“เซียน......ท่านเซียน......”
มีคนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา แก้วในมือร่วงหล่นลงไปยังไม่รู้ตัว
ฉู่เชียนหลีกะพริบตา เงยหน้าขึ้นมองลูกแก้วที่เปล่งแสงเจิดจ้าอยู่ด้านหลังของบุรุษหนุ่ม
จริง ๆ เลย ไม่ได้จะถ่ายวิดีโอเสียหน่อย ทำไมถึงต้องมี BGM ประจำตัวและไฟเติมแสงด้วย?
และแสงนั่นก็แยงตาเหลือเกิน อย่างน้อยก็คงมีถึงสามกิโลวัตต์สินะ
เซินเป่าขยี้ตา และดึงขอบกระโปรงของฉู่เชียนหลีเบา ๆ
“ท่านแม่ ไม่สบายตาจังเลย”
ฉู่เชียนหลีอุ้มเซินเป่าขึ้นมา ให้เขานอนลงในอ้อมแขนของเฟิ่งเสวียนตู้: “เซินเป่า อย่าได้ลืมตา แสงกะพริบไม่ดีต่อสายตา”
กล่าวจบ นางก็ขยับนิ้วเล็กน้อย พลังทิพย์ที่ซ่อนเล่นพุ่งตรงไปยังลูกแก้วที่ลอยอยู่ด้านหลังบุรุษผู้นั้น
ส่อง ๆ ๆ มีเวลามาเรียกน้ำย่อยอยู่เช่นนี้ ทำไมไม่เอาอาการหลักออกมาเลยเล่า เรียกไก่ขนม่วงตัวนั้นมา?
และไม่รู้หรือว่าสายตาของเด็กจะมองแสงที่สว่างเกินไปไม่ได้?
ลูกแก้วไร้คุณธรรม จักต้องถูกกำจัด!
ในเวลานี้ บุรุษชุดขาวยืนแน่นิ่ง เท้าลอยสูงจากพื้นหนึ่งนิ้ว
ทุกคนต่างลืมตาแดง ๆ ที่ถูกแสงไฟส่อง ในที่สุดก็มองใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ชายหนุ่มผู้นั้นดูแล้วอายุยี่สิบต้น ๆ ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาเรียวยาว ริมฝีปากบอบบาง ตอนนี้มีรอยยิ้มอ่อน ๆ ทำให้คนรู้สึกยากที่จะคาดเดาอย่างแปลกประหลาด
ฮ่องเต้ค่อย ๆ ลุกขึ้น แววตาเคร่งเครียด ในใจรู้สึกประหลาด
“เจ้า......”
“ฮ่องเต้ตงเสวียน เจ้าท่านต้าวหยางขอคารวะ”
กล่าวอย่างเคารพ ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะทำความเคารพเลย แม้แต่พยักหน้าก็ไม่มี
“เจ้าท่านต้าวหยาง?”
“ถูกต้อง”
“ไม่ทราบว่าเจ้าท่านมาจากที่ใด มายังตงเสวียน ด้วยจุดประสงค์ใด?”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะ และไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแค่เบือนสายตา กวาดมองไปในหมู่ผู้คน สุดท้ายแล้วก็หยุดสายตาลงที่ฉู่เชียนหลี
“พบข้าแล้ว เหตุใดจึงไม่คุกเข่าคารวะ?”
ทุกคนถูกสายตาของบุรุษกวาดมองผ่าน รู้สึกเพียงคล้ายกับว่ามีภูเขาลูกใหญ่กดทับหัวใจเอาไว้ หายใจไม่ออกไปชั่วขณะ
พอดีกับในตอนนี้เอง ฉู่เชียนหลีได้เงยหน้าขึ้น และยิ้มอ่อน ๆ กระแสพลังผุดขึ้นมารอบกายเล็กน้อย ความกดดันทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอยในฉับพลันทันที
“เจ้าท่านกำลังกล่าวกับข้าอยู่หรือ?”
เมื่อบุรุษได้เห็นใบหน้าของฉู่เชียนหลีอย่างชัดเจน ตาเรียวเปิดออกเล็กน้อย แววความตกตะลึงแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
นางผู้นี้คือฉู่เชียนหลีที่ท่านแม่และหลิงเซวียนได้กล่าวถึง?
รูปร่างหน้าตาเช่นชี้ไม่เลวเลยจริง ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีประโยชน์ก็ได้
“ไม่ใช่เจ้าแล้วยังจะมีใครอีกล่ะ?”
“เฉียบบบ!”
ทันใดนั้นเอง แสงที่อยู่ด้านหลังของบุรุษหนุ่มได้กะพริบ ขณะเดียวกันนั้นเสียงเสียดสีที่แสบหูก็ได้ดังขึ้น
บุรุษหนุ่มรู้สึกตะลึงอยู่ภายในใจ
ไข่มุกนาคลูกนี้เป็นสมบัติวิเศษที่อาจารย์มอบให้เขา ไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดมาก่อน เหตุใดวันนี้ถึงได้เกิดความผิดปกติขึ้น?
หลังจากที่ไข่มุกนาคกะพริบอยู่สักพัก ก็ยังคงสว่างเหมือนเดิม
บุรุษแอบวางใจลง คงเป็นเพราะได้มายังโลกมนุษย์กะทันหัน ของวิเศษคงจะไม่เคยชิน ของที่อาจารย์มอบให้ จักต้องไม่มีปัญหาแน่นอน
วินาทีต่อมา เสียงตื่นเต้นดีใจก็ได้ดังขึ้น
“พี่ใหญ่!”
ทุกคนเพ่งสายตาไปมอง ก็พบกับฉู่หลิงเซวียนที่มีบ่าวคอยพยุงเอาไว้ เดินเข้ามาอย่างยากลำบาก อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา
ฉู่หลิงเซวียน นางมาได้อย่างไร? นอกจากนี้แล้วเมื่อสักครู่นางร้องเรียกออกมาวพี่ใหญ่?
ตระกูลฉู่มีบุคคลที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เดี๋ยวก่อนนะ!
ขุนนางบางคนพลันนึกขึ้นมาได้ เมื่อเจ็ดปีก่อน ตระกูลฉู่มีบุตรชายคนโตนามหานปี้ ออกไปเที่ยวร่ำเรียนวิชาที่ภายนอก ไม่ได้กลับมาเป็นเวลานาน ตระกูลฉู่ก็ไม่ได้ออกตามหา และไม่ได้กล่าวถึงในหลายปีมานี้ หรือว่า......
ท่านเซียนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ก็คือบุตรชายคนโตของตระกูลฉู่ฉู่หานปี้นั่นเอง?
ฉู่หานปี้หันกลับไป เมื่อเห็นสภาพของฉู่หลิงเซวียน แทบอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“เจ้า......”
คนอัปลักษณ์จากที่ใดกัน?
“พี่ใหญ่ ข้าคือหลิงเซียนน้องสาวของท่านอย่างไรเล่า!”
ฉู่หลิงเซวียนพยายามเดินออกมาข้างหน้า เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจอยู่ในดวงตา ใบหน้าที่เดิมทีก็เต็มไปด้วยผื่นสีแดงยิ่งแดงกว่าเดิม ใบหน้าบวม ๆ กระตุกเล็กน้อย ภายใต้การสาดส่องของไข่มุกนาค ยิ่งอัปลักษณ์อย่างน่าสะเทือนใจ
ในที่สุดท่านพี่ก็มาถึง ในที่สุดนางก็สามารถเหยียบอยู่บนศีรษะของฉู่เชียนหลีได้โดยสิ้นเชิงแล้ว!
“หลิงเซวียน? ใบหน้าของเจ้า?” ฉู่หานปี้พยายามข่มความขยะแขยงที่อยู่ภายในใจเอาไว้ แล้วเอ่ยถาม
“เป็นฉู่เชียนหลี!”
ฉู่หลิงเซวียนยกมือขึ้นมาอย่างโมโห และชี้ตรงไปยังฉู่เชียนหลี
“เป็นนังสารแล้วนั่นที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้! พี่ใหญ่ ท่านต้องจัดการให้ข้านะ!”
ฉู่หานปี้หรี่ตาลงเล็กน้อย ความเย็นชาจับตัวขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ฉู่เชียนหลี? กล้าทำร้ายน้องสาวของข้า เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก!”
สายตาของฮ่องเต้สั่นเล็กน้อย ใบหน้าเคร่งเครียด
ฉู่หานปี้ บุตรชายคนโตแห่งตระกูลฉู่?
เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านล่างต่างตะลึงงัน เดิมคิดว่าตระกูลฉู่เกิดความวุ่นวายจนแทบดูไม่ได้แล้ว ต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักระยะ คิดไม่ถึงว่าบุตรชายที่หายสาบสูญไปหลายปีจะกลับมา นำซ้ำยังได้สำเร็จวิชาเซียน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลฉู่ไม่เพียงไม่ตกต่ำ แต่กลับรุ่งเรืองขึ้นมามากกว่าเดิม!
ฉู่เชยนหลีเงยหน้า พิจารณาดูฉู่หานปี้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด ได้กลิ่นคาวเลือด และความเหี้ยมโหดอย่างเข้มข้นออกมาจากร่างกายของเขา
“เป็นเจ้านี่เอง ฉู่หานปี้ เจ้ายังกล้ากลับมาอีกหรือ?”
เจ็ดปีก่อน ฉู่หานปี้บอกว่าออกไปเที่ยวร่ำเรียนวิชา แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะหลังจากที่ดื่มเหล้าจนเมา ก็ได้ย่ำยีสตรีนางหนึ่ง ซ้ำยังได้พลั้งมือบีบคอนางจนตาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องบอกว่าออกไปเที่ยวร่ำเรียนวิชา เพื่อให้เรื่องนี้เงียบไป
ในตอนนั้น เนื่องจากเจ้าของร่างพึ่งกลับมาที่จวนตระกูลฉู่ได้ไม่นาน เลยไม่ชำนาญเส้นทาง หลงเข้าไปในเรือนที่ฉู่หานปี้พักอาศัย กลัวว่าจะโดนต่อว่า จึงได้หลบอยู่ที่หลังภูเขาเทียมลูกหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงว่าจะพบเข้ากับเหตุการณ์ที่นางอู๋กำลังพาคนจัดการกับศพ
หลังจากนั้น ไม่รู้ว่านางอู๋จัดการด้วยวิธีใด เรื่องนี้ไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา และไม่มีเจ้าทุกข์ไปฟ้องร้องต่อศาล
ด้วยการจากไปของฉู่หานปี้ เจ้าของร่างจึงได้เก็บเรื่องนี้เอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ และเพราะเรื่องนี้ จึงยิ่งหวาดกลัวนางอู๋ขึ้นไปอีก ไม่กล้าต่อต้าน ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว
ฉู่หานปี้สีหน้าหม่นหมองลง ยกฝ่ามือขึ้น พลังเสวียนสายหนึ่งรวมตัว แล้วซัดเข้าหาฉู่เชียนหลี
“กล้าไม่เคารพข้า ช่างบังอาจยิ่งนัก! ลงโทษเมื่อกระทำผิดเพียงเล็กน้อยเพื่อจะได้ไม่ทำผิดครั้งใหญ่ คนอื่นจะได้ไม่เอาเป็นแบบอย่าง!”
ทุกคนต่างตะลึงงันอยู่กับที่ในทันที ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ฉู่หานปี้จะลงมืออย่างกะทันหันเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น พลังฝ่ามือนั่นแข็งแกร่งยิ่งนัก ปะปนไปด้วยเสียงแหวกอากาศอยู่เลือนราง ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถต้านทานได้
แย่แล้ว ชีวิตของฉู่เชียนหลียากที่จะรักษาเอาไว้ได้!
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาทั้งสองข้างแหลมคมเหมือนดั่งกระบี่ จ้องมองไปทางฉู่เชียนหลี
ในกลุ่มผู้คน ฉู่หลิงเซวียนยกมุมปากขึ้นด้วยความพอใจ: ฮ่า ๆ ๆ ฉู่เชียนหลี วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!”
“เฉียบบบ!”
เสียงแสบแก้วหูดังขึ้นมาอีกครั้ง วินาทีต่อมา แสงของไข่มุกนาคพลันหายไป แสงสว่างและความมืดที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้สายตาของทุกคนยากที่จะปรับตัวได้ มองอะไรไม่เห็นขึ้นมาทันที
ฉู่หานปี้เองก็รู้สึกตรงหน้ามืดมิด ทว่าฝ่ามือได้ซัดออกไปแล้ว ไม่สามารถเก็บคืนกลับมาได้ ทำได้เพียงอาศัยความทรงจำในเมื่อสักครู่ ซัดเข้าไปยังตำแหน่งที่ฉู่เชียนหลียืนอยู่
ในความมืด ฉู่เชียนหลีถอยหลังไปหนึ่งก้าว ล้วงเอาแส้ออกมา ม้วนตัวฉู่หลิงเซวียนขึ้น แล้วดึงมายังตำแหน่งที่ตนยืนในเมื่อสักครู่
ยืนอยู่เฉย ๆ ให้ผู้อื่นทำร้าย? ไม่มีทาง
ฉู่หานปี้รู้สึกว่าซัดโดนเป้าหมายเข้าแล้ว รอยยิ้มอย่างพอใจก็ได้ปรากฏขึ้นมาที่มุมปาก
ฉู่เชียนหลี สั่งสอนเจ้าเสียหน่อย ให้เจ้ารู้ว่าท้องฟ้านั้นสูงเพียงใด แผ่นดินนั้นหนาแค่ไหน!
วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ได้ดังขึ้น ฟังเสียงแล้วค่อนข้างจะคุ้นหูไม่น้อย
ทำไมเสียงนี้เหมือนกับเสียงของฉู่หลังเซวียนเลยล่ะ?
ด้านหลัง ฉู่เชียนหลีมองดูฉู่หลิงเซวียนล้มลงไปบนพื้น นางยกเท้าขึ้นสูง และถีบเข้าไปที่หน้าอกของฉู่หานปี้
ฉู่หานปี้สัมผัสได้ถึงแรงลมที่พัดมา หัวเราะเยาะหนึ่งครั้ง ทรงตัวเอาไว้ ยืนไม่ขยับ ไม่ได้เห็นการลอบทำร้ายในครั้งนี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด
เขาเป็นผู้ฝึกตน แม้จะไม่ได้มีร่างเหล็ก แต่อาศัยระดับบำเพ็ญตนขั้นต้นของเขา ยืนอยู่เฉยให้คนธรรมดาต่อยตี คนธรรมดาสามัญก็ทำอะไรเขาไม่ได้
กลับคิดไม่ถึงว่า วินาทีต่อมาจู่ ๆ เขาก็รู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ซัดลงไปบนหน้าอกของเขา และร่างกายก็ได้ลอยถอยหลังออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วตกกระแทกลงไปบนพื้น
“อ้าก......อึก......”
ฉู่หานปี้กัดฟันแน่น กลืนเสียงร้องโอดครวญกลับเข้าไปในท้อง
ซี่โครงของเขาอย่างน้อยถูกเตะหักไปสองซีก!
เป็นใคร ใครกันที่ลงมือ?
หรือว่ามีผู้ฝึกตนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย?
ฉู่เชียนหลีเอาเท้าที่เตะคนเก็บคืนมา และทำเสียงฮึดฮัดออกมาเบา ๆ หนึ่งครั้ง
ลูกเล่นเยอะเสียจริง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...