เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1044

แม้ว่าเส้นที่แปดจะดูเจือจางกว่าเส้นอื่น แต่มันก็ปรากฏขึ้นบนนั้นจริงๆ!

นี่คือยาอายุวัฒนะระดับแปด!

หลินเทียนเฟิงคิดว่าตัวเองตาฝาด พลันกวาดสายตาจ้องมองยาเม็ดนั้นหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่หายตกใจอยู่ดี

“นะ ไหน…เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นเซียนหมอระดับเจ็ดมิใช่หรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ระบายยิ้มอย่างผ่อนคลาย

“ตอนนั้นข้าเป็นเซียนหมอระดับเจ็ดจริงๆ แต่ข้าก็ไม่ได้บอกว่ากลั่นยาเม็ดระดับแปดไม่ได้หนิ? และก็… ในเมื่อครานี้ข้ากลั่นได้สำเร็จ แสดงว่าข้าน่าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับแปดแล้ว…”

ฉู่หลิวเยว่กล่าวพลางลูบคางของตนอย่างครุ่นคิด

นางเองก็ประหลาดใจอย่างมาก

เนื่องจากเดิมทีนางต้องการกลั่นโอสถระดับเจ็ดขั้นสูง

แต่อาจเป็นเพราะสมุนไพรคุณภาพสูงเหล่านั้น หรือไม่ก็เพราะว่านางใช้หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์…

ท้ายที่สุดแล้วมันจึงถูกกลั่นออกมาเป็นตัวยาที่เหนือกว่าอีกขึ้น และแทบจะกลายเป็นยาเม็ดระดับแปดขั้นต่ำก็ว่าได้

ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดที่น่ายินดีจริงๆ

หลินเทียนเฟิง “…”

ตอนนั้นเป็นเซียนหมอระดับเจ็ด?

แต่ตอนนี้กลับกลั่นยาเม็ดระดับแปดได้?

นี่นางใช้เวลากลั่นโอสถเพียงข้ามคืน ก็สามารถทะลวงขั้นพลังปราณ แล้วกลายเป็นเซียนหมอระดับแปดได้เลยหรือ?!

มีเรื่องพรรค์นี้บนโลกด้วยหรือ!?

หลินเทียนเฟิงคิดมาตลอดว่าตนนั้นเป็นผู้แก่ประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน ทว่าครั้นได้เห็นรอยยิ้มสบายๆ ของแม่นางที่อยู่ตรงข้ามเขาแล้ว เขาถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

ใจจริงเขาอยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่กลับรู้สึกจุกแน่นในคอจนเปล่งเสียงออกมาไม่ได้

การฝึกฝนของเซียนหมอนั้นซับซ้อนและยากกว่าการฝึกของจอมยุทธ์ และปรมาจารย์มาก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ และถึงแม้พวกเขาจะโชคดีเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการฝึกกลั่นโอสถ ทว่าเส้นทางสู่จุดสูงสุดนั้นก็ยากลำบากเหลือคณา

ซึ่งเซียนหมอระดับเจ็ดกับเซียนหมอระดับแปดนั้น แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!

ที่ผ่านเขาไม่รู้ว่าตัวเองเคยเห็นเซียนหมอที่ติดอยู่ระดับนี้มาแล้วกี่คน ซึ่งจนสิ้นชีวาแล้วคนเหล่านั้นก็ยังทะลวงขั้นพลังปราณไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

ทว่าตู๋กูเยว่ที่อยู่ตรงหน้าเขากลับดูไม่สนใจเรื่องนี้เลย!

กริ๊ก!

ฉู่หลิวเยว่ปิดกระปุกหยกนั่น พลันกลิ่นหอมอันแรงกล้าของเม็ดยาก็ถูกปิดกั้นทันที

แต่ยังมีความหอมละมุนหลงเหลืออยู่ในอากาศจางๆ แค่สูดดมเข้าไปเบาๆ ก็ทำให้รู้สึกสบายกายสบายใจขึ้นมาแล้ว

“คุณหนูตู๋กูช่างน่าทึ่งนัก เพียงครั้งเดียวก็กลั่นโอสถได้สำเร็จแล้ว”

ขณะเดียวกัน หลินจือเฟยก็เดินออกมาจากห้องที่อยู่ติดกัน

และอาจเป็นเพราะการรักษาของฉู่หลิวเยว่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ใบหน้าที่แต่เดิมเคยซีดเซียวจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

ยามนี้เขากำลังยืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าหล่อเหลานั่นส่งรอยยิ้มจางๆ ออกมา ครั้นมองแวบแรกจักไม่ต่างจากบุรุษรูปงามที่หาได้ยากในโลกอันแสนวุ่นวายนี้

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม และยื่นกระปุกหยกนั่นให้เขา

“นี่แค่ยาเม็ดแรกเท่านั้น หลังจากนี้ท่านยังต้องได้รับการให้ยาอีก และขั้นตอนการรักษาอาจจะหนักหนาสาหัสมากกว่านี้ ข้าหวังว่าคุณชายสี่จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”

หลินจือเฟยหยิบเม็ดยาออกมา พลางเม้มปากเบาๆ

“ขอแค่ได้ชีวิตแบบเดิมคืนมา ต่อให้เจ็บปวดเพียงใดข้าก็ไม่สน และคราวนี้ข้า…ติดหนี้บุญคุณเจ้าแล้ว”

แม้ตู๋กูเยว่จะบอกว่านางต้องการช่วยเขา เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือของเขาเรื่องประตูอาณาจักรเสิ่นซวี่ในวันนั้น

แต่สิ่งที่เขาทำนั้นเทียบกับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของนางในครานี้ไม่ได้เลย

แม้นางจะยึดมั่นต้องการตอบแทนเขามากเพียงใด แต่ทว่า…สำหรับเขาแล้วมันไม่สำคัญเลย

สิ่งสำคัญคือ นางยังช่วยเขาจัดการปัญหาใหญ่ได้อีกเรื่อง

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ

“เกรงใจคุณชายแย่”

ตัวนางนั้นไร้ญาติสนิทมิตรสหายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่หากนางสามารถพันธมิตรกับตระกูลหลินได้ เวลาจะทำการใดย่อมสะดวกกว่าอย่างมิต้องสงสัย

โดยเฉพาะหลินจือเฟย…ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าภาพลักษณ์ภายนอกมาก

ซึ่งหากทำให้เขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณได้ ย่อมมีแต่ผลดีทั้งนั้น

แต่ทันใดนั้น เด็กรับใช้หนุ่มก็เดินเข้ามาและกล่าวอย่างระมัดระวังว่า

“ท่านประมุขขอรับ นายหญิงรออยู่ข้างนอกกับคุณชายหลู่มาพักใหญ่แล้วขอรับ ท่านจะ…”โนเวลพีดีเอฟ

ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าเข้ามารบกวน แต่พอเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กลั่นโอสถเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเข้ามาแจ้งผู้เป็นนายทันที

“เช่นนั้นก็…ต้องขอขอบพระคุณ คุณชายสี่ล่วงหน้าเจ้าค่ะ”

อีกด้านหนึ่ง หลินเทียนเฟิงได้ก้าวเท้าออกไปนอกเรือนแล้ว ก่อนจะเห็นหลู่อวี้เออร์และน้องชายของนางที่ยืนรออยู่ข้างๆ

เมื่อมองจากสภาพของคนทั้งคู่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมารออยู่ที่พักใหญ่แล้ว

แต่ก่อนที่หลินเทียนเฟิงจะได้เอ่ยปาก หลู่อวี้เออร์ก็ชิงก้าวไปข้างหน้าแล้วถามด้วยความกังวลว่า

“นางกลั่นโอสถสำเร็จหรือเปล่าคะ คุณท่าน? แล้วอาการป่วยของจือเฟยหายดีเป็นปลิดทิ้งหรือไม่?”

พอได้ยินว่านางห่วงใยหลินจือเฟยมาก หลินเทียนเฟิงก็พลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาไม่น้อย ความเย็นบนใบหน้าของเขาค่อยๆ มลายหายไปทีละนิด

เขาพยักหน้าตอบ

“สำเร็จเรียบร้อยดี แต่เรื่องผลการรักษานั้น จักต้องรอดูกันต่อไป”

แม้ว่าตู๋กูเยว่จะดูทรงพลังมาก แต่บุตรของเขายังมิได้ลองใช้ยานั่นเลย เขาจึงยังมิกล้าโพนทะนาเรื่องผลของยาให้ใครฟัง

เพราะหากผลที่ได้ไม่เป็นไปตามคาด ทุกคนคงผิดหวังกันน่าดู…

“เช่นนั้นก็ดี…ดีแล้ว…”

หลู่อวี้เออร์ตบอกตนเบาๆ ราวกับโล่งใจสุดๆ

เมื่อเห็นภาพนี้ หลินจือเฟยก็คิดได้ว่าช่วงนี้เขาเอาแต่สนใจจือเฟยเยอะเกินไป และเผลอกระทำการใจร้อนใส่นางเสียอย่างนั้น เขาเริ่มรู้สึกผิดในใจ ก่อนจะหันไปมองหลู่อี้และถามว่า

“พี่สาวเจ้าเล่าว่า เมื่อวานนี้คนของเจ้าถูกเล่นงานหรือ มันเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด?”

ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม นั่นหมายความว่าเขาเต็มใจใช้อำนาจของตระกูลหลินช่วยอีกฝ่าย!

หลู่อี้พยักหน้าระรัว แล้วตอบว่า

“ใช่แล้ว! เมื่อวานลูกน้องของข้าทั้งแปดคนโดนทำร้ายจนหมดสติ แล้วจับยัดใส่กล่องมาส่งถึงหน้าประตูเรือน! แถมยังโดนตัดเส้นเอ็นร้อนหวายเสียทุกคน! พี่เขย ท่ามกลางเหล่าลูกน้องของข้านั้น ถึงจะมีคนอ่อนแอปะปนอยู่ แต่เจ้านั่นก็เป็นถึงจอมยุทธ์ระดับแปด! แต่ก็ยังถูกทำร้ายจนบาดเจ็บปางตายเช่นนี้! ท่านต้องช่วยจัดการมันให้ข้า!”

หลินเทียนเฟิงขมวดคิ้ว

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?”

ตอนนี้หลู่อี้ไม่สนว่าหลู่อวี้เออร์จะดุด่าตนอีกต่อไป ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็จะพูดออกไปตรงๆ

“คือคนนอกพรมแดนคนหนึ่ง! ผู้มีนามว่าตู๋กูเยว่! นางนั่นแหละ! คือคนที่ทำร้ายลูกน้องทั้งแปดคนของข้า! พี่เขย นางกล้าทำเช่นนี้กับข้า เห็นได้ชัดว่านางมิได้เกรงกลัวและจริงใจต่อท่าน และตระกูลหลินเลยสักนิด! อย่างใดท่านก็ห้ามปล่อยให้นางลอยนวลเป็นอันขาด!”

—————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์