ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 90

วินาทีต่อมา เสียงเสียดสีแทรกแซงได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง ไข่มุกนาคค่อย ๆ สว่างขึ้น

บ้าเอ๊ย!

ฉู่หานปี้รีบคลานลุกขึ้นมา ใช้พลังเสวียนลบรอยเท้าที่อยู่บนตัวออกไป

เมื่อสักครู่เขาได้ปรากฏตัวอย่างอลังการ หากให้คนได้เห็นท่าทางทุลักทุเลของเขาเข้า จะสร้างบารมี สำเร็จแผนการของอาจารย์ได้อย่างไรกัน?

“ซี๊ดดด!”

“นี่......”

เห็นเพียง ฉู่หลิงเซวียนนอนอยู่บนตำแหน่งที่ฉู่เชียนหลียืนอยู่ในเมื่อสักครู่ กระอักเลือดออกมาคำโต หายในรวยริน

แล้วหันไปมองฉู่หานปี้ เขายืนอยู่ห่างออกไปไกลสองจั้ง ร่างกายยืดตรง ชุดขาวสะบัดตามแรงลม เพียงแต่ใบหน้าดำคล้ำเล็กน้อย

ฉู่เชียนหลีหลับตา พลางส่ายหน้าถอดถอนใจ: “ลงมือหนักจริง ๆ! ดูกระอักเลือดเข้าสิ......”

ฉู่หานปี้จ้องฉู่เชียนหลีตาเขม็ง เป็นนางที่อยู่ใกล้ที่สุด น่าสงสัยมากที่สุด ทว่าสตรีนางหนึ่ง ไม่มีทางที่จะถีบตนเองจนลอยออกไปได้ แล้วยังมีผู้ใดอีกล่ะ?

เขาลอบกวาดตามองไปทั่วลานล่าสัตว์ ไม่พบความผิดปกติใด ๆ

ผู้คนที่อยู่ในลานล่าสัตว์นั้นล้วนเป็นคนธรรมดา ไม่มีร่องรอยของผู้ฝึกตนอยู่เลยสักนิด

เป็นไปได้อย่างไร? เมื่อสักครู่นั่นมันอะไรกัน?

นางอู๋ลากขาที่หักของตัวเองเข้าอย่างรีบร้อย เมื่อเห็นสภาพน่าเวทนาของฉู่หลิงเซวียน ก็อุทานออกมาอย่างตกตะลึงในทันที

“หลิงเซวียน! หานปี้ เจ้า......”

ฉู่หานปี้ดึงสติกลับคืนมา ร่องรอยความรำคาญแวบผ่านไปในดวงตา ทว่ายังคงได้หยิบเอายาลูกกลอนออกมาหนึ่งขวดและยื่นออกไป พลางกล่าวอธิบาย:

“ท่านแม่ เมื่อสักครู่บนร่างของน้องหญิงมีของสกปรกเกาะอยู่ ตอนนี้ได้ถูกข้าขับไล่ออกไปแล้ว ทานยาเม็ดนี้ลงไป สามารถทำให้อาการบาดเจ็บของท่านและน้องหญิงหายดี”

นางอู๋รีบรับขวดยามาในทันที ในนั้นมียาอยู่เพียงสองเม็ด นางและฉู่หลิงเซวียนทานลงไปคนละเม็ด

วินาทีต่อมา ผื่นแดงที่ขึ้นเต็มอยู่บนใบหน้าของฉู่หลิงเซวียนก็ได้ค่อย ๆ จางลง ขาที่ผิดรูปเล็กน้อยก็ได้กลับเป็นปกติ

นางครางออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ฟื้นขึ้นมา สีหน้าขาวมีน้ำมีนวล กลับไปสดใสงดงามเหมือนดั่งเดิม

นางอู๋เองก็ลุกขึ้นมา ความเจ็บปวดที่ขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลังขึ้นมาในทันที

ทุกคนตะลึงงัน

“เอ๊ะ หายแล้ว? หายดีแล้ว?”

“สวรรค์ นี่มันเรื่องมหัศจรรย์อะไรกัน?”

“เป็นท่านเซียนจริง ๆ งั้นหรือ?”

สายตาของฉู่เชียนหลีคลื่นไหวเล็กน้อย ตอนที่หยิบเม็ดยาออกมาในเมื่อสักครู่ เห็นได้ชัดว่ามีลำแสงสีแดงเลือดปะปนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลิ่นคาวเลือด แค่ดมกลิ่นของยา ยังรู้สึกว่าไม่เป็นมงคล

ฮ่องเต้เดินลงมาจากด้านบน มองดูนางอู๋และฉู่เชียนหลีที่กลับมาเป็นปกติ ความรู้สึกบนใบหน้าดูอ่อนโยน

“คิดไม่ถึงจริง ๆ ไม่เจอมาเป็นเวลาเจ็ดปี หานปี้ได้มีฝีมืออย่างท่านเซียนไปเสียแล้ว”

ฉู่หานปี้หันหน้ามาเล็กน้อย กดกระแสเลือดที่พลุ่งพล่านอยู่บริเวณหน้าอกเอาไว้ และกล่าวเสียงเย็นชาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

“ฮ่องเต้ตงเสวียน ท่าควรจะเรียกข้าว่าเจ้าท่าน”

เปลือกตาของฮ่องเต้ตกลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มกล่าว:

“เจ้าท่านวิหคสีม่วงที่บินผ่านไปบนท้องฟ้าเหนือลานล่าสัตว์ตัวนั้น ไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์กับเจ้าท่านหรือไม่?”

“นั่นคือพาหนะของข้า ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

ฉู่หานปี้ยกแขนขึ้นเล็กน้อย วินาทีต่อมา เสียงร้องแหลม ๆ ของนกก็ได้ดังขึ้น

จากนั้น วิหคยักษ์สีม่วงก็ได้บินขึ้นสู่ทั้งฟ้า แล้วจู่โจมเข้าหาทหารรักษาพระองค์ที่อยู่บนพื้นดิน

ไม่ว่าเป็นผู้ใดที่แอบซ่อนอยู่ในลานล่าสัตว์ เขาจักต้องแสดงฝีมือของตนออกมา สยบคนผู้นั้นเอาไว้ให้อยู่หมัด

ฮ่องเต่พลันสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา: “เจ้าท่าน นี่หมายความเช่นไร?”

“อินทรีมู่หยูต้องการล่าเหยื่อเป็นอาหาร ก็แค่มนุษย์ไม่กี่คน ฮ่องเต้ตงเสวียนคงจะไม่ว่าอะไรนะ?”

คนธรรมดา? อาหาร?

ภายในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหมือนดั่งตกลงในบ่อน้ำแข็ง

พาหนะของฉู่หานปี้ กินมนุษย์เป็นอาหารงั้นหรือ?

“ช่วยด้วย......”

แม้ว่าทหารรักษาพระองค์จะผ่านการฝึกฝนมา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอินทรีมู่หยูที่ไม่เคยเจอมาก่อน บกกับที่มีฉู่หานปี้ท่านเซียนผู้นี้คอยสยบอยู่ด้านข้าง จึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะต่อต้านเลยสักนิด ได้แต่ว่างเอาชีวิตรอด

อินทรีมู่หยูนั้นโอหังยิ่งนัก กรงเล็บที่แหลมคมขยุ้มลงไปอย่างแรง แผ่นหลังของทหารรักษาพระองค์ นายหนึ่งเนื้อแตกออกทันที เลือดสด ๆ ทะลักออกมา

ฉู่หานปี้มองดูสีหน้าหวาดผวาของเหล่าผู้คนที่อยู่โดยรอบ ความคับแค้นใจจากการที่ได้รับบาดเจ็บในเมื่อสักครู่ก็ผ่อนคลายลง

หึ ก็แค่มดกลุ่มหนึ่ง!

อินทรีมู่หยูมีพลังแข็งแกร่ง ผู้ฝึกตนที่แอบลงมือลับหลังผู้นั้นคงจะถูกสยบแล้วสินะ?

เห็นว่ากรงเล็บที่แหลมคมของอินทรีมู่หยูกำลังจะขยุ้มเข้าที่ศีรษะของทหารรักษาพระองค์นายหนึ่ง คิ้วของฉู่เชียนหลีก็ขยับเล็กน้อย

“เฉียบ......”

เสียงเสียดสีดังขึ้น แสงของไข่มุกนาคกะพริบ

ฉู่หานปี้ตกตะลึงขึ้นมาในทันที รีบหันหลังคิดจะเรียกไข่มุกนาคกลับมา ทว่าเมื่อใช้พลังเสวียนออกไปกลับไม่มีการตอบรับใด ๆ เลย

วินาทีต่อมา แสงของไข่มุกนาคก็ได้หายไปอีกครั้ง ลานล่าสัตว์ตกอยู่ในความมืด

ฉู่เชียนหลีขยับปลายเท้าเล็กน้อย ร่างกายเคลื่อนไหวว่องไวดั่งสายลม ลอยตัวไปทางอินทรีมู่หยูอย่างรวดเร็ว

อินทรีมู่หยูสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในความมืด หลังจากพบฉู่เชียนหลีเข้า ก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโมโหทันที

“แคว้ก!”

ฉู่เชียนหลีสายตาเยือกเย็น ถือตาข่ายไหมเงือกเอาไว้ในมือ แล้วเข้าใส่อินทรีมู่หยู

ในดวงตาของอินทรีมู่หยูเต็มได้ด้วยความเหยียดหยาม เพียงแค่ตาข่ายเท่านั้น คิดจะจับอสูรเสวียนอย่างมันเอาไว้เช่นนั้นหรือ?

เหอะ เพ้อฝัน!

ดูสิมันจะฉีกตาข่ายเน่า ๆ นั่นให้ขาดไปเลย! จากนั้นก็ฉีกร่างของสตรีที่กล้าล่วงเกินมันผู้นั้นออกเป็นชิ้น ๆ!

วินาทีต่อมา ตาข่ายไหมเงือกพลันรัดแน่นขึ้น กักขังมันเอาไว้ข้างใน

“แคว้ก!”

เมื่ออินทรีมู่หยูดิ้นไม่หลุด ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที และพยายามบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างร้อนรน

ฉู่เชียนหลีแววตาเยือกเย็น มือออกแรง และดึงมันลงมาจากท้องฟ้าอย่างแรง!”

“กว้าก ๆ !”

อินทรีมู่หยูตกลงไปบนพื้น ตกใจกลัวจนเสียงร้องเปลี่ยนไป

ฉู่เชียนหลีหยิบเอาเส้นตาข่ายไหมเงือกขึ้นมา ราวกับแกว่งลูกหนัง แกว่งฟาดอินทรีมู่หยูลงไปบนพื้นอย่างแรง!

ฟาดไปที่ข้างซ้ายครั้ง ฟาดไปที่ข้างขวาครั้ง

ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ!

ไม่นาน ที่ด้านข้างทั้งสองฝั่งของนาง ถูกอินทรีมู่หยูฟาดจนกลายเป็นหลุมลึก!

ไก่ที่มีขนสีม่วงตัวหนึ่ง นี่เจ้ากลายพันธุ์จนเกิดความรู้สึกอยู่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วหรือ หนำซ้ำยังกินมนุษย์?

เจ้าฝันไปเถอะ!

ในความมืด ทุกคนต่างได้ยินเสียงดังตุบ ๆ ๆ พื้นที่ยืนอยู่สั่นอยู่ไม่หยุด แผ่นดินสั่นสะเทือนไปหมด

ไม่ง่ายเลย กว่าพวกเขาจะปรับสายตาให้เข้ากับความมืดได้ กำลังจะดูให้ละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นนั่นเอง เสียงแสบแก้วหูก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง

“เพี๊ยะ!”

แสงสว่างได้สว่างขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างต้องหลับตาลงอีกครั้ง พวกเขาพยายามกะพริบตา รอจนปรับสายตาได้ ทว่าไข่มุกนาคเหมือนกับเป็นปรปักษ์กับมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น ส่องแสงแสบตาขึ้นเรื่อย ๆ

ฉู่เชียนหลีมองดูอินทรีมู่หยูที่ถูกฟาดจนสลบไปที่อยู่บนพื้น ขับเคลื่อนค่ายทิพย์ที่อยู่บนตาข่ายไหมเงือกมัดตัวมันเอาไว้แน่น แล้วโยนทิ้งไปในป่าที่อยู่ด้านข้าง และจากนั้น ตาข่ายไหมเงือกก็ได้ล่องหน ปกปิดร่องรอยของอินทรีมู่หยูไปโดยสิ้นเชิง

ไม่ง่ายเลย ในที่สุดการมองเห็นก็ชัดเจนขึ้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงตวาดด้วยความโมโหของฉู่หานปี้

“อินทรีมู่หยูล่ะ?”

ใบหน้าของฉู่หานปี้เต็มไปด้วยความโมโห รู้สึกกังวลอยู่ภายในใจ

อินทรีมู่หยูนั้นเป็นพาหนะของอาจารย์ของเขา ได้อยู่ในระดับบำเพ็ญตนขั้นสูงอาจารย์บอกว่าในโลกมนุษย์ มีอินทรีมู่หยูอยู่ก็สามารถเคลื่อนไหวโดยไม่ต้องเกรงกลัวใด ๆ ทว่าในตอนนี้มันส่งเสียงร้องอยู่สองครั้งก็หายไปแล้ว?

ฉู่เชียนหลีขยับข้อมือเบา ๆ สบสายตาเข้ากับฉู่หานปี้ และยิ้มให้เขาเล็กน้อย

ฉู่หานปี้ไม่มีอารมณ์จะมาสนใจ เขารีบวิ่งไปยังตำแหน่งที่อินทรีมู่หยูบินอยู่ในเมื่อสักครู่อย่างร้อนรน ชั่วขณะนั้นไม่ได้สังเกตเห็นว่าพื้นดินที่ใต้เท้าต่ำลง จนเกือบจะล้มตกลงไปในหลุม

เห็นเพียงว่าพื้นดินที่เดิมทีราบเรียบ จู่ ๆ ก็มีหลุมทรงกลมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาสองหลุม ราวกับว่าได้เกิดจากการที่คนใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบจนเกิดเป็นหลุม

คิดโยงใยเข้ากับเสียงดังตุบตับในเมื่อสักครู่ ฉู่หานปี้ก็เบิกตาโพลง ร่องรอยของความหวาดกลัวแวบผ่านไปในดวงตา

หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว?

หรือว่า ผู้ฝึกตนที่ถีบเขาในมือสักครู่นั้นได้ลงมืออีกครั้ง กำราบอินทรีมู่หยูได้สำเร็จ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี