รอยยิ้มของนางสดใส และพร่างพราว ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
แม้ว่าใบหน้าจะดูธรรมดา แต่เพราะว่ารอยยิ้มนี้ จึงทำให้นางดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
คนจำนวนไม่น้อยที่ชะงักไปทันที
แม่นางคนนี้มองดูก็หน้าตาธรรมดา แต่เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว กลับรู้สึกว่านางงามมาก…
ดวงตาคู่นั้นที่เหมือนหยก มีคลื่นแสงส่องประกายวิบวับ ทำให้คนรู้สึกใจสั่น
ใบหน้าของหรงซิวไม่ได้มีความแปลกใจเลย
เขายิ้มออกมาเล็กน้อย แววตาที่ดูเหมือนสูงส่งเย็นชา ราวกับหิมะละลายสู่ต้นวสันต์ฤดู ดวงตาลึกล้ำเหมือนกับสายน้ำมนต์ สามารถดูดกลืนผู้คนได้อย่างง่ายดาย
ทำให้คนจมลงได้ เขายกมือขึ้น ลำแสงสีทองพุ่งออกไป!
พรึ่บ!
หมากสีทองเม็ดหนึ่งถูกวางลง
ขวางทางเดินหมากของฉู่หลิวเยว่!
“ฝ่าบาทลงมือจริงๆ ด้วย!”
“แต่นางน่าจะยืนหยัดได้ไม่นานหรอก? ตามข่าวลือการเล่นหมากรุกของฝ่าบาทถือเป็นเลิศ…”
“แล้วอย่างใดเล่า? ต่อให้นางแพ้ในตอนนี้ นางก็ได้ที่หนึ่งอยู่ดี! ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางเป็นคนเดียวที่สามารถเชิญให้ฝ่าบาทลงมือได้!”
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วน จับจ้องไปที่คนทั้งสองกลางท้องพระโรง
พวกเขามุ่งความสนใจไปที่กระดานหมากนั้นอย่างเต็มที่ เพราะกลัวว่าจะพลาดอันใดไป
แต่ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเช่นนั้น
อย่างน้อยในตอนนี้เจียงจื่อหยวนไม่สามารถอดทนดูต่อไปได้อีกแล้ว
หัวใจของนางเหมือนถูกอันใดสักอย่างบีบรัด
ความรู้สึกไม่สบายใจที่มาจากตู๋กูเยว่ในตอนแรก ก็แผ่ขยายกระจายทั่วร่างอย่างรวดเร็ว!
“จื่อหยวน เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”
เจียงเห่อเทียนขมวดคิ้วเป็นปม สายตาเต็มไปด้วยความกังวล
เจียงจื่อหยวนฝืนยิ้มออกมา
“ท่านพ่อวางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร”
จะไม่เป็นไรได้อย่างใด?
ตั้งแต่เล็กจนโต นางโดดเด่นมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาติตระกูล หน้าตา หรือว่าพรสวรรค์ นางสามารถบดขยี้คนอื่นได้อย่างง่ายดาย
นางเป็นคนที่โดดเด่นสะดุดตามาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่ตอนนี้ล่ะ?
ทุกสายตา ทุกความสนใจ ถูกแม่นางที่มีนามว่าตู๋กูเยว่แย่งไปจนหมดแล้ว
นางดูเป็นคนธรรมดาอย่างมาก ทั่วทั้งร่างกายไม่มีความน่าสนใจเลย แต่กลับเหมือนมีพลังวิเศษบางอย่าง ที่สามารถดึงดูดสายตาของคนทุกคนได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ระดับพลังของนางในตอนนี้ไม่ธรรมดาเลย
เจียงเห่อเทียนเหลือบสายตามองไปทางกระดานหมากรุก
“จื่อหยวน ตอนนี้เจ้าน่าจะใกล้แพ้แล้วใช่หรือไม่?”
เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่จากประสบการณ์แล้ว ตู๋กูเยว่ควรจะต้องยืนหยัดได้ไม่นานสิ
ถ้านางแพ้เร็วสักหน่อย จื่อหยวนก็จะมีความสุขเพิ่มขึ้น
แต่เจียงจื่อหยวนกับกำมือแน่น เหมือนว่าลำคอตีบตัน พูดอันใดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
การแข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้ ใช่ว่านางจะมองไม่ออก
แต่เพราะว่านางมองออก ดังนั้นนางจึงรู้สึกเสียใจมากกว่าเดิม!
เพราะว่าเมื่อเทียบกับหรงซิวแล้ว ตู๋กูเยว่ก็ดูไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไร! เห็นได้ชัดว่าพวกเขา…สูสีกันอย่างมาก!
เจียงจื่อหยวนถามตัวเองว่า นางเป็นอัจฉริยะในด้านนี้ สามารถบดขยี้คนได้เก้าสิบเก้าส่วน
แต่เมื่อยืนอยู่ต่อหน้ากระดานหมากรุกแผ่นนั้น เมื่อเทียบกับแม่นางคนอื่นแล้ว นางก็ดูผ่อนคลายอย่างมาก แต่เมื่อถึงตอนนี้ใบหน้าของนางก็มืดครึ้ม ไม่มีคุณค่าที่จะให้เอ่ยถึง
…
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
ภายในสมองของนางมีภาพจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
ฉากเหล่านั้นที่เคยเลือนราง ไม่สามารถมองได้อย่างชัดเจน เหมือนว่าในตอนนี้มันกำลังจะชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ตรงหน้าของนางเหมือนมีม่านหมอกมากั้นอยู่ตลอด ในใจของนางรู้ดีว่า ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถมองเห็นทั้งหมดได้แล้ว!
ภายในพลังดั้งเดิมของนางที่อยู่ตันเถียนพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง
สุดท้ายมันก็มารวมตัวอยู่กลางฝ่ามือของนาง!
จากนั้นในตอนที่นางกำลังจะยกมือขึ้น ฝ่ามือของนางก็สั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย
เหมือนว่ามีอันใดบางอย่างกำลังพุ่งออกมาจากหัวใจของนาง!
นางกัดฟันกรอด แล้วปล่อยพลังทั้งหมดออกมาทันที!
หมากสีแดงหนึ่งเม็ด ถูกวางลงบนกระดาน!
ตึง!
ราวกับเกลียดตั้งแต่แรกเห็น! แสงสีทองนั้นพังทลายไปในพริบตา!
อีกทั้งมันกลายเป็นจุดสีทองเล็กๆ และกระจายออกไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว!
หรงซิวยกมือขึ้น ลำแสงสีทองเหล่านั้นก็บินกลับไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันแม้กระทั่งกระดานหมากรุกก็หายไปอย่างไร้เสียง
ผู้ชายที่เหมือนเซียนเหมือนมารยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เขายกยิ้มริมฝีปากขึ้น
“เจ้าชนะแล้ว”
แกร๊ก!
เจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำที่อยู่ภายในตันเถียนของฉู่หลิวเยว่ มีรอยแตกร้าวที่สามเกิดขึ้น!
ลำแสงสีทองสว่างวาบจากนั้นก็ทะลุผ่านออกไป!
ในตอนนั้นเองเหมือนกับว่าผ้าโปร่งบางที่กั้นเอาไว้ ก็ถูกยกขึ้นมาทันที
ภาพเหตุการณ์เหล่านั้นชัดเจนขึ้นมา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...