“พูดให้ชัด ๆ ไม่งั้นก็ห้ามไป!”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ!” หลินเมิ่งฟานโบกมืออย่างลนลาน และผลักเธออกไป
ฉินซูไม่ได้แรงเยอะเหมือนเขา ร่างกายจึงล้มไปด้านหลัง
โชคยังดีที่จางอี้เฟยตาไวมือไว พยุงเธอไว้ได้ทัน
“นี่ อยากลงไม้ลงมือใช่ไหม?” จางอี้เฟยบีบคลึงกำปั้นเกิดเสียงดังแกร๊ก ๆ
หลินเมิ่งฟานมองกำปั้นของเขา และรู้ตัวว่าไม่สามารถสู้ได้ ทำได้เพียงวิ่งให้เร็วขึ้น เขาดึงถางเสี่ยวหรูและเดินออกไปด้วยกัน
จางอี้เฟยพุ่งเข้าไป คิดที่จะไล่ตามเขา แต่ถูกฉินซูหยุดไว้
“ช่างเถอะ ฉันมีวิธีให้เขาเปิดปากพูด”
ในเมื่อมั่นใจแล้วว่าหลินเมิ่งฟานต้องมีปัญหาอะไรแน่ ๆ เธอก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น บางทีอาจจะมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเขา
เธอหันไปมองหยูหร่านที่อยู่ด้านข้าง เห็นท่าทางที่ยังตั้งสติไม่ได้ของเธอ จึงยิ้มเบา ๆ และเอ่ยขึ้น “ไม่มีอะไรแล้ว เราไปกันเถอะ”
หยูหร่านพยักหน้า ระงับความอยากรู้ที่อยู่ภายในใจ
หลังจากที่พวกเธอจากไป เว่ยเหอที่นั่งอยู่ในตำแหน่งข้างเสาจึงลุกขึ้นช้า ๆ สีหน้าปรากฏความสงสัย
เขาครุ่นคิดและเดินออกไปด้านนอก ในขณะเดียวกันก็หยิบมือถือออกมากดหมายเลข
“คุณชายฉู่ครับ เมื่อสักครู่ผมทานอาหารอยู่ในร้านและเจอฉินซู…”
“หลินเมิ่งฟานพูดเองจากปาก ว่าไม่ใช่ลูกของเขาเหรอ?” ฉู่หลินเฉินพูดเพื่อยืนยัน
หวังอี้หลินที่นั่งหั่นเนื้อสเต๊กอยู่ตรงหน้าเขา ได้ยินคำพูดนี้เข้าก็หยุดการเคลื่อนไหวทันที เธอรีบก้มศีรษะลงเพื่อปิดบังความงงงวยในสายตาเธอ
หลินเมิ่งฟานคนโง่ ทำไมถึงพูดแบบนี้ออกมา? ยิ่งไปกว่านั้นฉู่หลินเฉินรู้แล้ว?
“ตรวจสอบให้แน่ชัด” หลังจากฉู่หลินเฉินออกคำสั่งด้วยสายตาที่มืดครึ้มเสร็จเรียบร้อย เขาก็วางสาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...