ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 89

“เซียน......ท่านเซียน......”

มีคนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา แก้วในมือร่วงหล่นลงไปยังไม่รู้ตัว

ฉู่เชียนหลีกะพริบตา เงยหน้าขึ้นมองลูกแก้วที่เปล่งแสงเจิดจ้าอยู่ด้านหลังของบุรุษหนุ่ม

จริง ๆ เลย ไม่ได้จะถ่ายวิดีโอเสียหน่อย ทำไมถึงต้องมี BGM ประจำตัวและไฟเติมแสงด้วย?

และแสงนั่นก็แยงตาเหลือเกิน อย่างน้อยก็คงมีถึงสามกิโลวัตต์สินะ

เซินเป่าขยี้ตา และดึงขอบกระโปรงของฉู่เชียนหลีเบา ๆ

“ท่านแม่ ไม่สบายตาจังเลย”

ฉู่เชียนหลีอุ้มเซินเป่าขึ้นมา ให้เขานอนลงในอ้อมแขนของเฟิ่งเสวียนตู้: “เซินเป่า อย่าได้ลืมตา แสงกะพริบไม่ดีต่อสายตา”

กล่าวจบ นางก็ขยับนิ้วเล็กน้อย พลังทิพย์ที่ซ่อนเล่นพุ่งตรงไปยังลูกแก้วที่ลอยอยู่ด้านหลังบุรุษผู้นั้น

ส่อง ๆ ๆ มีเวลามาเรียกน้ำย่อยอยู่เช่นนี้ ทำไมไม่เอาอาการหลักออกมาเลยเล่า เรียกไก่ขนม่วงตัวนั้นมา?

และไม่รู้หรือว่าสายตาของเด็กจะมองแสงที่สว่างเกินไปไม่ได้?

ลูกแก้วไร้คุณธรรม จักต้องถูกกำจัด!

ในเวลานี้ บุรุษชุดขาวยืนแน่นิ่ง เท้าลอยสูงจากพื้นหนึ่งนิ้ว

ทุกคนต่างลืมตาแดง ๆ ที่ถูกแสงไฟส่อง ในที่สุดก็มองใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน

ชายหนุ่มผู้นั้นดูแล้วอายุยี่สิบต้น ๆ ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาเรียวยาว ริมฝีปากบอบบาง ตอนนี้มีรอยยิ้มอ่อน ๆ ทำให้คนรู้สึกยากที่จะคาดเดาอย่างแปลกประหลาด

ฮ่องเต้ค่อย ๆ ลุกขึ้น แววตาเคร่งเครียด ในใจรู้สึกประหลาด

“เจ้า......”

“ฮ่องเต้ตงเสวียน เจ้าท่านต้าวหยางขอคารวะ”

กล่าวอย่างเคารพ ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะทำความเคารพเลย แม้แต่พยักหน้าก็ไม่มี

“เจ้าท่านต้าวหยาง?”

“ถูกต้อง”

“ไม่ทราบว่าเจ้าท่านมาจากที่ใด มายังตงเสวียน ด้วยจุดประสงค์ใด?”

ชายหนุ่มยิ้มเยาะ และไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแค่เบือนสายตา กวาดมองไปในหมู่ผู้คน สุดท้ายแล้วก็หยุดสายตาลงที่ฉู่เชียนหลี

“พบข้าแล้ว เหตุใดจึงไม่คุกเข่าคารวะ?”

ทุกคนถูกสายตาของบุรุษกวาดมองผ่าน รู้สึกเพียงคล้ายกับว่ามีภูเขาลูกใหญ่กดทับหัวใจเอาไว้ หายใจไม่ออกไปชั่วขณะ

พอดีกับในตอนนี้เอง ฉู่เชียนหลีได้เงยหน้าขึ้น และยิ้มอ่อน ๆ กระแสพลังผุดขึ้นมารอบกายเล็กน้อย ความกดดันทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอยในฉับพลันทันที

“เจ้าท่านกำลังกล่าวกับข้าอยู่หรือ?”

เมื่อบุรุษได้เห็นใบหน้าของฉู่เชียนหลีอย่างชัดเจน ตาเรียวเปิดออกเล็กน้อย แววความตกตะลึงแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

นางผู้นี้คือฉู่เชียนหลีที่ท่านแม่และหลิงเซวียนได้กล่าวถึง?

รูปร่างหน้าตาเช่นชี้ไม่เลวเลยจริง ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีประโยชน์ก็ได้

“ไม่ใช่เจ้าแล้วยังจะมีใครอีกล่ะ?”

“เฉียบบบ!”

ทันใดนั้นเอง แสงที่อยู่ด้านหลังของบุรุษหนุ่มได้กะพริบ ขณะเดียวกันนั้นเสียงเสียดสีที่แสบหูก็ได้ดังขึ้น

บุรุษหนุ่มรู้สึกตะลึงอยู่ภายในใจ

ไข่มุกนาคลูกนี้เป็นสมบัติวิเศษที่อาจารย์มอบให้เขา ไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดมาก่อน เหตุใดวันนี้ถึงได้เกิดความผิดปกติขึ้น?

หลังจากที่ไข่มุกนาคกะพริบอยู่สักพัก ก็ยังคงสว่างเหมือนเดิม

บุรุษแอบวางใจลง คงเป็นเพราะได้มายังโลกมนุษย์กะทันหัน ของวิเศษคงจะไม่เคยชิน ของที่อาจารย์มอบให้ จักต้องไม่มีปัญหาแน่นอน

วินาทีต่อมา เสียงตื่นเต้นดีใจก็ได้ดังขึ้น

“พี่ใหญ่!”

ทุกคนเพ่งสายตาไปมอง ก็พบกับฉู่หลิงเซวียนที่มีบ่าวคอยพยุงเอาไว้ เดินเข้ามาอย่างยากลำบาก อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา

ฉู่หลิงเซวียน นางมาได้อย่างไร? นอกจากนี้แล้วเมื่อสักครู่นางร้องเรียกออกมาวพี่ใหญ่?

ตระกูลฉู่มีบุคคลที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เดี๋ยวก่อนนะ!

ขุนนางบางคนพลันนึกขึ้นมาได้ เมื่อเจ็ดปีก่อน ตระกูลฉู่มีบุตรชายคนโตนามหานปี้ ออกไปเที่ยวร่ำเรียนวิชาที่ภายนอก ไม่ได้กลับมาเป็นเวลานาน ตระกูลฉู่ก็ไม่ได้ออกตามหา และไม่ได้กล่าวถึงในหลายปีมานี้ หรือว่า......

ท่านเซียนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ก็คือบุตรชายคนโตของตระกูลฉู่ฉู่หานปี้นั่นเอง?

ฉู่หานปี้หันกลับไป เมื่อเห็นสภาพของฉู่หลิงเซวียน แทบอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“เจ้า......”

คนอัปลักษณ์จากที่ใดกัน?

“พี่ใหญ่ ข้าคือหลิงเซียนน้องสาวของท่านอย่างไรเล่า!”

ฉู่หลิงเซวียนพยายามเดินออกมาข้างหน้า เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจอยู่ในดวงตา ใบหน้าที่เดิมทีก็เต็มไปด้วยผื่นสีแดงยิ่งแดงกว่าเดิม ใบหน้าบวม ๆ กระตุกเล็กน้อย ภายใต้การสาดส่องของไข่มุกนาค ยิ่งอัปลักษณ์อย่างน่าสะเทือนใจ

ในที่สุดท่านพี่ก็มาถึง ในที่สุดนางก็สามารถเหยียบอยู่บนศีรษะของฉู่เชียนหลีได้โดยสิ้นเชิงแล้ว!

“หลิงเซวียน? ใบหน้าของเจ้า?” ฉู่หานปี้พยายามข่มความขยะแขยงที่อยู่ภายในใจเอาไว้ แล้วเอ่ยถาม

“เป็นฉู่เชียนหลี!”

ฉู่หลิงเซวียนยกมือขึ้นมาอย่างโมโห และชี้ตรงไปยังฉู่เชียนหลี

“เป็นนังสารแล้วนั่นที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้! พี่ใหญ่ ท่านต้องจัดการให้ข้านะ!”

ฉู่หานปี้หรี่ตาลงเล็กน้อย ความเย็นชาจับตัวขึ้นบนใบหน้าของเขา

“ฉู่เชียนหลี? กล้าทำร้ายน้องสาวของข้า เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก!”

สายตาของฮ่องเต้สั่นเล็กน้อย ใบหน้าเคร่งเครียด

ฉู่หานปี้ บุตรชายคนโตแห่งตระกูลฉู่?

เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านล่างต่างตะลึงงัน เดิมคิดว่าตระกูลฉู่เกิดความวุ่นวายจนแทบดูไม่ได้แล้ว ต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักระยะ คิดไม่ถึงว่าบุตรชายที่หายสาบสูญไปหลายปีจะกลับมา นำซ้ำยังได้สำเร็จวิชาเซียน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลฉู่ไม่เพียงไม่ตกต่ำ แต่กลับรุ่งเรืองขึ้นมามากกว่าเดิม!

ฉู่เชยนหลีเงยหน้า พิจารณาดูฉู่หานปี้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด ได้กลิ่นคาวเลือด และความเหี้ยมโหดอย่างเข้มข้นออกมาจากร่างกายของเขา

“เป็นเจ้านี่เอง ฉู่หานปี้ เจ้ายังกล้ากลับมาอีกหรือ?”

เจ็ดปีก่อน ฉู่หานปี้บอกว่าออกไปเที่ยวร่ำเรียนวิชา แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะหลังจากที่ดื่มเหล้าจนเมา ก็ได้ย่ำยีสตรีนางหนึ่ง ซ้ำยังได้พลั้งมือบีบคอนางจนตาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องบอกว่าออกไปเที่ยวร่ำเรียนวิชา เพื่อให้เรื่องนี้เงียบไป

ในตอนนั้น เนื่องจากเจ้าของร่างพึ่งกลับมาที่จวนตระกูลฉู่ได้ไม่นาน เลยไม่ชำนาญเส้นทาง หลงเข้าไปในเรือนที่ฉู่หานปี้พักอาศัย กลัวว่าจะโดนต่อว่า จึงได้หลบอยู่ที่หลังภูเขาเทียมลูกหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงว่าจะพบเข้ากับเหตุการณ์ที่นางอู๋กำลังพาคนจัดการกับศพ

หลังจากนั้น ไม่รู้ว่านางอู๋จัดการด้วยวิธีใด เรื่องนี้ไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา และไม่มีเจ้าทุกข์ไปฟ้องร้องต่อศาล

ด้วยการจากไปของฉู่หานปี้ เจ้าของร่างจึงได้เก็บเรื่องนี้เอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ และเพราะเรื่องนี้ จึงยิ่งหวาดกลัวนางอู๋ขึ้นไปอีก ไม่กล้าต่อต้าน ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว

ฉู่หานปี้สีหน้าหม่นหมองลง ยกฝ่ามือขึ้น พลังเสวียนสายหนึ่งรวมตัว แล้วซัดเข้าหาฉู่เชียนหลี

“กล้าไม่เคารพข้า ช่างบังอาจยิ่งนัก! ลงโทษเมื่อกระทำผิดเพียงเล็กน้อยเพื่อจะได้ไม่ทำผิดครั้งใหญ่ คนอื่นจะได้ไม่เอาเป็นแบบอย่าง!”

ทุกคนต่างตะลึงงันอยู่กับที่ในทันที ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ฉู่หานปี้จะลงมืออย่างกะทันหันเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น พลังฝ่ามือนั่นแข็งแกร่งยิ่งนัก ปะปนไปด้วยเสียงแหวกอากาศอยู่เลือนราง ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถต้านทานได้

แย่แล้ว ชีวิตของฉู่เชียนหลียากที่จะรักษาเอาไว้ได้!

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาทั้งสองข้างแหลมคมเหมือนดั่งกระบี่ จ้องมองไปทางฉู่เชียนหลี

ในกลุ่มผู้คน ฉู่หลิงเซวียนยกมุมปากขึ้นด้วยความพอใจ: ฮ่า ๆ ๆ ฉู่เชียนหลี วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!”

“เฉียบบบ!”

เสียงแสบแก้วหูดังขึ้นมาอีกครั้ง วินาทีต่อมา แสงของไข่มุกนาคพลันหายไป แสงสว่างและความมืดที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้สายตาของทุกคนยากที่จะปรับตัวได้ มองอะไรไม่เห็นขึ้นมาทันที

ฉู่หานปี้เองก็รู้สึกตรงหน้ามืดมิด ทว่าฝ่ามือได้ซัดออกไปแล้ว ไม่สามารถเก็บคืนกลับมาได้ ทำได้เพียงอาศัยความทรงจำในเมื่อสักครู่ ซัดเข้าไปยังตำแหน่งที่ฉู่เชียนหลียืนอยู่

ในความมืด ฉู่เชียนหลีถอยหลังไปหนึ่งก้าว ล้วงเอาแส้ออกมา ม้วนตัวฉู่หลิงเซวียนขึ้น แล้วดึงมายังตำแหน่งที่ตนยืนในเมื่อสักครู่

ยืนอยู่เฉย ๆ ให้ผู้อื่นทำร้าย? ไม่มีทาง

ฉู่หานปี้รู้สึกว่าซัดโดนเป้าหมายเข้าแล้ว รอยยิ้มอย่างพอใจก็ได้ปรากฏขึ้นมาที่มุมปาก

ฉู่เชียนหลี สั่งสอนเจ้าเสียหน่อย ให้เจ้ารู้ว่าท้องฟ้านั้นสูงเพียงใด แผ่นดินนั้นหนาแค่ไหน!

วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ได้ดังขึ้น ฟังเสียงแล้วค่อนข้างจะคุ้นหูไม่น้อย

ทำไมเสียงนี้เหมือนกับเสียงของฉู่หลังเซวียนเลยล่ะ?

ด้านหลัง ฉู่เชียนหลีมองดูฉู่หลิงเซวียนล้มลงไปบนพื้น นางยกเท้าขึ้นสูง และถีบเข้าไปที่หน้าอกของฉู่หานปี้

ฉู่หานปี้สัมผัสได้ถึงแรงลมที่พัดมา หัวเราะเยาะหนึ่งครั้ง ทรงตัวเอาไว้ ยืนไม่ขยับ ไม่ได้เห็นการลอบทำร้ายในครั้งนี้อยู่ในสายตาเลยสักนิด

เขาเป็นผู้ฝึกตน แม้จะไม่ได้มีร่างเหล็ก แต่อาศัยระดับบำเพ็ญตนขั้นต้นของเขา ยืนอยู่เฉยให้คนธรรมดาต่อยตี คนธรรมดาสามัญก็ทำอะไรเขาไม่ได้

กลับคิดไม่ถึงว่า วินาทีต่อมาจู่ ๆ เขาก็รู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ซัดลงไปบนหน้าอกของเขา และร่างกายก็ได้ลอยถอยหลังออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วตกกระแทกลงไปบนพื้น

“อ้าก......อึก......”

ฉู่หานปี้กัดฟันแน่น กลืนเสียงร้องโอดครวญกลับเข้าไปในท้อง

ซี่โครงของเขาอย่างน้อยถูกเตะหักไปสองซีก!

เป็นใคร ใครกันที่ลงมือ?

หรือว่ามีผู้ฝึกตนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย?

ฉู่เชียนหลีเอาเท้าที่เตะคนเก็บคืนมา และทำเสียงฮึดฮัดออกมาเบา ๆ หนึ่งครั้ง

ลูกเล่นเยอะเสียจริง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี