เมื่อซูจิ่นจือได้ยินคำพูดของฉู่เชียนหลี ไม่เข้าใจไปขณะหนึ่ง: "เชียนหลี ที่เจ้าเพิ่งพูดเรื่องความคับข้องใจคือ?"
สายตาของฉู่เชียนหลีมองไปที่แขนของซูจิ่นจือ
ข้อมือที่เปิดออกมีจุดสีแดงเล็กๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ หากไม่ได้สังเกต ก็ไม่มีวันเจอ
นางจับมือของซูจิ่นจือไว้ ใช้พลังทิพย์โดยตรงบีบคั้นไป หลังจากนั้นไม่นาน พิษกู่สีแดงเข้มก็ถูกนางใช้พลังทิพย์บีบคั้นออกมา
การเคลื่อนไหวของพิษกู่นั้นว่องไวอย่างยิ่ง ร่างกายสีแดงเข้มที่ดูเหมือนเปื้อนเลือดจับตัวเป็นก้อน เผยให้เห็นไอชั่วร้ายที่อธิบายไม่ได้
ถูกบังคับให้ออกจากร่างของซูจิ่นจือ วินาทีต่อมาก็จู่โจมไปที่กลางคิ้วของฉู่เชียนหลี การเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายฟ้า
ฉู่เชียนหลียกแขนขึ้น บีบพิษกู่ระหว่างสองนิ้วอย่างง่ายดาย ออกแรงเพียงเล็กน้อย พิษกู่ที่กำลังดิ้นรนก็ถูกขยี้เป็นผง
“พิษกู่ดูดจิต สามารถควบคุมจิตใจของคน และยังทำลายชีพจรหัวใจของคน ถูกผู้อื่นกลั่นมาก่อน มันสามารถเข้าสู่สายเลือดอย่างเงียบ ๆ อานุภาพแรงกว่า”
ใบหน้าของซูจิ่นจือเปลี่ยนไปทันที ความโกรธและความเกลียดชังในดวงตาผสมกัน
“ซุนซื่อ! นางแบ่งตระกูลซูยังไม่พอ ตอนนี้ยังอยากได้ชีวิตของข้า?”
"มากสุดนางก็เป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิด คนที่น่ารังเกียจจริงๆ ยังเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังนาง"
พิษกู่ดูดจิตที่ถูกปลุกเสกปรากฏขึ้นแล้ว ดังนั้นเป็นไปได้ที่ ฉู่หานปี้จะซ่อนตัวอยู่ในค่ายทหารของซุนยู่จือ
ฉู่เชียนหลีมองไปที่ซูจิ่นจือ: "ท่านผู้พี่ ข้าให้ยาท่านหนึ่งเม็ด ท่านทานลงไป ร่างกายจะแสดงอาการของ พิษกู่ดูดจิตด้านซุนซื่อก็จะไม่พบความผิดปกติ พวกเราก็มาแผนซ้อนแผน ว่าอย่างไร? "
ซูจิ่นจือพยักหน้าทันที: “ได้”
“อืม”
ฉู่เชียนหลีจับชีพจรของซูจิ่นจืออีกครั้ง สีหน้าคิดพิจราณาเล็กน้อย
พลังเสวียนที่สะสมโดยเนื้อไก่ขนม่วงในร่างกายของท่านผู้พี่นิ่งงันไม่สลาย ดังนั้นจึงต้องหาวิธีชุบ ให้เขาดูดซับให้หมดถึงจะถูก
“ท่านผู้พี่ หนทางแห่งการฝึกฝนตน ท่านคิดอย่างไร?”
แม้ว่าจะตัดสินใจแล้วว่าหนทางแห่งการฝึกฝนจะเดินร่วมกัน แต่นางก็ยังต้องยืนยันกับท่านน้า ท่านผู้พี่อีกครั้ง
ซูจิ่นจือดูจริงจังทันที: “น้องเชียนหลี ข้าไม่รู้ว่าคุณสมบัติของตัวเองเป็นเช่นไร แต่ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะทุกข์มากเพียงใด ยากมากเท่าไหร่ ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าแน่นอน!”
ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงกระแสอันอบอุ่นในใจ จากนั้นยิ้มและกล่าวว่า:
“ข้าเข้าใจแล้ว งั้นท่านผู้พี่ท่านเตรียมตัวให้พร้อม หนทางแห่งการฝึกฝนนั้นโหดร้ายเสมอ เพื่อท่านในอนาคตที่จะก้าวไปได้ไกล ถ้าข้าเป็นคนวางแผน ท่านคงจะต้องทนทุกข์อีกมาก”
“ข้าไม่กลัวทนทุกข์ น้องเชียนหลีจัดการได้เลย” ดวงตาของซูจิ่นจือเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะลอง
"อืม"
ความคิดของฉู่เชียนหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อย: ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉู่หานปี้ชั่วนั้นเหมือนจะยังเป็นขยะกลับมาใช้ได้?
ในไม่ช้า ซูจิ่นจือก็ได้เชิญหมอหลวงเนื่องจากร่างกายรู้สึกไม่สบาย หลังจากหมอหลวงดูไปซักพัก ไม่ได้วินิจฉัยเจอปัญหาใด ๆ เพียงให้พักผ่อนเท่านั้น
เมื่อซุนซื่อได้ยินข่าวนี้ ก็ยกยิ้มขึ้นอย่างได้ใจ
พิษกู่ที่เจ้าท่านให้ จะให้คนทั่วไปหาเจอได้อย่างไร?
เหอะ ซูจิ่นจือ ซูยี่ พวกเจ้าก็เป็นเบี้ยอย่างเชื่อฟังไปเถอะ ช่วยข้าควบคุมฉู่เชียนหลีไว้อย่างสมบูรณ์ ถลกหนังคนสวยบนตัวนางออก!
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าของการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างมั่นมั่นคงคง
ฉู่เชียนหลีพิงอยู่บนโครงชิงช้าที่เกาหลินพาคนทำขึ้นใหม่ มองดูก้อนเมฆสีขาวที่ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ
เซินเป่าวิ่งมาพร้อมกับเหงื่อเต็มหัว “ท่านแม่ พรุ่งนี้พวกเราก็สามารถกลับไปหาท่านปู่ใหญ่ได้แล้วใช่ไหม”
ฉู่เชียนหลีกำลังจะลุกขึ้น ก็เห็นเฟิ่งเสวียนตู้เดินมา นั่งยองๆบนพื้นและถือผ้าเช็ดหน้าเพื่อช่วยเซินเป่าเช็ดเหงื่อ
เซินเป่าเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่อฟัง เมื่อใบหน้าเล็กถูกเช็ดสะอาด ก็เผยรอยยิ้มอันแสนหวาน
“ขอบคุณเจ้าอาขี้เหร่”
"ด้วยความยินดี"
ฉู่เชียนหลีเอนนอนลงอีกครั้ง ปล่อยให้เซินเป่านั่งข้าง ๆ และโยกไปกับนาง
“อืม พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”
"ดีที่สุดเลย!"
เซินเป่าดีใจมาก แม้ว่าเล่นนอกบ้านสนุกมาก แต่เขาก็ยังคิดถึงท่านปู่ใหญ่ อาโม่เฟิง เจ้าชมพู เผิงเกิ๋น โต้เกิ๋นและน้องโสมคน ในอนาคต
ฉู่เชียนหลีหรี่ตาลงทันที หลังจากรอสองสามวัน ก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ จากฉู่หานปี้อีกต่อไป ดูเหมือนว่าจะต้องบังคับให้เขาออกมือแล้ว
“เซินเป่า กระดูกไก่ขนม่วงที่พวกเรากินยังเหลืออยู่ไหม?”
“ถูกท่านอาเซียวสะสมไปหมดแล้ว เนื้อไก่ขนม่วงนอกจากที่เหลือไว้ให้ท่านปู่ใหญ่ ที่เหลือก็ไม่มีแล้ว”
“แล้วขนไก่ล่ะ”
“ที่ท่านน้ามี บอกว่าเอามันกลับมาทำขนปลอมให้ เผิงเกิ๋นและโต้เกิ๋น”
“เอาออกมาสักสองเส้น พวกเราโยนไปที่หน้าค่ายทหารของซุนยู่จือ”
ในขณะที่เขาป่วยเอาชีวิตเขาถึงจะถูกต้อง ไม่ต้องรอเขารักษาจนแข็งแรงมีชีวิตชีวาแล้วมาหาเรื่องอีก
ตอนบ่าย ฉู่หานปี้ที่กำลังนั่งสมาธิก็ได้ยินการเคลื่อนไหวบางอย่าง จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น
วินาทีต่อมา ประตูค่ายทหารก็ถูกลมพัดไหว จากนั้นขนสีม่วงยาวสองเส้นก็ลอยไปกลางค่ายทหาร
“อินทรีมู่หยู?”
ฉู่หานปี้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เปิดประตูค่าย แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาคน
เขารีบกลับไปหยิบขนขึ้นมา แยกแยะกลิ่นอายที่อยู่บนนั้นอย่างระมัดระวัง หลังจากยืนยันว่าเป็นม้าขี่ของอาจารย์ของเขา ใบหน้าอดไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นตกใจ
“อินทรีมู่หยูถูกจับแล้ว?”
ครู่ต่อมา ประตูค่ายทหารก็ขยับอีกครั้ง กระดาษลูกเล็กๆ กระเด็นเข้ามา
ฉู่หานปี้เปิดประตูค่ายตามออกไปอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใด มีเพียงองครักษ์ไม่กี่คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
เขาก้มหัวลงเปิดกระดาษโน้ต จากนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นในทันใด
บนกระดาษโน้ตเขียนอย่างคดเคี้ยว: สูด ไก่ขนม่วงรสชาติดีสุดๆไปเลย!
กิน......กินแล้ว?
เป็นไปไม่ได้!
นั่นคือขนม่วงของระดับบำเพ็ญตนขั้นสูง... ถุ้ย! อินทรีมู่หยู!
ใครก็ตามที่จับได้ไม่ก็พยายามเอาใจ พยายามปราบให้เป็นม้าขี่ของตัวเอง? เป็นไปได้อย่างไรที่จะกินมัน?
ต้องมีใครบางคนจงใจทำให้เขากลัวแน่ ไม่ได้ เขาต้องรีบเคลื่อนไหว แย่งชิงของที่อยู่ในมือของฉู่เชียนหลี พานางกลับไปมอบให้อาจารย์ เพื่อไม่ให้ช้าไปเกิดการเปลี่ยนแปลง
มีสินค้าชั้นสูงอย่างนางแล้ว อาจารย์ก็คงไม่ถือสาเรื่องที่เขาทำอินทรีมู่หยูหายไป
เมื่อนึกถึงวิธีการของอาจารย์ในการจัดการกับคนไร้ประโยชน์ ดวงตาของฉู่หานปี้ก็กลายเป็นสีแดง
คร่านี้ ต้องสำเร็จเท่านั้น ล้มเหลวไม่ได้!
“ซุนซื่อ?”
ซุนยู่จือรีบลุกขึ้นยืนและตอบว่า “เจ้าท่าน ข้าน้อยอยู่นี่ ท่านมีคำสั่งอะไรหรือ?”
“ส่งจดหมายถึงองค์ชายสาม”
"เจ้าค่ะ"
เมื่อสิ้นสุดการล่าในฤดูใบไม้ผลิ จักรพรรดิก็ออกจากค่ายและกลับไปที่วัง ภายใต้การคุ้มครองขององครักษ์มากมาย มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
บนรถม้า ฉู่เชียนหลีพิงไหล่ของเฟิ่งเสวียนตู้ หลับตางีบหลับไป
ในขณะนี้นี้เอง เสียงกระพือปีกหนาแน่นดังมา ระยะทางไกลมาก แต่สายลมแผ่วเบาส่งร่องรอยการมีอยู่เข้าไปในหูของฉู่เชียนหลี
ฉู่เชียนหลีค่อยๆลืมตาขึ้น บิดขี้เกียจ ขยับข้อมือ
"พร้อมที่จะทำงานแล้ว"
ดวงตาของเซินเป่าเป็นประกาย เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เอื้อมมือออกไปที่หน้าต่างแล้วเรียกนกกระจอกตัวน้อย เกำชับเบา ๆ สองครั้ง ให้มันไปแจ้งท่านน้าและซูจิ่นจือ
บนรถม้าด้านหลัง ซูจิ่นจือก็เห็นนกกระจอกตัวน้อยที่บินซ้ายบินขวา พยักหน้าอย่างจริงจัง
“บอกเซินเป่า ข้ารู้แล้ว”
นกกระจอกน้อยกระโดดอีกครั้ง แล้วหันหลังบินออกไป
เมื่อเซินเป่าได้รับข่าว ก็ลูบหัวนกกระจอกอย่างเบามือ หยิบขนมหวานออกมาแล้วบดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยป้อนให้มัน
เฟิ่งเสวียนตู้ก็ส่งสัญญาณให้ เทียนชูและเทียนเสวียน เตรียมพร้อมมากขึ้น
เมื่อเห็นว่ากองที่เดินทางกลับเมืองกำลังจะถึงหน้าประตูเมือง ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็ค่อยๆ เต็มไปด้วยเมฆสีดำ ตามด้วยเสียงหึ่งๆ โจมตีไปที่เมืองหลวงอย่างรวดเร็ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...