ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1096

สรุปบท บทที่ 1096 ชายาผู้ไร้สกุลรุนชาติ: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1096 ชายาผู้ไร้สกุลรุนชาติ – จากเรื่อง ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ

ตอน บทที่ 1096 ชายาผู้ไร้สกุลรุนชาติ ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดยนักเขียน จ้าน นิชิโนะ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

การถูกผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งท่านหนึ่งลงทุนลงแรงสอนสั่งเราด้วยตัวเองนั้น เป็นความรู้สึกอย่างใดน่ะหรือ?

ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว

นี่มันนรกบนดินชัดๆ!

ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่านางฝึกฝนมาหนักมากแล้ว แต่หลังจากได้พบกับตู๋กูโม่เป่า ถึงได้รู้ว่านางคิดผิดมหันต์!

แต่ก็อย่างที่เขาพูด คนอ่อนแอมักจะคิดว่าตัวเองอ่อนแออยู่แบบนั้น

ในเมื่อพิธีคัดเลือกชายาเอก และเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่นี้ทั้งหมดยุติลงแล้ว ดังนั้นก็ถึงเวลาแก่การฝึกฝนอย่างหนักแล้วเช่นกัน

ฉู่หลิวเยว่พยายามพูดให้ตัวเองดูดีขึ้นบ้าง

“อันที่จริง…จริงๆ แล้วฝีมือของข้าก็ไม่ได้ห่วยขนาดนั้นสักหน่อย? เมื่อวานตอนวัดนาฬิกาไร้กาลเวลา ข้าวัดได้ตั้ง ‘สิบเอ็ด’ เลยนะ…”

ตู๋กูโม่เป่ายังคงนิ่งเฉย พลางเงยหน้าขึ้นสบตานางอย่างเกียจคร้าน

“แล้วอย่างใด? ตอนนี้เจ้าก็ยังเป็นแค่จอมยุทธ์ระดับเจ็ดกระจอกๆ คนหนึ่งอยู่ดีมิใช่หรือ?”

ฉู่หลิวเยว่ถูกโจมตีอย่างหนักอีกครั้ง

พลันเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสองพร้อมความคิดบางอย่างที่แวบเข้ามาในหัว

“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าลืมถามไปเรื่องหนึ่ง ข้าว่ากระดานหมากรุกของพระโอรสแผ่นนั้น… ดูจะคล้ายกับกระดานของพี่เป่าเลยนะ?”

ตู๋กูโม่เป่าและหรงซิวถึงกับเงียบกริบ

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตู๋กูโม่เป่าก็พูดว่า

“เจ้าไปจัดแจงธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนเถอะ หลังจากนี้อีกหนึ่งเค่อ ข้าจะกลับมาใหม่”

หลังจากพูดจบ เขาก็เอามือไพล่หลังพร้อมเชิดหน้าชูคอขึ้น พลันก้าวฉับๆ ออกไปจากห้องด้วยสองเท้าเล็กๆ คู่นั้น

ไม่รู้เพราะอันใด แต่ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติจากแผ่นหลังเล็กๆ ที่หายไปจากครรลองสายตานั่น

ก่อนจะตวัดหางตามามองหรงซิว

หรงซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นน่าฟัง

“ช่างเป็นผู้อาวุโสที่ทรงพลังนัก การได้ฝึกฝนกับเขานั้นเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง เยว่เอ๋อจะต้องรักษามันไว้ให้ดี ส่วนข้า…ขอไม่รบกวนทั้งสองคนแล้วกัน”

พูดจบเขาก็เตรียมหันหลังกลับและจากไป

“ประเดี๋ยวก่อน!”

แต่จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็รั้งเขาไว้

“คนของเผ่าอื่นๆ กลับไปกันหมดแล้วหรือ?”

หรงซิวหันกลับมา

“บางคนจากไปแล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่ยังอยู่ที่นี่”

ดูเหมือนหรงซิวจะเดาได้ว่านางต้องการถามอันใด จึงกล่าวเสริมว่า

“ผู้คนจากผาแดนสวรรค์ยังอยู่ที่นี่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ถึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย

“เช่นนั้นก็ดี ก่อนหน้านี้ข้าได้สัญญากับหลินจือเฟยว่าจะช่วยรักษาอาการป่วยให้เขา พวกของประมุขหลินปฏิบัติต่อข้าอย่างดี ข้าจึงไม่สามารถผิดคำพูดได้”

นางมองไปยังหรงซิวด้วยสายตาออดอ้อน

“ไม่ทราบว่า หากข้าจะขอให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่สักสองสามวัน กระทั่งร่างกายของหลินจือเฟยฟื้นตัวเต็มที่ แล้วค่อยส่งพวกเขากลับไปได้หรือไม่?”

หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“อันที่จริง ผาแดนสวรรค์ก็มีเซียนหมอผู้มีวิชาแกร่งกล้าอยู่หลายคน”

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวไปมา

“เพราะข้าตกลงกับพวกเขาไว้แล้ว จะให้กลับคำพูดก็ไม่ได้ แถมสาเหตุหลักของอาการป่วยภายของเขา ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว แค่ใช้เวลาพักฟื้นเพียงไม่กี่วันก็พอ และคงไม่ต้องใช้แรงมากมายขนาดนั้น”

หรงซิวชะงักไปนิด พลันก้าวเข้าไปประชิดตัวนางอย่างไว มือเรียวข้างหนึ่งบีบปลายคางของนางไว้ แล้วโน้มตัวลงไปจุมพิตกลีบปากแดงสวยนั่นเบาๆ

ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ ส่วนเขากำลังยืน ส่งผลให้ระดับความสูงของเราต่างกัน

และทำให้กายบางของนางเอนไปด้านหลัง เนื่องจากแรงกดดันอันรุนแรงที่ประทังเข้ามา

ทว่าก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะได้ทันโต้ตอบ ทั่วทั้งร่างของนางก็พลันถูกห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นหอมเย็นๆ อันคุ้นเคย ที่ลอยฟุ้งออกมาจากเรือนกายของเขา

เพียงพริบตา ริมฝีปากอันเย็นเฉียบนั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นมาในทันใด

ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือของตนออกไปอย่างเผลอไผลราวไร้สติ แขนเรียวสวยตวัดคล้องลำคอของเขา พลางยกศีรษะขึ้นเล็กน้อย แล้วยันตัวโน้มไปข้างหน้า

หรงซิวให้มืออีกข้างกอดรวบเอวบางของนางไว้ พร้อมบีบเค้นเอวบางราวต้องการบดขยี้เรือนร่างเล็กๆ นี้ให้แหลกเหลวคามือ

เอวขอดบางนุ่มลื่นราวหยกเนื้อดี ความอุ่นร้อนจากโลหิตในกาย และกลิ่นหอมอันน่าเย้ายวนโนเวลพีดีเอฟ

ฉู่หลิวเยว่ครวญครางออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

หรงซิวกำมือแน่นขึ้นบัดดล

หลังจากนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ขยับเข้ามาใกล้ใบหูของเขา

มันใกล้จนนางมองเห็นแม้กระทั่งใบหูที่ขึ้นสีแดงเรื่อของเขา

นางเป่าลมใส่หูเขาแล้วกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา

“ยามฝ่าบาทอ่อนโยนนั้นน่ารักน่าชังที่สุดเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มีหรือบุรุษอย่างเขาจะสงบสติอารมณ์ได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพของพวกเขาในตอนนี้?

ทว่าพอหรงซิวกำลังจะเคลื่อนไหว ฉู่หลิวเยว่ก็ผละออกจากอ้อมกอดของเขาและตบไหล่แน่นนั้นเบาๆ

“เอาล่ะ ยามนี่ก็สายมากแล้ว ฝ่าบาทควรออกไปได้แล้ว”

หลังจากพูดจบ นางก็ลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไป

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์