ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1036

สรุปบท บทที่ 1036 ตาบอดแล้วแน่ๆ: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

สรุปเนื้อหา บทที่ 1036 ตาบอดแล้วแน่ๆ – ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ

บท บทที่ 1036 ตาบอดแล้วแน่ๆ ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ในหมวดนิยายการเกิดใหม่ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันอย่างเสร็จสรรพ ฉู่หลิวเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เดิมทีนางแค่ต้องการหาคนที่สามารถช่วยจัดการกับหลู่อี้เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะได้รับโอกาสเข้าร่วมเดินทางผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับหนึ่งไปพร้อมกับพวกเขาเช่นนี้

และในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดก็ไม่มีความหมายแล้ว และนางก็ไม่จำเป็นจะต้องคิดมาเรื่องคำขู่และการคุกคามจากหลู่อี้อีกต่อไป

ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงเริ่มหันไปให้ความสำคัญกับการรักษาหลินจือเฟยแทน

“ร่างกายของคุณชายสี่เจ็บป่วยเรื้อรังมานาน และถ้าต้องการแก้ปัญหาให้จบสิ้นโดยเร็ว จักต้องใช้วิธีที่โหดร้ายพอสมควร แต่น่าเสียดายที่ยามนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก และจะต้องพักฟื้นสักระยะหนึ่งก่อน ถึงจะสามารถทำการรักษาได้”

ฉู่หลิวเยว่กล่าวเช่นนั้น พลางหยิบพู่กันออกมาแล้วเขียนใบสั่งยาให้

“ประมุขหลินโปรดจัดเตรียมสมุนไพรตามใบที่ข้ามอบให้ เราจะนำมันมาใช้ปรุงโอสถ”

หลินเทียนเฟิงรับมันมาอย่างไว

เขากวาดสายตาอ่านคร่าวๆ ก่อนจะเห็นว่าพวกมันคือสมุนไพรบำรุงเลือดและลมปราณนานาชนิด ก่อนจะพยักหน้ารู้

“เอาล่ะ! ในจวนข้ามีของพวกนี้อยู่ ประเดี๋ยวข้าจะส่งคนไปขนมันมาให้!”

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

สมุนไพรส่วนใหญ่ในใบสั่งยานั่นเป็นสมุนไพรที่หาได้ทั่วไป แต่มันก็ยังมีสมุนไพรหาอยากและล้ำค่าปะปนอยู่ด้วย

แต่หลินเทียนเฟิงกลับกล่าวว่าในจวนของพวกเขามีสมุนไพรเหล่านั้นทั้งหมด แสดงว่าพื้นเพตระกูลของเขาย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่!

สุดท้ายแล้ว อย่างใดเสียต้นตระกูลของเขาก็มาจากอาณาจักรเสิ่นซวี่…

“ประมุขหลิน ข้าจะสื่อความว่า เชิญท่านไปนำมันมาด้วยตนเอง และห้ามยืมมือผู้อื่นเด็ดขาด”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ

“ข้าเห็นว่าท่านดูคุ้นเคยกับสมุนไพรเหล่านี้ดี เช่นนั้นคงไม่ยากเกินความสามารถของท่านใช่หรือไม่?”

สาเหตุที่เขาคุ้ยเคยและจดจำสมุนไพรเหล่านี้ได้ขึ้นใจ นั่นเพราะตลอดหลายปีมานี้ เขาใส่ใจเรื่องอาการป่วยของจือเฟยมากเป็นพิเศษ

จนแทบจะกลายเป็นเซียนหมออยู่รอมร่อ

ทว่าเมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่เอ่ยเช่นนั้น เขาก็พลันงงงวยแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“มันไม่ยากหรอก แต่…ไฉนข้าถึงต้องไปด้วยตัวเอง…”

แต่แล้วจู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“เจ้าหมายความว่า…มีคนทำอันใดกับสมุนไพรเหล่านี้หรือ?”

“ข้าเป็นเซียนหมอ และเกรงว่าตอนนี้ข่าวคราวที่ข้ามารักษาอาการป่วยให้คุณชายสี่ คงจะแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว แม้ว่าคุณชายสี่จะเกิดมาพร้อมอาการเจ็บป่วย แต่ตอนแรกมันก็ไม่ร้ายแรงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีคนเข้ามายุ่งกับพวกมัน…”

ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างลังเล พลางจ้องมองหลินเทียนเฟิงด้วยสายตาแน่วแน่ ก่อนจะเห็นว่าเขาเริ่มขมวดคิ้ว

“เรื่องอื่นข้ามิอาจล่วงรู้ แต่ข้ารู้แค่ว่า หากท่านห่วงใยคุณชายสี่สุดใจ เช่นนั้นท่านควรไปนำสมุนไพรเหล่านี้มาด้วยตัวเอง มันถึงจะปลอดภัย”

หลังจากฉู่หลิวเยว่พูดจบ ทั่วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ

หลินจือเฟยชายตามองฉู่หลิวเยว่เล็กน้อย พร้อมแววตาที่แฝงด้วยนัยยะ

นางช่างฉลาดหลักแหลม…ทั้งๆ ที่เพิ่งมาถึงจวนตระกูลหลินได้ไม่นาน และวัดชีพจรให้จือเฟยเพียงหนึ่งครั้ง แต่กลับคาดเดาหลายสิ่งหลายอย่างได้แล้ว

“ข้าเข้าใจแล้ว”

หลินเทียนเฟิงเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป

เขาไม่กลัวว่าตู๋กูเยว่จะทำอันใดตอนเขาไม่อยู่

เพราะนอกจากเขาแล้ว ก็ยังมียอดฝีมืออีกหลายคนที่เฝ้าจับตาดูอยู่ทั้งในและนอกเรือน

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ได้ลองพูดคุยกันแล้ว เขากลับเชื่อใจแม่นางผู้นั้นเสียเต็มประดา

ครานี้…คงต้องลองเสี่ยงดวงกันดูสักตั้ง!

หลังจากที่หลินเทียนเฟิงจากไป ฉู่หลิวเยว่ก็หันไปมองหลินจือเฟยอีกครั้ง

“หากคุณชายสี่ไม่ถือสา เช่นนั้นให้ข้าลองรักษาอาการเบื้องต้นให้ท่านก่อนดีหรือไม่?”

หลินจือเฟยไม่ตอบ หากแต่เหยียดข้อมือที่ผอมบางของตนออกไปข้างหน้า

แต่จู่ๆ ก็เกิดลังเลขึ้นมา เนื่องจากมิได้หยิบผ้าที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาพันข้อมือ

ฉู่หลิวเยว่ช่วยวัดชีพจรให้เขา และในขณะเดียวกันก็รีบเงยหน้าจับสังเกตอีกฝ่ายไปด้วย

สองพ่อลูกคู่นั้นระมัดระวังเรื่องการวัดชีพจรมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคยประสบปัญหาขณะวัดชีพจรมาก่อน

การที่เขาต้องมีสภาพอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้น ย่อมจินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า หลายปีที่ผ่านมานี้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานเพียงใด

แต่มันเป็นเพียงความคิดชั่ววูบที่แวบเข้ามาในหัวของนางเท่านั้น

ฉู่หลิวเยว่รีบกลั้นหายใจและตั้งสมาธิ จากนั้นก็แบ่งพลังปราณดั้งเดิมออกมาสายหนึ่ง แล้วถ่ายเทมันเข้าไปในร่างกายของเขา

และคราวนี้นางถ่ายพลังปราณดั้งเดิมลงไปเยอะกว่าเดิมหลายเท่า

เมื่อมันไหลผ่านชีพจรดั้งเดิมของหลินจือเฟย ฉู่หลิวเยว่ก็บังคับให้พลังปราณของนางโจมตีใส่สิ่งที่ติดอยู่บนนั้น!

“เฮือก…”

หลินจือเฟยร้องด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาซีดลงทันที

บทที่ 1036 ตาบอดแล้วแน่ๆ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์