ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 92

ฉู่เชียนหลีมองเห็นเหตุการณ์นี้ แววตากะพริบเล็กน้อย

ฮ่องเต้ตีนางอู๋และฉู่หลิงเซวียน ยังจะขังพวกนางไว้ นี่คือต้องการใช้พวกนางมาบีบบังคับฉู่หานปี้ให้ยอมจำนน?

แต่ว่า เห็นท่าทางที่ฉู่หานปี้ไม่สนใจไยดีทอดทิ้งพวกนางสองแม่ลูกแล้ว แผนการที่วางไว้ของเขามีโอกาสที่จะคว้าน้ำเหลวสูงมาก

ฮ่องเต้เริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: “งานเลี้ยงรอบกองไฟวันนี้ก็จบเพียงเท่านี้เถอะ ทหารปกป้องรักษาการณ์ คนอื่นกลับไปบ้านของตัวเองพักผ่อน ไม่ควรเดินเล่นตามอำเภอใจ”

“ขอรับ” ทุกคนตอบรับอย่างรีบร้อน และหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันด้วยความรวดเร็ว

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปทางฉู่เชียนหลี ในแววตาแสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงอย่างเห็นชัดเจน

“เชียนหลี สีหน้าของเจ้าไม่ค่อยดีมากนัก กลับไปพักผ่อนเถอะ รอพักผ่อนหายดีแล้ว เรามีเรื่องบางอย่างอยากจะถามเจ้า”

“เพคะ ฝ่าบาท”

เฟิ่งเสวียนตู้ก้าวไปข้างหน้า จับมือของฉู่เชียนหลีเอาไว้ พานางกลับไปที่ลานเรือน

ฉู่เชียนหลีพิงที่ไหล่ของเฟิ่งเสวียนตู้ สีหน้าซีดเซียวผิดปกติ

วันนี้นางสูญเสียพลังทิพย์ไปค่อนข้างมากจริงๆ ตอนนี้เส้นลมปราณรู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้างแล้ว

โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่ระเบิดทำลายไข่มุกนาค ใช้พลังทิพย์ไปทั้งหมดอย่างเกินตัว

เซินเป่าจับมือของฉู่เชียนหลีอย่างเจ็บปวดใจ มองดูท่าทางที่ไม่สบายของนาง แก้มนูนๆ โกรธจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

“ไอ้คนสารเลวนั่น! ไอ้สารเลว! ต้องถูกฟ้าผ่า!”

ลอยสูงขึ้นตามความโกรธของเซินเป่า แสงสีแดงงดงามปรากฏขึ้นแวบหนึ่งในดวงตาของเขา

กลางท้องฟ้า ชายชราคนหนึ่งกำลังเหาะด้วยความรวดเร็ว ครู่ต่อมา ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงลมปราณความโมโหอย่างถึงขีดสุดของเจ้าจ้อยแห่งเผ่าหงส์ ร่างกายหยุดชะงักทันทีทันใด ลอยค้างอยู่กลางอากาศบนท้องฟ้า

“หงส์เจ้าจ้อย? มีผู้ใดกล้ากลั่นแกล้งเจ้าเด็กเผ่าหงส์ของข้า?”

ดวงตานกอินทรีชายชรากะพริบแวบหนึ่ง พลังเสวียนมากมายมหาศาลกลุ่มหนี่งระเบิดออกมารอบกาย ชั้นเมฆบนท้องฟ้าถูกดึงด้วยพลังพละกำลังของเขา ชนเข้าด้วยกันทันทีทันใด ช่วงเวลาต่อมา สายฟ้าสายหนึ่งผ่าตรงลงมาจากบนท้องฟ้า

ข้างหลุมขนาดใหญ่ของลานล่าสัตว์ ทหารที่เฝ้ายามล้มระเนระนาด

กลางหลุม ฉู่หานปี้ที่ซ่อนตัวเองไว้รอจนกว่าฮ่องเต้และคนอื่นๆจากไป รีบร้อนสาดยาผงกำหนึ่งออกมา ทหารที่อยู่ด้านนอกสลบไสล หลังจากนั้นพยายามพลิกร่างกาย อยากจะปีนออกมาจากข้างในหลุม

เขาบาดเจ็บอย่างหนักจากการถูกระเบิด เพื่อไม่ให้ถูกทุกคนเห็นเป็นเรื่องตลก สามารถทำได้เพียงแค่ใช้พลังเสวียนเฮือกสุดท้ายพูดส่งเสียงผ่านอากาศ สร้างภาพลวงตาว่าเขาได้จากไปแล้ว ความจริงแล้ว แค่ใช้คาถาบังตา ซ่อนตัวอยู่ในโคลนที่ก้นหลุม

เวลานี้ เขาจะฟื้นคืนสภาพเดิมได้ไม่ง่ายเลย ตาจ้องมองกำลังจะปีนออกจากหลุม แต่ทว่าคิดไม่ถึงว่าสายฟ้าสายหนึ่งจะผ่ามา ตรงลงมาที่บนศีรษะของเขาเข้าพอดี

“ตูม!”

ฉู่หานปี้ส่งเสียงแหวะพร้อมกับพ่นเลือดสดๆออกมาคำใหญ่ หลังจากนั้นตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้น หมดสติและตายอยู่ในหลุม

ในไม่ช้า ผู้หญิงปิดบังโฉมหน้าคนหนึ่งรีบก้าวเดินอย่างรวดเร็วมาที่ข้างหลุม มองเห็นฉู่หานปี้ที่หมดสติตายไป ในตามีความวิตกกังวล รีบสั่งให้คนรับใช้ข้างกายรีบลากเขาออกมา หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

อีกด้านหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกฟ้าผ่าทำให้ตกใจ เมื่อพบว่าไม่ใช่พุ่งเข้าใส่ตนเอง ความหวาดผวาในดวงตาถึงหายไป

นางใจเย็นลง ยื่นมือไปนวดศีรษะเล็กของเซินเป่า กล่าวปลอบใจ: “ท่านแม่ไม่เป็นอะไร กินอะไรบำรุงสักนิดก็ดีขึ้น”

เซินเป่าขยี้ดวงตาสีแดงและกล่าวอย่างรีบร้อน: “ท่านแม่ ท่านอยากกินอะไร เซินเป่าคนนี้จะไปทำให้ท่าน”

“ไก่ขนสีม่วงตุ๋นโสมเมฆแดง!”

“ไก่ขนสีม่วงไม่ใช่บินหนีไปแล้วหรือ?” เซินเป่าประหลาดใจ

“แม่ยังไม่ได้ชิมรสชาติ มันกล้าหนี?” ฉู่เชียนหลีพยายามทำให้สดชื่น “ไป พาพวกเจ้าไปเที่ยวพักผ่อนในตอนดึก! ใช่แล้ว อย่าลืมเรียกท่านผู้พี่กับท่านชายเซียว”

นางได้เดินไปบนเส้นทางฝึกตนแล้ว ท่านลุงกับท่านผู้พี่ตามธรรมชาติแล้วก็ไม่สามารถล่าช้าได้

เมื่อก่อนการเดินทางไปๆมาๆในแต่ละมิติ มีคนมากมายที่กลายเป็นแขกที่เดินทางผ่านในชีวิตเธอไปแล้ว ปัจจุบัน ในที่สุดก็สามารถปลดเกษียณอยู่บ้านพักผ่อน ตามธรรมชาติจะจับคนและสิ่งของที่สำคัญเหล่านั้นไว้ จะไม่เหลือความเสียใจไว้แม้แต่เล็กน้อยอีก

สำหรับเซียวจวินยี่ ถึงแม้จะมีนิสัยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอยู่บ้าง แต่หลายปีมานี้ไม่เคยห่างและทอดทิ้งท่านผู้พี่ ตอนนี้อยู่ที่ลานล่าสัตว์ต้องอาศัยอยู่ในกระโจม นอนหลับอยู่ในผ้าห่ม ที่ก็เป็นสิ่งที่ถือโอกาสฝากคนอื่นที่จะเดินทางไปเอากลับมา

ในไม่ช้า ซูจิ่นจือและเซียวจวินยี่ตามมาทันแล้ว เห็นใบหน้าซีดขาวของฉู่เชียนหลี รู้สึกเป็นกังวลใจขึ้นมาเสียแล้ว

“เชียนหลี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่เป็นไร ก็แค่รู้สึกหิวนิดหน่อย ได้กินของอร่อยบำรุงสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”

ซูจิ่นจือยังคงไม่วางใจ จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองฉู่เชียนหลี แต่ถูกเฟิ่งเสวียนตู้ขวางเอาไว้ไม่ให้เข้ามายุ่ง ทำได้เพียงแค่อุ้มเซินเป่าขึ้นมา เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างเป็นกังวล

เฟิ่งเสวียนตู้ถึงจะรู้สึกพอใจ ประคองฉู่เชียนหลีอย่างระมัดระวัง พานางเดินมุ่งหน้าไปทางป่าไม้ด้านนั้นอย่างช้าๆ

เทียนชูและเทียนเสวียนรีบร้อนหลีกทางให้ ทหารเดินนำออกไป เพื่อให้บรรดาเจ้านายน้อยใหญ่สะดวกในการค้นหาไก่ขนสีม่วง

ในไม่ช้า ฉู่เชียนหลีก็มาถึงพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง เค้นพลังทิพย์สุดท้ายที่เหลืออยู่น้อยนิดออกมา เพื่อให้ตาข่ายไหมเงือกปรากฏออกมา

อินทรีมู่หยูมองเห็นฉู่เชียนหลี ในดวงตาปรากฏความหวาดกลัวลึกๆขึ้นมาแวบหนึ่ง อ้าปากกำลังจะส่งเสียงร้องคำราม แต่ถูกเซินเป่าเห็นเข้า วิ่งเหยาะๆไปหา กำหมัดแน่น ทุบเข้าไปที่หน้าผากหนึ่งที!

“ไก่ขนสีม่วง! เจ้าทำให้ท่านแม่ของข้าต้องเหนื่อย! จะตีเจ้าให้ตาย!”

อินทรีมู่หยูเดิมทีไม่ได้เห็นเซินเป่าอยู่ในสายตา แต่เมื่อหมัดเล็กๆที่โกรธแค้นของเขาทุบลงมา รู้สึกได้เพียงว่าในหัวมีเสียงดังหึ่งๆ ถูกทุบจนกะโหลกเกือบแตกแล้ว

“ว้าว ว้าว!”

เจ้ากล้าตีข้า ข้าจะกินเจ้าคอยดู!

เซินเป่าตาเบิกกว้าง ยื่นมือเล็กออกไป บีบปากของอินทรีมู่หยูผ่านตาข่ายไหมเงือกเอาไว้แน่น ทุบมันอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง

“ท่านแม่ ไก่ขนสีม่วงตัวนี้เลวมาก มันจงใจร้องคำราม คิดจะดึงดูดคนมา”

ฉู่เชียนหลีพยักหน้า: “ลากมันไป พวกเราไปด้านหลังภูเขา”

“อืม”

เทียนชูและเทียนเสวียนก้าวไปข้างหน้าอย่างรีบร้อนเพื่อทำหน้าที่แรงงานขนย้าย

ซูจิ่นจือและเซียวจวินยี่ยังยืนเซ่ออยู่ที่เดิม ดวงตาเบิกกว้าง ถึงแม้จะเห็นด้วยตาของตนเองก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง

นี่ไม่ใช่วิหคเทพที่หยิ่งผยองที่เมื่อก่อนจะกินคนหรอกหรือ?

ตอนนี้ถูกคนใช้ตาข่ายจับและทุบจนตาขาวเหลือก?

เป็นเพราะพวกเขาได้ประสบการณ์น้อยเกินไป หรือเป็นเพราะว่าโลกนี้ลึกลับมหัศจรรย์มากเกินไปกันแน่?

ทั้งสองคนเดินไปมาอย่างแข็งทื่อ มองไปยังมือที่ทุบวิหคเทพของเซินเป่าอย่างกล้าหาญแข็งแกร่งด้วยความตกตะลึง ไม่สามารถเรียกสติกลับคืนมาได้อยู่นาน

จนกระทั่งวิหคเทพตัวนั้นถูกทุบจนขนร่วง ซูจิ่นจือตกใจจนตัวสั่น รีบโน้มตัวลงเก็บขนนกขึ้นมา

ทำความสะอาดร่องรอยเรียบร้อย ไม่สามารถให้ผู้อื่นพบเห็นได้!

เดินไปจนถึงด้านหน้าลำธารเล็กของด้านหลังภูเขา เทียนชูและเทียนเสวียนนำนกอินทรีมู่หยูวางไว้บนที่โล่งผืนหนึ่ง

เซินเป่าทุบตีมาตลอดครึ่งวัน หลังจากได้เริ่มออกแรง ใบหน้าเล็กก็มีสีแดงหน่อยๆ ยิ่งรู้สึกถึงความละเอียดอ่อนน่ารัก

ฉู่เชียนหลีหาที่พื้นโล่งเจอแล้ว กำลังจะนั่งลงบนพื้นอย่างเกียจคร้าน

หว่างคิ้วของเฟิ่งเสวียนตู้ขมวดขึ้น บังคับดึงนางให้ลุกขึ้น นำพรมกันความชื้นออกมาจากกระเป๋าที่เทียนชูสะพายไว้ หาพื้นที่ที่ลมพัดไปไม่ถึงปูอย่างเรียบร้อย จากนั้นอุ้มนางขึ้นมา และวางลงบนพรม

ซูจิ่นจือมองด้วยความตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก มองไปที่เฟิ่งเสวียนตู้ที่สวมหน้ากากลักษณะท่าทางสูงศักดิ์ลึกลับซับซ้อน อารมณ์หึงหวงทำให้ภายในใจรู้สึกเจ็บปวด

เพิ่งเสวียนตู้ไม่ได้ใส่ใจ ไปหาเทียนชูอีกครั้งเพื่อหยิบหมอน เพื่อให้ฉู่เชียนหลีได้พิงอย่างสบายๆ จากนั้นถึงจะพยักหน้าด้วยความพอใจ

เซินเป่าวิ่งมาหา ส่งกาน้ำที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขนให้

“ท่านแม่ ท่านนั่งลงและดื่มชาก่อน เซินเป่าจะรีบไปตุ๋นไก่มาให้ท่านกิน”

“ได้”

ฉูเชียนหลีพยักหน้า ดื่มชาผลไม้ที่มีกลิ่นหอมชัดเจนหนึ่งคำ รู้สึกถึงพลังทิพย์ที่ฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย

เฟิ่งเสวียนตู้กลัวว่าเซินเป่าจะถูกอินทรีมู่หยูทำร้าย จึงรีบสาวเท้าเดินตามไป

ภายในตาข่ายไหมเงือก ลูกตาของอินทรีมู่หยูหมุนสะเปะสะปะ หัวที่ถูกทุบจนบวมเดิมทีก็น่ากลัวอยู่แล้ว ดวงตาปิดสนิทจนเป็นเส้นเดียว

“กา?”

พวกเจ้าคอยดู รอเจ้านายข้ามาถึง จะเผาพวกเจ้าทีละคนๆจนกลายเป็นคนแห้ง!

เซินเป่าขมวดหว่างคิ้ว: “เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่? ฟังไม่เข้าใจนะ!”

“กา!”

คนแห้งรู้จักไหม? ถ้ากลัวก็รีบปล่อยข้าออกไป!

เซินเป่าแววตาเคร่งขรึม ดึงดาบยาวที่อยู่ในมือของเทียนชูออกมา ขยับข้อมือเล็กน้อย ปลายดาบปรากฏแสงเย็นเยือกแวบหนึ่ง

เซินเป่าเกาที่หน้าผาก เข้าใจได้ทันที: “มันต้องด่าข้าอยู่แน่นอน!”

“กา กา กา!”

หยิบ......หยิบดาบมาทำอะไร?

เซินเป่าพูดอย่างโมโห: “ข้าพูดถูกแล้ว ไก่ขนสีม่วงตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมดแล้ว!”

ไก่ขนม่วงตัวนี้ กินคนเขายังไม่ว่าอะไรแต่ยังด่าเขาอีก!

เฟิ่งเสวียนตู้ก้าวไปข้างหน้า ดวงตาหงส์เย็นชาน่ากลัว ลมปราณที่ถูกเก็บเอาไว้อย่างลึกๆมาตลอดเวลาก็รั่วไหลออกเล็กน้อย

“กา!”

ดวงตาของอินทรีมู่หยูเบิกกว้าง หมอบตัวลงไปบนพื้น ตัวสั่นพั่บๆด้วยความหวาดกลัว

ลมปราณแค่น้อยนิดเท่านั้นแต่เหมือนกับว่าผ่านไปหมื่นปี กาลเวลาหยุดชะงัก ความหวาดกลัวและสวามิภักดิ์ที่ฝังอยู่ในสายเลือดถูกกระตุ้นภายในชั่วพริบตาเดียว ทำให้มันคลานอยู่บนพื้น แสดงความสวามิภักดิ์ของตนเองด้วยท่าทางนอบน้อมที่สุด

เซินเป่าเห็นแล้ว ก็ยิ่งโมโห

“นี่คือเขากำลังหัวเราะเยาะข้าอยู่ พูดว่ามันนอนนิ่งไม่ขยับข้าก็ไม่ฆ่ามันแล้ว? ไก่ขนสีม่วง เจ้าคอยดู!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี