ฉู่หลิวเยว่หันกลับไป แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย
“น้องสาม ข้าก็แค่ลงโทษคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเท่านั้น ใดเหตุเจ้าถึงต้องโกรธด้วยเล่า หรือว่าในสายตาของเจ้า พี่สาวคนนี้ยังเทียบกับคนรับใช้คนหนึ่งไม่ติด”
นั่นก็ต้องดูด้วยว่าเป็นคนรับใช้ของผู้ใด!
ขณะนี้ฉู่เซียนหมิ่นโกรธจัด หากไม่ใช่เพราะมีคนมุงดูมากมาย นางคงควบคุมสติไม่อยู่แล้วเค้นปากถามฉู่หลิวเยว่แน่นอน
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วฝืนยิ้มออกมา
“ท่านพี่ แน่นอนว่าสถานะของพี่สูงส่งกว่าพวกเขาอยู่แล้ว แต่โบราณท่านกล่าวไว้ หากจะตีสุนัขก็ให้เจ้าของมันเป็นคนตี ท่านพี่ก็รู้ๆ อยู่ว่าฉู่เหลียนเซิงเป็นคนของน้อง ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้ด้วยที่พี่ฟันเขาเช่นนี้ได้ทำลายชีวิตการฝึกพลังของเขาไปจนหมดสิ้น!”
ดูๆ ไปแล้วมันหมายถึงการออกหน้าแทนคนของตัวเองจริงๆ
เมื่อทุกคนมองดูก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบทั้งสองในใจ
ฉู่เซียนหมิ่นมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม กลับดูไร้ซึ่งชั้นเชิง ทั้งยังอ่อนโยนและมีไหวพริบ
แต่ท่าทางของนางวันนี้เห็นได้ชัดว่าโกรธจนสติหลุด เห็นได้ว่านางให้ความห่วงใยกับลูกสมุนเป็นอย่างมาก
ง่ายๆ เช่นนี้ก็ทำให้คนชื่นชมมากพอแล้ว
เมื่อกลับมาดูที่ฉู่หลิวเยว่ เป็นคนไร้ค่ากลับเหิมเกริมราวกับคนบ้า!
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยขึ้นทันที
“อ่อ…จริงสิ ข้าเกือบลืมไปเลย เขาเป็นคนของเจ้านี่นา”
ฉู่เซียนหมิ่นโกรธจนแทบจะกระอักเลือด
นี่ฉู่หลิวเยว่กำลังเล่นละครกับนางหรือ!
ถ้าวันนี้นางไม่ได้จัดการให้ฉู่เหลียนเซิงล่ะก็ ต่อไปผู้อื่นก็คงลือกันหนาหูว่าฉู่เซียนหมิ่นถูกคนไร้ความสามารถรังแกเป็นแน่!
เช่นนั้นยังจะมีชื่อเสียงให้น่าเชื่อถืออะไร!
“ในเมื่อท่านพี่จำได้แล้ว เช่นนั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท่านพี่ได้โปรด…”
ฉู่เซียนหมิ่นยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกฉู่หลิวเยว่ขัดจังหวะเสียก่อน
“กล่าวเช่นนี้ เจ้าหมายความว่าเขาพาคนเข้ามาหาเรื่องข้าถึงที่นี่ใช่หรือไม่”
ฉู่เซียนหมิ่นสะอึกทันที!
“เป็นเจ้าที่สั่งให้ฉู่เหลียนเซิงพาคนมาจับตัวข้า แล้วยังจะขโมยยาที่ข้าซื้อไปอีกใช่หรือไม่”
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร…”
ฉู่เซียนหมิ่นปฏิเสธจากจิตใต้สำนึก
แต่ฉู่เซียนหมิ่นไม่เชื่อ
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นคนสั่ง แล้วฉู่เหลียนเซิงจะกล้าทำเช่นนี้หรือ”
คำถามนี้ทำเอาฉู่เซียนหมิ่นถึงกับพูดไม่ออก
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ทุกคนต่างกำลังดูละครฉากนี้
ฉู่เหลียนเซิงก็เป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าหากยังให้ฉู่หลิวเยว่พูดต่อไป พวกเขาคงไม่เหลือชิ้นดีแน่ จึงรีบคร่ำควรญเสียงดัง
“คุณหนูสาม เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ คุณหนูใหญ่มีสถานะสูงส่ง ข้าน้อยมิควรหยามหมิ่น หากคุณหนูใหญ่ยืนการที่จะบอกท่านประมุขและองค์ชายรัชทายาท ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร ข้าน้อยก็ขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียวขอรับ!”
ฉู่เซียนหมิ่นพลันมีสีหน้าบูดบึ้ง
นี่ฉู่หลิวเยว่หยิบเอาสัญญาแต่งงานกับรัชทายาทมากดดันนางอย่างนั้นหรือ!
น่าขำสิ้นดี ฉู่หลิวเยว่ไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาทตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงละอายใจที่จะเอ่ยถึงสัญญาแต่งงาน ทำไมตอนนี้ถึงได้…
“เอะอะโวยวายอะไรกัน!”
ทันใดนั้นเสียงตวาดด้วยความโกรธก็ดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ฉู่เซียนหมินลอบดีใจแล้วหันไปมอง
“ท่านผุ้อาวุโส!”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น นางก็เห็นว่าเป็นผู้อาวุฉู่เซียวเจิ้งที่กำลังเดินมาทางนี้จริงๆ ด้วย
อีกทั้งยังมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินตามเขามาอีกด้วย
“เป็นข้าที่เป็นคนให้เขามาเอง ทำไม เจ้ามีข้อสงสัยหรือ”
ผู้อาวุโสมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉู่เซียนหมิ่น จากนั้นขมวดคิ้วเหลือบไปมองฉู่หลิวเยว่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงรังเกียจอย่างปิดไม่มิด
ฉู่เซียนหมิ่นกระหยิ่มยิ้มในใจ
แท้จริงนั้นท่านผู้อาวุโสไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่เวลานี้กลับยอมให้ท้ายนาง โดยที่นางไม่จำเป็นต้องขอร้องเลย
นางจึงได้ใจอย่างยิ่ง จากนั้นนางจึงเอ่ยทักทายผู้ชายที่อยู่ข้างหลังของผู้อาวุโส
“รองแม่ทัพซ่ง ท่านก็มาด้วยหรือ”
ผู้ที่มาเยือนคือซ่งหยวน องครักษ์ข้างกายองค์ชายรัชทายาท
ซ่งหยวนรีบโค้งคำนับ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางแข็งขัน
“คุณหนูสามสุภาพเกินไปแล้ว ที่ซ่งหยวนมาครั้งนี้ แน่นอนว่ามีสิ่งของที่จะมอบให้ท่าน”
เขามามอบสิ่งของให้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าเป็นน้ำใจขององค์ชายรัชทายาท
ทุกคนเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย
เคยได้ยินมานานนมว่ารัชทายาทมีใจให้ฉู่เซียนหมิ่น ตอนนี้ดูแล้วคงจะเป็นจริงสักแปดเก้าส่วน!
ฉู่เซียนหมิ่นก็รู้สึกดีใจและแปลกใจไม่น้อย สายตาคนโดยรอบที่มองมาด้วยความอิจฉาทำให้นางสุขใจจนหาที่เปรียบมิได้
ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ ดูเหมือนนางจะเขินอายไม่น้อย
“หากท่านพี่จิ้นมีสิ่งใดจะให้ข้า แค่ส่งใครสักคนมาก็เพียงพอแล้ว มิเห็นจำเป็นต้องลำบากท่านรองแม่ทัพซ่งมาส่งเองกับมือเลยนี่เจ้าคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์