ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 127

ในพระราชวังกู้จิ่งซานโกรธเป็นอย่างมาก

เขาตำหนิกู้โม่เฟิงออกมา และลงโทษ รองแม่ทัพอวี๋อย่างรุนแรงโดยการโบยหนึ่งร้อยหวาย!

ขับไล่สองพี่น้องนี้ออกไป!

ฮ่องเต้ฉลาดมาก ใช้ประโยชน์จากการถ่วงดุลอำนาจของกู้โม่หานและกู้โม่เฟิง ให้สองพี่น้องเข้ามาจัดการค่ายเสินเชื่อ เมื่ออำนาจเอนเอียงไปยังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายก็จะกลายเป็นทรราชไปโดยปริยาย

เขามิชอบเห็นพี่น้องทะเลาะกัน และเขามิต้องการให้ใครมีความทะเยอทะยานมากขนาดนั้น ถึงขั้นแย่งชิงบัลลังก์กันตั้งแต่อายุยังน้อย

กู้โม่หาน กู้โม่เฟิง พวกเขาตามกันออกมา ระหว่างทางพวกเขามิพูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว

กู้โม่เฟิงกล่าวเหน็บแนมออกมาอย่างกะทันหัน “ทำไมหรือ เสด็จพ่อมิลงโทษข้า เจ้ารู้สึกผิดหวัง?”

กู้โม่หานรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์ต้องเป็นเช่นนี้ เขาตอบกลับอย่างเยือกเย็น

“ข้ามิเคยคิดอยากให้เสด็จพ่อลงโทษเจ้า ข้าแค่อยากเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่พี่น้องในค่ายเสินเชื่อ”

กู้โม่เฟิงมิเชื่อว่ากู้โม่หานจะมีจิตใจที่แสนดีถึงขนาดนี้ เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

“หึๆ ในเวลาปกติ น้องหกเก็บคมกระบี่ไว้อย่างที่คิด ทำไมเล่า ในยามนี้กลั้นไว้มิอยู่แล้วหรือ คิดจะต่อต้านข้าหรืออย่างไร?”

“แต่กู้โม่หาน ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง ข้าคนนี้มิมีทางปล่อยให้เจ้าได้สมความปรารถนา!”

เสด็จแม่ของกู้โม่หานเวลานี้นอนเจ็บหนักอยู่บนเตียงมานานหลายปีแล้ว พวกเขามิมีบุตรสาว จึงแย่งชิงได้แค่กรมทหาร

แต่ในระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาเขาเกือบจะเป็นคนดูแลทุกอย่างในค่ายทหาร แม้กู้โม่หานคิดจะแย่งมันกลับไปก็ต้องมาดูกันว่าเขามีความสามารถนั้นอยู่หรือไม่!

คำพูดนี้ของกู้โม่เฟิงดังกึกก้องเข้าไปในหูของกู้โม่หาน รู้สึกเจ็บปวดและโกรธในหัวใจ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเศร้าอย่างพรรณนา

“เกิดมาจากรากเหง้าเดียวกัน เหตุใดต้องมาแก่งแย่งผลประโยชน์จากพี่น้อง เสด็จพี่อย่าลืม เจ้ายังติดหนี้พี่น้องแห่งค่ายเสินเชื่อ เจ้ายังต้องขอโทษข้ากับพระชายา หากเจ้าลืมความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ข้าก็มิรังเกียจที่จะมาเตือนเจ้า”

พูดจบเขาก็เดินผ่านกู้โม่เฟิงออกไปด้านนอก

“แก่งแย่งผลประโยชน์จากพี่น้อง จอมปลอม!” กู้โม่เฟิงมองเงาหลังของกู้โม่หานด้วยความเยือกเย็น รูม่านตาที่น่ากลัวของเขาแสดงแสงแห่งความดุร้าย

และเรื่องขอโทษ เขาซึ่งเป็นอ๋องเฉิงผู้สง่างามจะไปคุกเข่าคร่ำครวญได้อย่างไร? ฝันกลางวันอยู่หรือ!

ด้านในกระโจมของค่ายเสินเชื่อ

หนานหว่านเยียนถือกระดาษทดสอบพร้อมกับสำลี ยกคางขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณขอความร่วมมือจากเสิ่นจวิน

การแสดงออกของเสิ่นจวินนั้นว่างเปล่า แต่ถึงอย่างไรหนานหว่านเยียนก็เป็นผู้ช่วยชีวิตเขา เขาอ้าปาก กล่าวออกมาด้วยความสงสัยว่า “พระชายา สิ่งนี้สามารถ แค๊ก——”

หนานหว่านเยียนคลึงคางของเขาไว้อย่างรวดเร็ว นำสำลีก้านควานรอบผนังด้านในปากของเขาอย่างชำนาญ จากนั้นก็นำสำลีก้านอีกอันหนึ่งแย่เข้าไปในคอของเสิ่นจวินเพื่อเก็บตัวอย่าง

หลังจากทุกทำอย่างเสร็จเรียบร้อย เสิ่นจวินรู้สึกคลื่นไส้ เขาอดขย้อนออกมามิได้ จ้องมองก้านสำลีในมือของหนานหว่านเยียนที่กำลังรูดไปบนแผ่นกระดาษซึ่งน่าสงสัยด้วยความสยดสยอง

หนานหว่านเยียนเก็บเศษกระดาษอย่างระมัดระวัง จากนั้นหันมาพูดกับเขาว่า “เรียบร้อยแล้ว เจ้าพักผ่อนไปก่อน ข้าจะไปตรวจสอบสามคนนั้น”

หลังจากการเก็บรวบรวม นางต้องเข้าไปในห้วงเวลาอีกครั้งเพื่อทำการสกัดและเก็บตัวอย่างของDNA ใช้เครื่องมือในการตรวจสอบ วิเคราะห์ และเปรียบเทียบเพื่อค้นหาตำแหน่งทางพันธุกรรมที่ตรงกับเสิ่นจวิน

เสิ่นจวินตกตะลึง มองไปยังหนานหว่านเยียนด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ และเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย

“พระชายาพูดจริงงั้นหรือ? ใช้เจ้านี่......กระดาษแผ่นนั้น? จะรู้ได้ว่าลูกที่แท้จริงของข้าเป็นใคร?”

นั่นเป็นเรื่องที่มีเพียงเหล่าเทพเทวกระบี่นท้องฟ้าเท่านั้นที่ทำได้มิใช่หรือ?

ในใจของผู้คนซึ่งอยู่ที่นั่นเต็มไปด้วยความโกลาหล

และพวกเขาก็รู้สึกเหมือนกันว่า วิธีการของเสิ่นจวินทำให้คนพูดมิออก

หนานหว่านเยียนครุ่นคิดอย่างหนัก “มันก็มิได้ง่ายขนาดนั้น แต่กระดาษแผ่นนี้มีความหมาย เอาแบบนี้แล้วกัน หากมันเปลี่ยนเป็น......สีเขียว! นั่นก็แสดงว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้