ด้วยความขี้โมโหของมิเรียม อคิรารู้ดีว่ายังไงทุกอย่างจะเลวร้ายไม่ว่าเธอจะตกลงที่จะกลับบ้านกับเขาหรือไม่ก็ตาม
“ขอโทษทีนะ แต่ตารางงานของฉันเต็มแล้ว ฉันจะไม่ว่างเลยตลอดทั้งสัปดาห์” เธอตอบ
อคิราพยักหน้าตอบเธอ ซึ่งน่าแปลก คำตอบนั้นทำให้เขาทั้งผิดหวังและโล่งใจ
อย่างที่คิดเลย มันไม่ง่ายเลยที่จะพาเธอไปที่บ้านเพื่อพบกับครอบครัวของฉัน
“เดี๋ยวก่อน!”
อคิราเห็นแสงแห่งความหวังเมื่อมิเรียมร้องเรียกเขาขณะที่เขากำลังจะออกจากห้อง
เธอเปลี่ยนใจเหรอ อย่าบอกนะว่าเธอหาเวลาที่จะกลับบ้านกับฉันได้แล้ว
ด้วยความผิดหวัง เขาเห็นมิเรียมยื่นบัตรธนาคารให้เขาเมื่อเขาหันหลังกลับไป
“นี่อะไรน่ะ” เขาถามพร้อมขมวดคิ้วอย่างสับสน
เขาไม่รู้ว่าทำไมมิเรียมถึงให้เงินเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายังไม่ได้ให้เงินหกหมื่นที่แม่ของเขาได้รับจากการทำงานหนักทั้งหมดของเธอกับมิเรียมเลยเพราะเขาสงสัยว่าการแต่งงานของพวกเขาอาจเป็นเรื่องหลอกลวง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฉันไม่อยากกินอาหารถูก ๆ แบบนั้นที่บ้านอีก ใบบัตรนี้มีเงินอยู่แสนนึง เพราะงั้นจะเอาซื้ออะไรก็ได้ที่จำเป็นสำหรับบ้านเรา ฉันหวังว่าคุณจะหาเวลาไปซื้อของเข้าบ้านได้นะ มีหลายอย่างที่เราต้องใช้ ถ้าคุณต้องการเงินเพิ่มก็บอกฉันได้เลย”
จากวิธีการพูดที่ตรงไปตรงมาของเธอ อาจจะคิดได้ว่ามิเรียมกำลังมอบหมายงานให้อคิรา
อคิราไม่พอใจกับความไร้สาระของสถานการณ์นี้ เขายื่นการ์ดคืนโดยยืนยันว่า “ผมเป็นผู้ชายในบ้านนี้ และผมก็มีงานทำด้วย ผมไม่ต้องการให้คุณจ่ายค่าของใช้ของผม”
คำตอบของเขาทำให้มิเรียมขมวดคิ้ว
ความเป็นสุภาพบุรษจอมปลอมนี่มันอะไรกัน เราแต่งงานกันแล้ว เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เพราะเงินและร่างกายของฉันจริงเหรอ
เมื่อพูดจบแล้ว อคิราก็หันออกไปโดยไม่เอ่ยถึงเงินหกหมื่นที่แม่ของเขาตั้งใจจะมอบให้กับมิเรียมเป็นสินสอดของเธอ เขาคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องตลกสำหรับเธอ
วันรุ่งขึ้น อคิราไปทำงานที่โรงพยาบาลตามปกติ
เนื่องจากเขาเกษียณจากกองทัพได้เพียงสองปี เขาจึงรับผิดชอบเฉพาะการทดสอบและขั้นตอนต่าง ๆ ที่แผนกสูตินรีเวชวิทยาเท่านั้น แทนที่จะเป็นหัวหน้าแพทย์
“อคิรา! เมื่อวานนายไปนัดบอดอีกแล้วเหรอ”
เสียงเพื่อนสนิทของเขาดังขึ้นจากด้านหลัง
ก่อนที่อคิราจะตอบ ฟากฟ้าได้ยกแขนขึ้นพาดไหล่ของอคิรา
ทั้งสองสนิทกันมาก มิตรภาพของพวกเขาเริ่มต้นสมัยที่พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนมัธยม หลังจากที่อคิราเกษียณจากกองทัพ พวกเขาพบกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมงาน
“เดทเป็นยังไงบ้างล่ะ” ฟากฟ้าถามด้วยความอยากรู้เมื่อเห็นอคิราพยักหน้า
“ไม่ดีเท่าไหร่”
รอยยิ้มที่ไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอคิราเมื่อเขานึกถึงการนัดบอดที่ล้มเหลวกับมาลินี
“ถามจริงเหอะ นั่นมันนัดบอดครั้งที่สิบแปดของนายแล้วนะ!” ฟากฟ้าอุทานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
“นายได้ทำตามที่ฉันสอนหรือเปล่า นายควรบอกรายได้ของนายไปตั้งแต่ตอนเริ่มเดทเลย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่มีใครเต็มใจที่จะให้โอกาสนาย”
เช่นเดียวกับรสริน ฟากฟ้าเชื่อว่าอคิราหน้าตาดี แม้ว่าบางครั้งเขาอาจจะซื่อบื้อไปบ้าง ดังนั้น เขาจึงรู้สึกไม่น่าเชื่อว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนตกหลุมรักรูปลักษณ์ของอคิราเลย
“นี่ ฉันคิดว่าที่ฉันทำพลาดทุกเดทเพราะฉันทำตามที่นายบอกนั่นแหละ เดทที่ล้มเหลวทุกครั้งก็เพราะฉันบอกพวกเขาว่าฉันมีรายได้ปีละแปดหมื่นไงล่ะ!” อคิราบ่น
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ควรด้นสดสิ! คุยเรื่องอื่นไง!” ฟากฟ้าโต้เถียงและจ้องเขา
อคิรานิ่งเงียบไปกับการโต้กลับของเขา เพราะที่เขาจงใจพูดถึงเงินเดือนของเขาเวลาไปนัดบอดก็เพราะเขาไม่ต้องการให้มันได้ผล
“ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ ผู้หญิงสมัยนี้หวังผลประโยชน์และวัตถุนิยมจะตาย”
“นั่นสินะ” ฟากฟ้าคร่ำครวญ “มันยากที่จะหาคนที่ไม่ชอบวัตถุนิยม ถ้านายเจอคนแบบนี้ก็ถือว่าได้ของหายากเลยนะ”
อคิราเข้าใจว่าฟากฟ้าถึงคิดแบบนั้น เนื่องจากเขาไม่ได้แต่งงานเพราะแฟนสาวของเขาทิ้งเขาไปหาผู้ชายจากครอบครัวที่ร่ำรวย
“เอาเถอะ ตอนนี้ฉันต้องไปหาแม่แล้ว เธอจะมาตรวจร่างกายวันนี้ นายช่วยรับช่วงต่อผู้ป่วยที่มาทำใบรับรองแพทย์ได้ไหม”
“แน่นอน” อคิราตกลงขณะที่ฟากฟ้าออกไปอย่างเร่งรีบ
หลังจากนั้น อคิราก็เข้าไปในห้องเอ็กซเรย์หน้าอก
มาลินี ศรสกุล
เมื่อฟากฟ้าด่าจบ อคิราก็ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนแรงและพูดว่า “จริง ๆ แล้วเธอคือคู่นัดบอดคนที่สิบแปดของฉัน”
“เธอคืออะไรนะ”
ฟากฟ้าตกตะลึง เขาเงียบไปนานจนกระทั่งในที่สุดเขาก็แสดงความคิดเห็นว่า “เธอก็หน้าตาดีนะ ทำไมเธอต้องไปนัดบอดด้วยล่ะ อันที่จริง นายว่าร่างกายเธอมีบางอย่างผิดปกติหรือเปล่า นั่นเป็นเหตุผลที่เธอปฏิเสธไม่ให้นายเอ็กซเรย์กับเธอเหรอ”
อคิราไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุของพฤติกรรมแย่ ๆ ของมาลินี ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยิ้ม
“เป็นเพราะหน้าอกของเธอไม่เท่ากันหรือเปล่า หรือว่าเธอป่วยหรืออะไรแบบนั้น”
อคิรายังคงเงียบ ปล่อยให้ฟากฟ้าเดาไปต่าง ๆ นานา
ทันใดนั้น ฟากฟ้าก็หยุดพูดเมื่อเขาเห็นเงาข้าง ๆ เขา
ไม่ทันตั้งตัว มาลินีก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“หุบปากไปเลย! คุณนั่นแหละที่ป่วย! อันที่จริงพวกคุณทั้งสองคนป่วยกันครอบครัวเลย พวกคนขี้แพ้ไม่มีหวังจะได้คบผู้หญิงอย่างฉันหรอก นั่นเป็นเหตุผลที่คุณสองคนจะโสดไปตลอดชีวิต!”
มาลินีไม่ยอมกลับจนกว่าเธอจะได้เหน็บแนมทั้งสองตามที่ใจต้องการ
ข้างหลังเธอ ฟากฟ้าผู้อับอายทำหน้าทำตาใส่เธอและพูดว่า “ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงที่หยิ่งผยองแบบนี้มาก่อนเลย!”
อคิราไม่เห็นด้วยกับเพื่อนของเขาในแง่นั้น เพราะผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วยจากการเจอกันเพียงครั้งเดียวนั้นก็หยิ่งยโสพอ ๆ กัน เพียงแต่ว่ามิเรียมนั้นยังพอทนได้มากกว่าเธอ
“เอาล่ะ ฉันควรไปรับผลตรวจของแม่ดีกว่า” ฟากฟ้าบอกก่อนที่จะรีบไปที่ห้องซีทีสแกน
ด้วยความกังวลเกี่ยวกับผลตรวจ อคิราจึงตามเขาไป
เมื่อเขาเห็นฟากฟ้าตัวสั่นพร้อมกับผลตรวจในมือ อคิราก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“มีอะไรเหรอ”
อคิรารีบเข้าไปหา รู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนไปอย่างเลวร้าย
เขาตกใจมากเมื่อเห็นภาพสแกน
นี่มันมะเร็งปอดระยะสุดท้าย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ว้าวุ่นกับเจ้าสาวซีอีโอ