เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1037

กว่าฉู่หลิวเยว่จะพาตู๋กูโม่เป่ากลับมาถึงโรงเตี้ยม ก็เป็นเวลาของราตรีกาลแล้ว

เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการตบตาผู้อื่น ทั้งสองคนจึงจองห้องพักเพียงห้องเดียว

เดิมทีฉู่หลิวเยว่สละเตียงนอนให้เขา แต่กลับถูกตู๋กูโม่เป่าปฏิเสธเสียงแข็ง

โดยที่เจ้าตัวให้ความว่า ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของตนนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่กินไม่นอนถึงหนึ่งเดือนเต็ม ก็ไม่มีปัญหาอันใด

ดังนั้นตกกลางคืน ฉู่หลิวเยว่จึงนอนบนเตียงหลังใหญ่ ส่วนตู๋กูโม่เป่าก็นอนอยู่บนเก้าอี้นอนตัวเล็กข้างๆ นาง

ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่รวมกันอย่างสงบสุขไร้ข้อขัดแย้ง

ทว่าในวันนี้ ทันทีที่ตู๋กูโม่เป่ากลับมา เขาก็พุ่งตัวไปยังเก้าอี้นอนตัวเล็กทันที แล้วทิ้งตัวนั่งขัดตะหมาด พร้อมทำหน้าตาไม่สบอารมณ์พลางจ้องมองฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง

หลังจากฉู่หลิวเยว่ปิดประตูห้อง นางก็หันศีรษะไปมอง ก่อนจะเห็นเจ้าก้อนหมั่นโถวเนื้อนุ่มนิ่มสีม่วงกำลังปล่อยลมปราณอันเย็นยะเยือกออกมา

“อุ้ย!”

ฉู่หลิวเยว่ส่งสายตารู้สึกผิดออกไป แล้วเคลื่อนตัวไปด้านข้าง ราวต้องการข้ามบทสนทนานี้ไป

แต่ตู๋กูโม่เป่ากลับดับฝันนางเสียก่อน

“เจ้าคิดจะเล่นบทแม่ม่ายไปจนถึงเมื่อใดกัน?”

ตู๋กูโม่เป่าถามอย่างเย็นชา

ฉู่หลิวเยว่ลูบขมับของตน พลางยิ้มให้เขาอย่างงุ่มง่าม

“พี่เป่า เจ้าเองก็มิใช่หรือว่าข้าไม่มีทางเลือก! และถ้าไม่ทำเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าเราจักถูกขังอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าใด! อีกอย่างนะ ข้าเองก็ไม่เคยพูดเสียหน่อยว่าเราเป็นแม่ลูกกัน…”

ทว่าเมื่อสบเข้ากับสายตาอันเย็นชาของตู๋กูโม่เป่า ฉู่หลิวเยว่ก็พลันหยุดชะงักแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

“… เจ้าวางใจเถอะ ไว้รอถึงที่นั่นแล้ว ก็เปิดเผยตัวตนเสียเลย และทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง!”

ความจริงแล้วนางไม่เคยพูดเลยสักครั้งว่านางเป็นมารดาของพี่เป่า และไม่เคยพูดเลยว่าคนที่นางตามหานั้นคือบิดาของพี่เป่า

เพียงแต่คำพูดอันคลุมเครือของนางนั้น ทำให้พวกเขาเชื่อมโยงกันไปเอง และนำไปสู่ความเข้าใจผิดในที่สุด

“เอาหน่า พี่เป่าอย่าได้โกรธเคืองข้าเลยนะ? นะ?”

ฉู่หลิวเยว่กุมมือเข้าด้วยกัน พลางอ้อนตาใสพร้อมส่งยิ้มพิมพ์ใจให้เขา

เมื่อเห็นท่าทีของนางเช่นนี้ ความโกรธเกรี้ยวเง้างอนที่เกิดขึ้นในใจของตู๋กูโม่เป่าก็สลายไปอย่างรวดเร็ว

แล้วเบี่ยงหน้าไปอีกทาง

“มันจะไม่มีครั้งหน้าอีก”

“พี่เป่าใจดีที่สุดเลย!”

ฉู่หลิวเยว่พุ่งตัวไปหาเขาอย่างอดไม่ได้ และอยากจะบีบนวดแก้มกลมอ้วนของเขาสักที

แต่เหมือนว่าตู๋กูโม่เป่าจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง พลันหันกลับมามองนาง

มือเรียวนั้นอยู่ใกล้แก้มกลมๆ เพียงแค่เอื้อม

แต่ก็จำต้องหยุดการเคลื่อนไหวทันควัน

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนทั้งสอง

หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นระส่ำ ก่อนจะรีบหยิกแก้มของเขาอย่างเร็ว แล้วดึงยืดแก้มนุ่มๆ ขึ้นจนเป็นรอยยิ้มเหยๆ บนใบหน้ากลมๆ นั่น

“จะทำหน้านิ่งทั้งวันไปไย ยิ้มเยอะๆ สิน่ามองกว่าเป็นไหนไหน!”

หลังจากพูดจบ ฉู่หลิวเยว่หุนหันพลันแล่นถอยกลับไปด้วยความเร็วแสงเพื่อเอาชีวิตรอด และถดตัวออกไปเร็วขึ้น

“ข้าไปฝึกสมาธิก่อนดีกว่า!”

ครั้นสิ้นสุรเสียง เจ้าของประโยคนั้นก็นั่งขัดสมาธิเสียแล้ว และมีเปลวเพลิงสีแดงลุกโชนอยู่ในฝ่ามือของนาง!

ตู๋กูโม่เป่าเหม่อมองธาตุอากาศตรงหน้า ก่อนจะเผลอยื่นมือออกไปสัมผัสตำแหน่งเดียวกันกับที่นางจับเมื่อครู่ก่อน

ราวกับว่ายังมีร่องรอยความอบอุ่นหลงเหลืออยู่ตามรอยนิ้วมือของนาง

พลันมีแสงสีดำสว่างวาบผ่านรูม่านตาสีม่วงที่สวยงามและน่าหลงใหลของเขา

ถึงรูปกายจะเปลี่ยนไป แต่อารมณ์ในใจนั้นหาได้เปลี่ยนไม่

และเกรงว่าคงจะมีแค่นางที่อาจหาญและอวดดี กล้าพูดเรื่องแบบนี้กับเขา

ในอดีตเป็นอย่างใด ตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น

ตู๋กูโม่เป่าลอบมองนางอยู่เงียบๆ จากนั้นความเฉยเมยและความเย็นชา ตรงหว่างคิ้วและดวงตาของเขาก็ค่อยๆ มลายหายไป

ชั่วขณะหนึ่ง เขาหันไปมองกระจกด้านข้าง

ก่อนจะเห็นใบหน้าอันแปลกประหลาด ทว่าดูคุ้นเคยสะท้อนอยู่ในกระจกสัมฤทธิ์

ดวงตาของเขาสั่นไหว

ใบหน้าแบบนี้ถือว่าเหมาะสมสำหรับเด็กตัวน้อยๆ อย่างเขาแล้ว แต่ครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยหน้าตาแบบนี้จริงๆโนเวลพีดีเอฟ

เขาจ้องมองคนในกระจกอยู่พักใหญ่

และร่างเล็กในกระจกก็จ้องมองเขาอยู่เช่นกัน

ใบหน้ากลมนั่นช่างดูเย็นชา รวมทั้งแววตาที่ดูไร้ความรู้สึก และแฝงด้วยรัศมีความกดดันอย่างหนัก

พอมองแล้วเหมือนว่า…จะเป็นสีหน้าที่สร้างความไม่พอใจให้คนมองอยู่พอสมควร

หัวใจของเขากระตุกวูบ ก่อนจะพยายามยกมุมปากขึ้นช้าๆ

แข็งทื่อจังเลย

ยิ้มแปลกสุดๆ

ตู๋กูโมเป่ารู้สึกอึดอัดใจ ขณะเดียวกันก็ทั้งโกรธทั้งไม่พอใจครั้งแล้วครั้งเล่า

แสงสีม่วงพลันลุกพรึบ! แล้วห่อหุ้มกระดานหมากรุกทั้งหมดไว้ทันที! พริบตาเดียว เบี้ยสีแดงก็ถูกกำจัดจนหมดสิ้น!

เมื่อแสงทั้งหมดค่อยๆ จางหายไป ตู๋กูโม่เป่าก็ตวัดสายตามองฉู่หลิวเยว่

“การดวลครั้งที่สามร้อยเจ็ดสิบสอง – ข้าเป็นฝ่ายชนะ”

ฉู่หลิวเยว่หมุนมือที่วางบนที่วางแขนของเก้าอี้ไปมา พลางหอบหายใจหนัก หยาดเหงื่อไหลซึมออกมามากมาย พลังปราณดั้งเดิมในกายนางกายใกล้จะหมดลงแล้ว!

และอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความเศร้าเสียใจ

“เจ้า…เจ้า…เจ้าชนะทุกรอบ! แล้วยังจะนับครั้งไปไย!”

“แน่นอนว่าเพราะข้าอยากให้เจ้ารู้ว่า ตอนนี้เจ้าอ่อนแอมากแค่ไหน”

ตู๋กูโม่เป่ากล่าวเสียงเรียบ

“แต่เจ้าเองก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกัน ตาเมื่อครู่เจ้าเดินหมากไปตั้งยี่สิบสามก้าว ถือว่ามากกว่าตาแรกตั้งเยอะ”

มุมปากของฉู่หลิวเยว่กระตุกยิบๆ

“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ไม่จำเป็น”

ใครมันจะไปกล้าอวดเรื่องแบบนี้กันเล่า!

ยี่สิบสามเก้าหรือ…

แต่ไหนแต่ไร นางไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับคนคนเดียวอย่างหมดรูปเช่นนี้มาก่อนเลย!

นางบีบนวดคลายความปวดเมื่อยที่ลำคอ พลันเหลือบมองตู่กูโม่เป่าอย่างอดไม่ได้

“ว่าแล้วก็…พี่เป่า ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเองก็เป็นปรมาจารย์ด้วย แล้วตอนนี้เจ้า…เป็นปรมาจารย์ขั้นใดหรือ?”

ก่อนหน้านี้นางรู้เพียงว่าพลังในการต่อสู้ของตู๋กูโม่เป่านั้นแข็งแกร่งมาก แต่นางไม่เคยรู้เลยว่าระดับการบำเพ็ญเพียรของเขา จะเหนือกว่าปรมาจารย์ทั่วไปเพียงนี้!

อย่างน้อยมันก็เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนแบบนี้!

ตู่กูโม่เป่ากล่าวง่ายๆ ว่า

“แค่รู้ไว้ว่าตอนนี้ข้าอยู่สูงกว่าเจ้าก็พอ”

ฉู่หลิวเยว่ “…”

“ไปเถอะ พวกเราควรไปจวนตระกูลหลินได้แล้ว”

นางเอ่ยพลางลุกพรวดขึ้น

ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นจากด้านนอก

พร้อมกับประตูบานใหญที่ถูกกระแทกให้เปิดออก!

“โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้ ตู๋กูเยว่!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์