"ใช่ฉินซู คุณบอกว่าคุณจะเข้าร่วมในโครงการของศาสตราจารย์สมิธไม่ใช่เหรอ? ก่อนไปต่างประเทศ ก็มีขั้นตอนที่ต้องจัดการ ช่วงนี้คุณก็อยู่ที่บ้านผมไปก่อน จะได้เตรียมตัวไปต่างประเทศได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวงว่าจะถูกรบกวน" จางอี้เฟยพูดขึ้น ใบหน้าเผยให้เห็นความอิจฉาเล็กน้อย
ศาสตราจารย์สมิธเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระดับโลก เขาเองก็อยากมีโอกาสเข้าร่วมโครงการของศาสตราจารย์สมิธเหมือนกัน!
เวินหลีคาบตะเกียบและพยักหน้า "พี่เสี่ยวซู พี่เชื่ออาจารย์กับพี่อี้เฟยเถอะนะ อยู่ที่นี่เถอะ"
ด้วยการเชิญชวนที่แสนเมตตาและการขอให้เธออยู่จากพวกเขา ฉินซูจึงอยู่ที่บ้านตระกูลจางต่อไป
บ้านพักตระกูลจางนั้นไม่ใหญ่นัก และมีเพียงถังโม่เท่านั้นที่อาศัยอยู่คนเดียว ส่วนคุณจางสามีของเธอนั้น ว่ากันว่าด้วยเหตุผลทางร่างกาย เขาได้เข้ารับการรักษาในต่างประเทศมาหลายปีแล้ว
นี่เป็นความตั้งใจเดิมของจางอี้เฟยในการเลือกเรียนแพทย์ เพราะเขาต้องการรักษาอาการเจ็บป่วยของพ่อ
ธุรกิจของตระกูลจาง ก็สร้างขึ้นโดยถังโม่
เนื่องจากเธอชอบออกแบบเครื่องแต่งกาย นอกจากห้องนอนสามห้องและห้องนั่งเล่นของพนักงานพาร์ทไทม์แล้ว ห้องอื่น ๆ ทั้งหมดในบ้านพักจึงเป็นห้องสำหรับออกแบบ เวิร์คช็อป และเป็นโกดังผ้าของเธอ
หลังจากกินข้าวเช้า ถังโม่ก็พาเวินหลีไปทำงานที่บริษัท
ฉินซูกลับเข้ามาในห้อง ในมือมีกระเป๋าผ้าใบเล็กที่ดูประณีต
นี่คือสิ่งที่เธอเอาออกมาจากกล่องเมื่อวาน คุณย่าบอกว่ามันคือสิ่งสัญลักษณ์ที่แสดงถึงตัวตนของเธอ
กระเป๋าใบนี้เย็บด้วยฝีมือประณีต ข้างบนปักใบไผ่สีเขียวและแพนด้าไร้เดียงสา เธอไม่เข้าใจการปัก แต่รู้สึกว่าภาพนั้นมีชีวิตชีวา
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นกระเป๋าที่ว่างเปล่า ไม่มีข้อความหรือสิ่งของที่บอกข้อมูลอะไรเลย นั่นทำให้เธอผิดหวัง
ถ้าต้องการรู้ว่าพ่อแม่เธอคือใครโดยมีแค่กระเป๋าใบนี้ มันคงจะเป็นได้แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ
ฉินซูส่ายหัว กำลังเตรียมเก็บกระเป๋านั้นไป
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...