ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 11

สรุปบท บทที่ 11 เจ้าไม่ใช่เยว่เอ๋อร์: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

สรุปเนื้อหา บทที่ 11 เจ้าไม่ใช่เยว่เอ๋อร์ – ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ

บท บทที่ 11 เจ้าไม่ใช่เยว่เอ๋อร์ ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ในหมวดนิยายการเกิดใหม่ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“นังแพศยา! นังสารเลว!”

ฉู่เซียนหมิ่นพรวดพราดกลับเข้ามาในห้องด้วยความโมโห ในหัวยังคงย้อนกลับไปคิดถึงประโยคนั้นของฉู่หลิวเยว่ซึ่งวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางทำได้เพียงเจ็บแค้นเท่านั้น

ยังมีหน้ามาพูดถึงเรื่องพิธีอภิเษกอีกหรือ นี่มันจงใจชัดๆ!

เมื่อนึกถึงสีหน้าสงบนิ่งของฉู่หลิวเยว่แล้ว ฉู่เซียนหมิ่นก็รู้สึกโกรธแค้นราวกับไปสุมทรวง!

ปัง!

นางปิดประตูอย่างแรง!

“นี่ลูกทำอะไรน่ะ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงดังมาจากในห้อง ฉู่เซียนหมิ่นจึงหันขวับไปมอง หลังจากเห็นสตรีนางนั้นชัดเจน นางจึงรีบโผเข้าหาด้วยความเสียใจ

“ท่านแม่! คราวนี้ท่านต้องช่วยหมินหมิ่นนะเจ้าคะ! ลูกเกือบโดนนังสารเลวนั่นกลั่นแกล้งจนแทบตายอยู่แล้ว!”

สตรีผู้นี้คือลู่เหยา ซึ่งเป็นมารดาของฉู่เซียนหมิ่น

นางเป็นคนที่ดูแลตนเองดีมาก แม้จะมีอายุสามสิบกว่าแล้ว แต่ก็ยังดูสวยอ่อนเยาว์ และกิริยามารยาทก็ยังดูงดงามอ่อนช้อยอีกด้วย

ปกติลู่เหยารักบุตรสาวเพียงคนเดียวของนางมาก แต่คราวนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉู่เซียนหมิ่นที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย ใบหน้ากลับไม่ได้สงสารเห็นใจผู้เป็นบุตรสาวเลยสักนิด แต่กลับแสดงสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

“แม่ไม่อยู่แค่ไม่กี่วัน ก็เกิดเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ลูกทำให้แม่รู้สึกผิดหวังจริงๆ ฉู่เซียนหมิ่นนั่นก็เป็นได้แค่คนไร้ค่าไร้ประโยชน์ มันจะมีปัญญาใดกัน แต่ลูกกลับถูกมันรังแกจนน่าอับอายเช่นนี้ได้”

น้อยครั้งที่ฉู่เซียนหมิ่นจะเห็นท่าทางเคร่งขรึมของผู้เป็นมารดา นางจึงต้องยืนตรงยืดอก ทั้งๆ ที่ในใจกลับรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

“ท่านแม่ ท่านไม่รู้อะไร ช่วงนี้นังฉู่หลิวเยว่นั่นเปลี่ยนไปราวกับคนละคน พฤติกรรมก็แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่ใช่เพราะลูกเอาชนะมันไม่ได้ แต่มันร้ายกาจเจ้าเล่ห์เกินไปต่างหาก!”

เมื่อฉู่เซียนหมิ่นนึกถึงเรื่องไม่กี่วันมานี้ที่นางเสียเปรียบฉู่หลิวเยว่ก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้น

“นางทำให้ลูกเสียเงินสูญเปล่าไปตั้งสองแสนตำลึงไม่ว่า แต่วันนี้นางยังเริ่มเอาสัญญาอภิเษกกับองค์ชายรัชทายาทมาข่มลูกอีก!”

ลู่เหยาขมวดคิ้วและเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้าง

“พูดถึงเรื่องนี้ แม่ยังไม่ทันได้ถามลูกเลย ตกลงเรื่องเงินสองแสนตำลึงนั่นเป็นมายังไงกันแน่ ต่อให้ตระกูลลู่จะมีเงินมีทอง แต่แม่ไม่ใช่คนของตระกูลลู่ตั้งนานแล้ว แล้วจะไปขอเงินมากเพียงนี้ให้ทันการณ์ได้อย่างไร”

ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกผิดเล็กน้อย คราวนี้นางจึงอธิบายเรื่องนี้ให้ผู้เป็นมารดาฟัง นางลอบมองสีหน้าของลู่เหยาที่ยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ นางจึงกลิ้งนัยน์ตาล่อกแล่กแล้วรีบออดอ้อนทันที

“ท่านแม่ พวกท่านปู่ท่านตาก็ชอบลูกมากมิใช่หรือ คงไม่คิดที่จะไม่ช่วยลูกหรอกกระมังเจ้าคะ”

“แต่นี่มันมากเกินไปแล้ว!”

ลู่เหยาสะบัดหน้าหนีและรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง

แม้นางจะเป็นคนในตระกูลลู่ แต่เป็นบุตรสาวของอนุภรรยาที่มีตำแหน่งไม่สูง ยิ่งแต่งเข้าตระกูลฉู่ความสำคัญของนางจึงค่อยๆ เงียบเหงาซบเซา

หลายปีมานี้ โชคดีที่ฉู่เซียนหมิ่นมีความเพียบพร้อม พวกนางสองแม่ลูกจึงสามารถลืมตาอ้าปากในตระกูลลู่ได้

หากจะเอาเงินทีเดียวสองแสนตำลึง…คงจะถูกคนในตระกูลลู่มองเป็นตัวตลกแน่

เมื่อสายตาของลู่เหยาเห็นบุตรสาวตนเองทำหน้าตาบูดบึ้ง จึงยื่นนิ้วจิ้มศีรษะของนาง

“ลูกนี่น้า! ไม่ใคร่ครวญสักนิดเลยว่าคนอื่นเขาเอาอะไรมาชอบลูก หากไม่ใช่เพราะลูกมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม หากไม่ใช่เพราะองค์ชายรัชทายาทพอพระทัยในตัวเจ้า มิฉะนั้น ใครเขาจะเห็นเจ้าอยู่ในสายตารึ แม่ถามลูกหน่อย เดือนหน้าลูกสามารถขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของสำนักหรือไม่”

ฉู่เซียนหมิ่นคัดค้าน “แน่นอนเจ้าค่ะ!”

พรสวรรค์ของนางถือว่าสูงที่สุดในแคว้นเย่าเฉินแล้ว!

“แต่ปัญหาตอนนี้คือสัญญาอภิเษกระหว่างองค์ชายรัชทายาทกับนังคนไร้ค่านั่นต่างหากล่ะเจ้าคะ”

ลู่เหยากลับไม่เห็นด้วย และยิ้มอย่างมีเลศนัย

“เจ้าเด็กโง่ ลูกกังวลอะไรอีก คนที่ไม่อยากแต่งงานมากที่สุดไม่ใช่ลูก แต่เป็น…องค์ชายรัชทายาทต่างหากล่ะ! ช่วงนี้ปล่อยให้มันได้ใจกระโดดโลดเต้นไปก่อนเถิด พอถึงเวลาเมื่อใด เราก็จะได้สมน้ำหน้ามันเอง!”

เมื่อฉู่หลิวเยว่อ้างถึงสัญญาแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาท ก็สั่นสะเทือนทุกคนได้จริงดังคาด แล้วยังสามารถอุดปากผู้อาวุโสได้สำเร็จ ให้คนที่อยากสมน้ำหน้านางได้ผิดหวังกันถ้วนหน้า

ทั้งด้านนอกและด้านในเรือนกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ในที่สุดนางจึงได้นำยาสมุนไพรพวกนั้นไปวางไว้ในห้องสักที จากนั้นหากระทะสีดำใบใหญ่มาหนึ่งใบเพื่อเริ่มทำการต้มยา

หากนางมีพลังดั้งเดิม นางคงไม่ต้องยุ่งยากเช่นนี้ มิฉะนั้นนางคงใช้พลังดั้งเดิมกลายร่างเป็นเปลวไฟเพื่อปรุงยาไปแล้ว

น่าเสียดายที่ตอนนี้มีเงื่อนไขจำกัด นางจึงทำได้เพียงใช้วิธีโบราณดั้งเดิมที่สุดเท่านั้น

แม้ว่าการใช้วิธีนี้จะทำให้เกิดการเสื่อมประสิทธิภาพของตัวยา แต่นางสั่งจองจำนวนสิบครั้งเต็มๆ ที่เจินเป่าเก๋อ หากนับดูแล้วก็มิต่างอะไรกันมาก

หลังจากที่น้ำเดือด นางก็ใส่ยาลงไปทีละตัว

ในไม่ช้ากลิ่นหอมของยาสมุนไพรสดๆ ก็อบอวลไปทั่ว

เพราะสรรพคุณของยาแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ดังนั้นระยะเวลาในการเคี่ยวกรำจึงแตกต่างไปด้วย

นางตั้งใจจับเวลา ขณะที่ดึงตัวยาที่ได้รับการปรุงออกมาอย่างระมัดระวัง นางก็ค่อยๆ เติมตัวยาที่เหลืออยู่ลงไปทีละน้อย

ดังนั้นสีของน้ำยาที่ต้มออกมาจึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ฉู่หลิวเยว่สีหน้าสงบนิ่ง แล้วพยักหน้าให้เงียบๆ

“เจ้าค่ะ เขาจะแย่งของของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมารังแกเด็ดขาด ตัดแขนเขาขาดไปหนึ่งข้าง ก็แค่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น”

ฉู่หนิงเงียบไปนานกว่าจะควานหาเสียงของตนเองเจอ

“เขา เขาคือคนของฉู่เหลียนหมิ่นนะลูก…ลูกทำเยี่ยงนี้ ถือว่าประกาศเป็นศัตรูของนางมิใช่หรือ นางคง…”

แต่ว่านางก็ไม่ใช่คนใจดีอะไรนักนี่นา!

ฉู่หลิวเยว่ถูกเขากำข้อมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ นางจึงตบมือเขาเบาๆ เพื่อปลอบโยน

“ท่านพ่อ ท่านพ่อจะคิดมากไปทำไมเจ้าคะ หากข้าไม่ทำเช่นนี้ นางจะมองข้าเป็นพี่สาวของนางจากใจจริงอย่างนั้นหรือ”

ฉู่หนิงพูดไม่ออก

จริงด้วย เพราะสัญญาแต่งงานกับรัชทายาท เกรงว่าคนที่ฉู่เซียนหมิ่นอยากกำจัดเป็นคนแรกคงไม่พ้นเยว่เอ๋อร์…

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่เจ้าค่ะ ท่านพ่อโปรดวางใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกทำ ลูกพิจารณามาอย่างถีถ้วนแล้วเจ้าค่ะ”

ฉู่หลิวเยว่พูดพลางเชิดคางเดินเข้าไปในห้อง แล้วเอ่ยขำ

“จริงสิ ช่วงนี้ลูกบังเอิญได้สูตรยามาหนึ่งตำรับ เขาบอกว่ามีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกาย ท่านพ่อลองสักหน่อยหรือไม่”

เมื่อนางต้มยาให้ตัวเองแล้ว อันที่จริงนางก็ไม่ได้ลืมอาการบาดเจ็บของฉู่หนิง

ก่อนหน้านี้นางเคยแอบตรวจชีพจรของเขา เพียงแค่ฟื้นฟูรักษาให้ดี ไม่เกินครึ่งเดือนก็สามารถหายกลับมาเป็นดังเดิม

นางพูดพลางจูงฉู่หนิงเข้าไปในห้อง

ฉู่หนิงกลับไม่ขยับเขยื้อน

นางมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้คุ้นเคยกับใบหน้านี้เพียงใด แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตอนนี้เวลานี้ เขาถึงได้รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้ายิ่งนัก

เวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็เอ่ยถามปากสั่น

“เจ้า…ไม่ใช่เยว่เอ๋อร์ ใช่หรือไม่”

Next

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์