เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1050

ในชั่วพริบตา นางหมุนข้อมือรอบหนึ่ง ฉวยโอกาสนั้นโจมตีออกไปหนึ่งฝ่ามือ!

นางปล่อยรัศมีแสงส่องประกายออกไปจากฝ่ามือสีเงิน แม้จะดูเชื่องช้า แต่แท้จริงแล้วมันพุ่งไปยังทิศทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว!

อาจด้วยเพราะแรงกดดันมหาศาลที่มากเกินไป จึงบังเกิดรอยแตกแยกช่องว่างสีดำเป็นทางยาวตามหลัง!

ปัง!

มีเสียงแตกหักของบางสิ่งดังแว่วขึ้นมา!

ประกายแสงที่อยู่บนฝ่ามือทอเจิดจ้า! มวลรัศมีแสงพลันหมองลงกว่าเดิมมากในพริบตา!

ทว่าพลังที่ถูกส่งมาลอบจู่โจมสายนั้น ก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้ในท้ายที่สุด

ชิ้นส่วนเศษน้ำแข็งที่แตกกระจายร่วงลงสู่พื้น

ฉู่หลิวเยว่คิ้วขมวดมอง เงาร่างสูงใหญ่ถูกฉายชัดอยู่บริเวณนอกหน้าต่าง!

นัยน์ตาของนางหดลงเล็กน้อย

ลมปราณเช่นนี้…

“มีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ”

ซุ่มเสียงทุ้มต่ำเย็นเยียบเสียงหนึ่งลอยแว่วเข้ามา

“หลู่อี้?”

ฉู่หลิวเยว่แทบจะเดาได้ทันทีถึงสถานะของผู้มาใหม่!

“เจ้านี่ฉลาดไม่เบา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีพวกเราคงมิต้องปิดบังอันใดกันอีก!”

หลู่อี้แค่นหัวเราะเสียงเย็น พลันเงื้อแขนขึ้นมาสะบัดคราหนึ่ง!

ครืน…

พลังของเขาแข็งแกร่งมากเสียจนฉีกกระชากค่ายกลที่ฉู่หลิวเยว่กางเอาไว้ได้ในทันที! ก่อนจะใช้แรงบังคับบุกทะลวงเข้ามาทางหน้าต่าง!

ฉู่หลิวเยว่ดีดตัวออกจากเตียงทันที!

“เจ้ามาทำอันใดที่นี่?”

ข้อมือของฉู่หลิวเยว่สั่นระริก ฝ่ามือนางกำกระบี่หลงหยวนเอาไว้!

“ตึงเครียดอันใดถึงปานนี้กัน?”

หลู่อี้เลิกคิ้วพลางแค่นหัวเราะ สายตากวาดมองฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยอากัปกิริยาเหยียดหยาม

“เจ้าเก่งกาจนักมิใช่หรือ? เหตุใด กลัวหรือไร?”

ริมฝีปากแดงของฉู่หลิวเยว่ยกขึ้นเล็กน้อย นางหัวเราะแผ่วเบา ในนัยน์ตากลับปรากฏแววเย็นยะเยือก

“ใช่น่ะสิ ข้ากลัวมากเลยล่ะว่าถ้าไม่ระวังให้ดี เกิดเผลอพลั้งมือไปทำน้องชายของฮูหยินท่านประมุขพิการเอา จะแย่เข้าให้จริงๆ”

สีหน้าของหลู่อี้พลันดูไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“โอหัง!”

ทว่าในใจเขา กลับบังเกิดความกลัวขึ้นมาจริงๆ

ในเมื่อแม่นางที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้สามารถโค่นล้มทั้งแปดคนนั้นได้ ก็พิสูจน์แล้วว่ามีพลังกล้าแกร่งจริงๆ

จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า…นางได้ก้าวเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว?

ความคิดนี้ที่เพิ่งปรากฏขึ้นในหัวของเขา หลู่อี้ปัดมันทิ้งในทันใด

จะอย่างใดก็เป็นไปไม่ได้!

ถ้าหากว่านางไปถึงระดับขั้นนั้นแล้วจริงๆ ตอนที่ปะเข้ากับเขาในวันนั้นก็มิน่าเลือกที่จะหลีกหนี

อีกอย่าง ดูเหมือนว่านางจะใช้อาวุธโบราณบางอย่างเพื่อที่จะสามารถหลบหนีออกไปได้ในพริบตาอีกด้วย

ดูๆ ไปแล้ว จะอย่างใดก็ดูไม่เหมือนเรื่องที่ผู้ที่ถึงระดับขั้นนั้นจะทำออกมาได้!

“ข้าว่าคนที่โอหังน่ะคือเจ้ามากกว่าไม่ใช่หรือ?”

คิ้วดำขลับของฉู่หลิวเยว่เลิกขึ้นเล็กน้อย

“บัดนี้ข้าเป็นเซียนหมอประจำตัวคุณชายสี่หลิน อีกทั้งจะมุ่งหน้าไปยังที่นั่นกับเขาในไม่ช้า…ถ้าหากวันนี้เกิดอันใดขึ้นกับข้า เจ้าว่าประมุขหลินจะคิดว่าคนที่สร้างเรื่องเป็นใครคนแรก?”

หลู่อี้รู้อยู่แก่ใจดี ถ้าหากเรื่องนี้แดงออกไป เขากับหลู่อวี้เออร์ย่อมเลี่ยงไม่พ้นเป็นผู้ต้องสงสัย

แต่แล้วอย่างใดล่ะ?

ขอแค่ทำแบบเทพไม่รู้ผีไม่เห็น ต่อให้หลินเทียนเฟิงจะสงสัยพวกเขาเต็มที่ ก็ไม่สามารถตัดสินโทษพวกเขาได้!

“เจ้าพูดถูก” ในแววตาของหลู่อี้ปรากฏจิตเข่นฆ่าสายหนึ่ง “เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัย จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าหุบปากไปตลอดกาลเสียเถอะ!”

พูดจบ เขาก็ก้าวรุดไปข้างหน้า เงื้อเข็มไตรกระจับในมือขึ้นมาแล้วซัดมันไปทางฉู่หลิวเยว่!

ฉู่หลิวเยว่ก้าวถอยหลัง ขณะเดียวกันก็ยกกระบี่ขึ้นตั้งรับ!

เคร้ง!

ทั้งสองฝั่งเข้าสู้โรมรันกันระยะประชิด!

ง่ามมือของฉู่หลิวเยว่พลันสั่นระริกด้วยความรู้สึกเสียวแปลบที่แล่นขึ้นมา!

จะอย่างใดฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพ ระดับสูงกว่านางอยู่หลายขั้น หากสู้กันซึ่งหน้า นางไม่มีทางเอาชนะได้เลยแม้แต่นิดเดียว!

ในขณะที่ความคิดของฉู่หลิวเยว่แล่นวนอยู่ในหัว หลู่อี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเองก็ตะลึงเช่นเดียวกัน

“เจ้าไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพนี่!”

นี่หาใช่ประโยคคำถามไม่ แต่เป็นประโยคเล่าความต่างหาก!

ครั้งนี้จำนวนของแท่งน้ำแข็งนั้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว!

ชั่วพริบตานั้นเอง ร่างของฉู่หลิวเยว่ก็ถูกล้อมรอบไปด้วยพวกมัน!

แสงกระบี่สีนิลสายนั้นสกัดกั้นการโจมตีส่วนใหญ่ไว้ได้ ทว่าก็ยังมีบางส่วนที่หลบเลี่ยงทันและพุ่งเข้าหาฉู่หลิวเยว่โดยตรง!

ฉู่หลิวเยว่กำกระบี่หลงหยวนไว้แน่นกำลังจะเคลื่อนไหว ทว่านางกลับพบว่ารอยแยกที่อยู่รอบกายนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นแรงดูดอันหนักหน่วง!

ทั่วทั้งร่างของนางราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างกดทับเอาไว้ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนยากเย็นแสนเข็ญ!

…เป็นหลู่อี้ที่ใช้พลังปราณศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง!

“เหอะ แม้ข้าจะไม่ได้ย่างเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพโดยสมบูรณ์ แต่ว่า แค่จัดการเจ้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!”

ยามมองฉู่หลิวเยว่ถูกบังคับให้ต้องยอมจำนน ความตระหนกอันเบาบางในจิตใจของหลู่อี้ก็ถูกปัดเป่าไปในที่สุด

เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเย็นออกมา

“วางใจเถอะ ลมปราณเหมันต์อันหนาวเหน็บและเสียดแทงนี้นั้น ขอเพียงเข้าไปฝังรากในร่างของเจ้า มันก็จะแช่แข็งทั่วทั้งร่างของเจ้าทันที! ใช้เวลาไม่นาน เจ้าก็จะสามารถ… อันใดน่ะ!?”

รอยยิ้มพึงใจของหลู่อี้เพิ่งจะแสดงออกมาได้เดี๋ยวเดียว ก็พบว่าแท่งน้ำแข็งที่เข้าโจมตีฉู่หลิวเยว่นั้น ไม่เพียงแต่จะเจาะร่างนางไม่เข้า อีกทั้งยังราวกับว่าถูกพลังอันใดบางอย่างต่อต้านจนมันสั่นไหวและแตกกระจายออกมาทั้งหมด!

เขาจ้องมองอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตน จึงมองเห็นว่าบนร่างของฉู่หลิวเยว่ถูกปกคลุมด้วยเกราะสีทองที่แผ่ขยายออกอีกชั้นหนึ่ง!

และแท่งน้ำแข็งพวกนั้นของเขาเมื่อครู่ ก็ปะทะเข้ากับเกราะด้านบนและแตกสลายไปด้วยเพราะเหตุนี้!

“เกราะ…เกราะชิ้นนี้…”

หลู่อี้นั้นได้รับการหนุนหลังจากตระกูลหลิน จึงได้เห็นของดีต่างๆ มานับไม่ถ้วน

ดังนั้นในตอนนี้ เขามองปราดเดียวก็จำแนกออกได้ทันทีว่าเกราะชุดนี้มิใช่ของที่มีอยู่ดาษดื่นอย่างแน่นอน!

ในเมื่อมันสามารถสกัดกั้นการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดายละนะ…

“สมบัติบนตัวของเจ้านี่มีไม่น้อยเลยทีเดียว!”

หลู่อี้โมโหเสียจนฉีกยิ้มบิดเบี้ยว ในนัยน์ตากลับปรากฏแววละโมบขึ้นมาแทนที่

ขอเพียงแค่โค่นนางลงได้ สิ่งของเหล่านั้น…ก็จะตกเป็นของเขาทั้งหมด!

ในตอนที่เขากำลังจะลงมืออีกรอบนั่นเอง แม่นางที่อยู่ตรงข้ามพลันส่งเสียงเอ่ยปากขึ้นมา

“หลู่อี้ เจ้าไม่เคยคิดเลยหรือว่าในเมื่อข้ามิใช่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพเซียน แล้วเหตุใดคนของเจ้าถึงได้อยู่ในสภาพที่ตกต่ำกันถึงเพียงนั้นเล่า?”

หลู่อี้พลันตื่นตระหนก

ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่พลันปรากฏรอยยิ้มแฝงความนัย สายตามองไปยังด้านหลังของเขา

“รบกวนท่านแล้ว”

—————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์