มองฉู่เชียนหลีถือทองคำแท่งในมือ ฉู่หลิงเซวียนยิ่งอดไม่ได้ที่จะพูดเย้ยหยัน
“ท่านพี่อย่ามองเลย สิ่งที่องค์ชายสามให้ความสำคัญที่สุดคือสัจจะ ในเมื่อองค์ชายรับปากแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีวันเล่นไม่ซื่อกับเงินเพียงไม่กี่พันตำลึงทองเหล่านี้”
ฉู่เชียนหลีหยิบทองแท่งขึ้นมาสองอัน แล้วเอามากระทบกัน ทองคำแท่งชนกัน ส่งเสียงใส
“ฐานันดรศักดิ์ของน้องสาวสูงส่ง พบเจอโลกมามาก ตรงหน้าคือเงินหกพันห้าร้อยตำลึงทอง เมื่ออยู่ในปากของนาง กลับเป็นใช้คำว่าแค่มาเปรียบเปรย หรือว่าน้องเคยเห็นเงินมากกว่านี้ใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิงเซวียนดูแคลน: “หึ พี่สาว ตระกูลฉู่ของพวกเราเป็นถึงจวนเฉิงเสี้ยง พี่ที่ไม่เคยเปิดหูเปิดตาเช่นนี้ ทำให้จวนเฉิงเสี้ยงขายหน้าจริง!”
“ตามกฎของราชสำนักตงเสวียน ขุนนางระดับที่หนึ่งทุกเดือนจะได้เบี้ยเลี้ยงแปดสิบก้อน กลายเป็นเงินสองร้อยสิบสามตำลึงเงิน รวมเบ็ดเสร็จหนึ่งปีได้ทั้งหมดสองพันห้าร้อยห้าสิบหกตำลึงเงิน ที่เหลือคือเงินทดแทนข้าวสารอาหารแห้งตามฤดูกาล ถ่านหินรวมเป็นเงินสี่ร้อยห้าสิบเจ็ดตำลึงเงิน เมื่อคิดคำนวณดูแล้ว หนึ่งปีทั้งจวนเฉิงเสี้ยงมีรายได้สามพันกว่าตำลึงเงิน”
ฉู่หลิงเซวียนฟังจำนวนเงิน ชั่วขณะหนึ่งสมองแล่นไม่ทัน
“ท่านพี่พูดเช่นนี้กับข้าเพื่ออะไร?”
หยุนชิงกุยที่อยู่ข้างๆ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ภายในใจของเขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่
ใบหน้าของฉู๋เชียนหลีเคล้าไปด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน แม้ราชสำนักจะตั้งกฏเอาไว้ ขุนนางไม่อาจแก่งแย่งผลประโยชน์กับชาวบ้าน แต่ไม่จำกัดคนในครอบครัวของขุนนาง ไม่แน่ว่าฮูหยินอู๋มารดาของเจ้าอาจจะเป็นอัจฉริยะด้านการค้า อยู่ในเรือน มีทองตกลงมาจากบนฟ้า ไม่เห็นเงินหกพันห้าร้อยตำลึงทองอยู่ในสายตา เช่นนั้น องค์ชายสามเล่า?”
“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด” หัวใจของหยุนชิงกุยบีบรัด รู้สึกคล้ายว่าตนตัดสินใจผิดพลาด
“องค์ชาย เงินหกพันห้าร้อยตำลึงทอง แปลงเป็นเงินเจ็ดหมื่นตำลึงเงินได้อย่างเหลือเฟือ องค์ชายไม่มีตำแหน่ง ในฐานะที่เป็นองค์ชายทั่วไป ได้เบี้ยมากกว่าเฉิงเสี้ยงระดับที่หนึ่งเล็กน้อย คิดคำนวณว่าองค์ชายได้ห้าพันตำลึงเงิน เช่นนั้นมีปัญหาแล้ว องค์ชายต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะสะสมเงินที่ให้ข้าในวันนี้ได้?”
ฉู่หลิงเซวียตกตะลึง แม้นางจะได้ร่ำเรียนหนังสือ แม้ไม่ได้ฉลาดหลักแหลม แต่นางก็รู้ว่าตัวเลขเหล่านี้ผิดปกติ
องค์ชายสามหน้าดำเคร่งเครียด: ผู้หญิงคนนี้กำลังวางกับดักลวงตน!
รอยยิ้มของฉู่เชียนหลียังคงไม่เปลี่ยน
“องค์ชายสามฐานันดรศักดิ์สูงส่ง คำถามนี้ข้ามาตอบเถอะ ต้องใช้เวลาสิบสี่ปี! ถ้าอย่างนั้นมีปัญหาแล้ว มนุษย์ไม่อาจไม่กินไม่ดื่มสิบสี่ปี แล้วเอาแต่สะสมเงินกระมัง? โดยเฉพาะท่านยังเป็นถึงองค์ชายสาม ต้องคบค้าสมาคมกับผู้อื่น เทศกาลต่างๆ ต้องให้ของขวัญ มีแขกเรื่อและลูกศิษย์ ทั้งยังต้องซ่อมบำรุงจวน ทุกอย่างล้วนต้องใช้เงิน”
“หรือว่าห้ามไม่ใช่องค์ชายสามมีการค้าเป็นของตนเอง?”
ฉูหลิงเซวียนพูดปกป้อง ยังไม่ทันพูดจบ ถูกหยุนชิงกุยพูดปราม
“หลิงเซวียน อย่าพูดจาเหลวไหล”
ฉู่เชียนหลีหัวเราะ : “หึ น้องสาว เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดก่อนหน้านี้หรือ? ขุนนางไม่อาจแก่งแย่งผลประโยชน์กับชาวบ้าน องค์ชายสามฐานันดรศักดิ์สูงส่งเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ทั้งยังเป็นโอรสที่ฝ่าบาทชื่นชมไม่หยุด แล้วจะทำผิดกฎหมายได้อย่างไร”
องค์ชายสามย่อมมีการค้าเป็นของตนเอง อีกทั้งฐานันดรศักดิ์ของเขาสูงส่งเช่นนี้ คนที่อยากจะประจบเขามีมากมาย แค่ยื่นมือออกไป ก็ได้เงินนับหมื่นตำลึงเงินแล้ว
แต่เขากล้ายอมรับเรื่องเหล่านี้หรือไม่?
เขาไม่กล้า!
หากเขายอมรับสารภาพ เช่นนั้นขุนนางก็สามารถกล่าวโทษเขาได้ทันที
ในราชสำนักคนที่มีความทะเยอทะยานไม่ได้มีเพียงองค์ชายสาม มีบางคนต้องการจะฉวยโอกาสทำลายอนาคตของเขา ตัดทางรอดของเขา!
องค์ชายสามกัดฟันแน่น สายตาจับจ้องไปที่ฉู่เชียนหลี
“เจ้าเจตนา?”
ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้ว เมื่อครู่ฉู่เชียนหลีถามตนซ้ำหลายครั้ง เพื่อจะวางแผนเล่นงานตนในตอนนี้ หรือจะกล่าวว่า ตอนอยู่ที่หน้าประตูจวนเฉิงเสี้ยง นางก็คิดถึงแผนการในวันนี้แล้ว?
ผู้หญิงคนนี้ กลายเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
“องค์ชายอย่าใจร้อน ยังคิดบัญชีไม่หมด!”
ฉู่เชียนหลีเอาทองแท่งในมือกระทบกันอีกครั้ง เสียงตึ้งๆๆ ไม่รีบร้อน ทว่ากลับคล้ายเคาะอยู่ในใจของคน
“เบี้ยที่ข้าคำนวณเมื่อครู่ เป็นเบี้ยที่ได้หลังจากองค์ชายสามเติบโต ก่อนที่องค์ชายสามจะเติบโต องค์ชายถูกเลี้ยงอยู่ในวังหลวง ศึกษาเล่าเรียน ไม่มีเงิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...