง...เล่นไพ่นกกระจอกกันไม่ดีกว่าหรือ

บวกกับเหลาไท่จุนอีกคน สามารถซื้อม้าหรืออะไรก็ได้

ซือถูเย้นได้ยินนางช่วยพูดแก้ต่างให้กับฉินโจว ใบหน้าดำคล้ำ หรี่ตาที่ฉายไปด้วยแววแห่งเยือกเย็นลง “ใช่หรือ? รู้แต่แรกก็ทำตามวิธีของข้า ให้แม่ทัพใหญ่หลงรวบรวมฝ่ายจู่เหอยึดวัง ยังไงก็ดีกว่าลงมืออย่างบุ่มบ่ามแบบนี้ กลับเป็นการหลงกลฉู่จิ้ง”

เซียวโธ่พูดว่า “ข้ากลับคิดว่า ฉู่จิ้งนั้นรู้ว่าท่านอ๋องจะร่วมมือกับคนของฝ่ายจู่เหอยึดวัง ถึงได้ให้ฉินเหลาไท่ไท่ลงมือบังคับให้อ๋องเจิ้นโก๋ยึดวัง บางทีข้างกายฉินโจวอาจจะมีไส้ศึกมาตลอด แผนการและการกระทำของพวกเราอีกฝ่ายล้วนก็รู้ทั้งหมด หวนกลับไปคิดดีๆแล้ว ตอนที่ฉินโจวเข้าไปเอาเสบียงอาหารกับยาที่สวนสัตว์หยู้ซื่อ ทำไมถึงได้ง่ายขนาดนั้นล่ะ? บัตรเจ็บล้มตายก็แค่สิบกว่าคน”

“ก่อนหน้านี้เจอตัวไส้ศึกแล้วไม่ใช่หรือ? แต่...” หลิ่วหลิ่วคิดอยู่แปบหนึ่ง แล้วมองดูหลีโม่ “ทำไมพวกเราถึงคิดว่า ไส้ศึกมีเพียงคนเดียวล่ะ?”

หลีโม่รู้สึกท้อขึ้นมาทันที ความสำเร็จที่มีความสุขก่อนหน้านี้หายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

ถึงแม้อ๋องเย่ชอบดูความพ่ายแพ้ผิดหวังของคนอื่น แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ ตอนนี้ต้าโจวได้ถอนทัพจนหมดแล้ว จะบอกให้กับเซียวเซียวจัดส่งทหารไปประจำยังจุดต่างเหมือนเดิม เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด ก็คือช่วยเหลือฉินโจว ทำลายกลอุบายของฉู่จิ้ง ให้เขาพ้นจากตำแหน่งนั้นไปตลอดกาล ตายอย่างไรที่ฝั่งได้ก็ยิ่งดีที่สุด

หลังจากที่ปรึกษาหารือกันแล้ว ซือถูเย้นถามอ๋องเย่ว่า “ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง?”

อ๋องเย่หัวเราะ “ครึกครื้น”

“ครึกครื้น? ครึกครื้นยังไง? พูดที่สำคัญหน่อย” ซือถูเย้นพูดขึ้น

“ก่อนอื่น” อ๋องเย่ทำเป็นปรับเสียงในลำคอ “ขอแสดงความยินดีที่เจ้ามีพี่สะใภ้เพิ่มขึ้นอีกคน ท่านพี่ฮ่องเต้ของเราแต่งตั้งฮองเฮาแล้ว”

“เสด็จแม่เพิ่งสิ้นไปได้ไม่ถึงปี เขาก็แต่งตั้งฮองเฮาแล้ว?” แววตาซือถูเย้นเยือกเย็น

“ใช่ ห้องเฮาคนนี้มีฝีมือไม่เบา รับตราประทับอองเฮามาได้ไม่ถึงครึ่งเดือน วังหลังก็ถูกนางจัดการอย่างเข้มงวดเป็นระเบียบเรียบร้อย” อ๋องเย่พูดขึ้นอย่างเหน็บแนม

“ฮองเฮาองค์ใหม่คือใคร?” หลีโม่ถามขึ้น

อ๋องเย่ตอบว่า “หลานสาวคนโตของตระกูลหู หูฮวนหลิง ลูกพี่ลูกน้องของหูฮวนซี”

ทุกคนอ้าปากค้าง หลีโม่รู้สึกว่าหัวสมองโตขึ้นมาทันที ตระกูลหูก็เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วหรือ?

“ทำไมนายท่านหูถึงยอมตกลงกับงานแต่งนี้? อีกอย่าง ฮ่องเต้เอาลูกสาวพ่อค้าคนหนึ่งมาเป็นฮ่องเฮา นี่ช่าง...” ซูชิงขมวดคิ้ว

ฮองเฮาสถานะสูงส่ง ไม่จำเป็นต้องมาจากตระกูลใหญ่ ดีที่สุดคือตระกูลนักรบหรือ ลูกสาวหลานสาวของขุนนางคนสำคัญ พ่อค้าถึงจะรวยล้นฟ้า ยังไงสถานะก็อยู่ในระดับล่าง แต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาได้อย่างไร?

หลีโม่พูดขึ้นว่า “นายท่านหูไม่ยินยอมได้ด้วยหรือ? นั่นเป็นราชโองการนะ ใครกล้าขัดต่อราชโองการ?”

อ๋องเย่พยักหัว “ใช่ หลังจากแต่งตั้งฮองเฮาแล้ว ยังแต่งกุ้ยเฟยอีกคนหนึ่ง ซุนฟางเอ้อร์”

อันนี้ ทุกคนต่างก็คิดไว้แล้ว เพียงแต่ยังไงซุนฟางเอ้อร์ก็เป็นภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานของอ๋องหนานหวย เขาแย่งเมียของน้องชาย ตอนนี้ฮ่องเต้จะไม่เอาศักดิ์ศรีแม้แต่น้อยแล้ว

“ไม่เพียงเท่านี้ พวกเราจะมีเสด็จแม่เพิ่มมาอีกคน เพื่อเรื่องนี้แล้ว ทำให้ท่านพี่สามเหนื่อยจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนตั้งหลายคืน” อ๋องเย่หัวเราะอย่างขมขื่น

“เสด็จแม่คนไหนอีก?” ซือถูเย้นถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

“สีไท่เฟย ตอนนี้ถูกแต่งตั้งให้เป็นฮองไทเฮาเซิงเต๋อ”

ทุกคนต่างก็แทบลืมตำแหน่งนี้ไปแล้ว สีไท่เฟย เป็นไท่จื่อเฟยของฮ่องเต้องค์ก่อนตอนที่ยังองค์รัชทายาท แต่ด้วยความอิจฉา ทำให้ลูกในท้องของจินเหลียงหยวนตายในตอนนั้น ถึงถูกฮ่องเต้องค์ก่อนลดตำแหน่งให้เป็นเหลียงหยวน หลังจากเข้าวังแล้ว นางก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นนางสนมคนหนึ่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด และก็ไม่เป็นที่โปรดปราน ทุกข์ทรมานอยู่ในวังหลายปี หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นแล้ว เพราะครอบครัวของนางเป็นตระกูลใหญ่จึงได้เป็นไท่เฟย

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ฮ่องเต้จะแต่งตั้งให้นางเป็นฮองไทเฮาเซิงเต๋อ มีอำนาจในวังหลังร่วมกับหูฮวนหลิง

ดังนั้น อ๋องเย่มองดูหลีโม่ “พี่สะใภ้เจ็ด ตอนนี้หมุยเฟยเหนียงเหนียงถูกกดขี่อย่างมาก ดังนั้น เป่ยม่อเจ้าจึงจะไปไม่ได้แล้ว ในเมื่อโรคระบาดก็มียารักษาแล้ว เจ้ากลับไปดูแลหน่อยดีกว่า”

หลีโม่ยิ่งหนักใจเข้าไปใหญ่ จะไม่ให้หยุดพักหน่อยหรือ?

“อ๋องหนานหวยล่ะ?” หลีโม่ขมวดคิ้วถามขึ้น

“ตอนนี้เขาสงบเสงี่ยมมาก ถูกกักบริเวณแล้ว จึงไม่สามารถก่อเรื่องอะไรได้” อ๋องเย่พูดขึ้น

หลีโม่มองดูซือถูเย้น ซือถูเย้นค่อนข้างไม่วางใจที่จะปล่อยนางไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ไม่มีใครสามารถเอาสีไท่เฟยอยู่หรือ?”

“นิสัยของคนคนนั้น ท่านพี่เจ็ดไม่รู้หรือ?”

อ๋องเย่เบื่อเรื่องพวกนี้ที่สุด หากไม่ใช่เพราะตระกูลหูก็เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว เขายังคิดที่จะไม่สนใจอะไรแล้วจริงๆ

“ท่านแม่ของข้ายังอยู่ในวัง?” หลีโม่ถาม

อ๋องเย่พยักหัว “ใช่ น้องชายกับแม่ของเจ้าต่างก็ยังอยู่ในวัง”

งั้นยังไงหลีโม่ก็ต้องกลับไป ตอนหน้านี้ที่ได้คุยกับหูฮวนซี บอกเคยได้ยินนางพูดแล้วว่าหูฮวนหลิงคนนี้ไม่น่ารับมือ

ในเมื่อนางถูกแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮา ฮ่องเต้ก็มีความคิดแบบนั้นกับท่านแม่ ไม่รู้ว่าจะถูกนางเบียดเบียนอย่างไร

หากแค่เบียดเบียนก็ยังดี กลัวมากที่สุดคือวิธีการที่ร้ายกาจล้วนพุ่งเป้ามาที่ท่านแม่

คิดได้เช่นนี้แล้ว นางจึงพูดกับซือถูเย้นว่า “ให้ข้ากลับไปก่อนก็ได้ เจ้าไปครั้งนี้จะต้องระวังตัวให้ดี สัญญาสงบศึกนี้คงจะยังเอากลับไปไม่ได้ เฮ้อ”

ซือถูเย้นก็ทำได้เพียงยินยอม เขาไม่สนใจว่าจะมีคนอยู่ตั้งมากมาย ยื่นมือก่อ ยื่นมือกอดหลีโม่แนบอก พร้อมพูดว่า “เจ้าวางใจ ข้าจะรีบกลับมา”

แล้วก็สั่งอ๋องเย่ว่า ไม่ว่ายังไง จะต้องรับประกันความปลอดภัยของหลีโม่เป็นอันดับแรก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม