เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1118

ความกังวลช่วงก่อนหน้านี้ของผู้อาวุโสเฉียวอีดูท่าจะมากเกินควรไปอยู่บ้าง

จะอย่างใดเขาก็คาดไม่ถึงทั้งนั้น แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะไร้ซึ่งสถานะแลไม่มีภูมิหลัง ทว่าแค่การยืนกรานจะพนันโอสถตาเดียวนั้น ก็ช่วยให้ตัวเองมีจุดยืนที่มั่นคงได้

อย่างน้อยที่สุด มีศิษย์พี่อย่างจงซวิ๋นคอยออกหน้าให้ความช่วยเหลือ ก็ลดปัญหาให้นางได้มากโข

แม้ว่าเซียนหมอส่วนใหญ่แล้วจะมีนิสัยหยิ่งยโส แต่ว่าเมื่อเป็นคนที่เลือกยืนอยู่ข้างตนเองยามเผชิญกับความยากลำบากแล้วนั้น พวกเขาก็ล้วนต้องบังเกิดความรู้สึกดีให้ทั้งสิ้น

จงซวิ๋นพาฉู่หลิวเยว่แวะเวียนเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ โดยรอบ

หลังจากทำความคุ้นเคยมาได้สักระยะแล้ว เขาก็รู้สึกว่าศิษย์น้องที่เพิ่งมาใหม่ผู้นี้ไม่เลวเลยทีเดียว

แม้ว่าอายุจะน้อย แต่กลับรู้ความและมีมารยาทอย่างมาก

รูปลักษณ์ของเขาเพียงนับได้ว่านุ่มนวลสะอาดสะอ้านเท่านั้น หากอยู่ท่ามกลางหมู่คนตัวตนของเขาก็ไม่ได้ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้ชะงัด

ทว่าภายใต้เปลือกนอกของเขานั้น ราวกับว่ามีรัศมีอันสูงส่งที่ติดมาแต่กำเนิดแฝงอยู่

อุปนิสัยที่พบเจอได้ยากเช่นนี้ทำให้เขาแตกต่างจากคนทั่วไปขึ้นมาโดยพลัน

จงซวิ๋นจึงเริ่มรู้สึกว่า ในเมื่อตอนพนันโอสถอีกฝ่ายลงพนันข้างตน เช่นนั้นตนย่อมต้องให้เกียรติอีกฝ่ายบ้างสักหน่อย

ทว่าความคิดที่อยากจะผูกมิตรกับอีกฝ่ายอยู่บ้างของเขาก็บังเกิดขึ้นมาอย่างช้าๆ

เด็กหนุ่มที่มีนามว่า ‘ฉู่เยว่’ ผู้นี้นั้นโดดเด่นมากในทุกๆ ด้านอย่างแน่แท้

ก็คงจะเป็นคุณชายจากตระกูลชนชั้นสูงสักตระกูลหนึ่ง

จงซวิ๋นลอบคิดอยู่ในใจ

การวางตัวเช่นนี้ คนธรรมดาไม่มีทางทำได้แน่นอน

แม้ศิษย์น้องเล็กผู้นี้จะมิได้พูดเรื่องภูมิหลังของตนมากนักราวกับมีเจตนาปิดบัง ทว่าศิษย์ที่มาที่นี่เองก็ทำเช่นนี้ไม่น้อยจึงไม่นับว่าผิดแผกอันใด

ด้วยเหตุนี้ จงซวิ๋นจึงมิได้ให้ความสนใจอันใดอีก

ฉู่หลิวเยว่ตามเขาไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ มากมาย ทว่าระหว่างทางกลับมิได้พบเจอผู้คนมากนัก

“ตอนนี้จะเข้าปลายเดือนแล้ว ทุกคนต่างก็ง่วนอยู่กับการฝึกตน เตรียมตัวสำหรับการทดสอบในช่วงต้นเดือน”

ยามเดินมาบนถนนหินเงาที่เย็นสบายสายหนึ่ง จงซวิ๋นก็กล่าวอธิบาย

“นอกจากศิษย์ใหม่ที่ต้องร่วมทดสอบกราบอาจารย์เข้าสำนักแล้ว ศิษย์เก่าเองก็มีภาระหน้าที่ของตัวเอง ต้องรู้ไว้ก่อนว่าการแข่งขันของที่นี่ดุเดือดมิใช่ย่อย”

แม้ว่าจงซวิ๋นจะหัวเราะยามพูดประโยคนี้ ทว่าก็ดูออกได้ไม่ยากเลยว่าเขากำลังทำสีหน้าจริงจัง

ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะรับ

สำนักวิชาอันดับหนึ่งในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ที่รวมผู้มีความสามารถโดดเด่นจากทั่วทุกแห่งในใต้หล้ามาไว้ด้วยกัน ถ้าการแข่งขันไม่ดุเดือดสิถึงจะเรียกว่าแปลก

“ข้าเพิ่งบุกทะลวงมาได้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง เพราะแบบนี้ก็เลยอยากไปหาถั้วป๋าเซวียนเพื่อฝึกฝนเสียหน่อย”

ความจริงแล้ว เดิมทีเขาก็ยังไม่ค่อยมีความมั่นใจนัก

ใครมันจะไปรู้ว่า…

เขาพูดได้แค่ว่า ไม่ว่าพลังของเจ้าจะเป็นอย่างใด ทุกครั้งที่หลอมยาก็ต้องคอยจัดการอย่างระมัดระวังและทุ่มเทให้ถึงที่สุด

มิเช่นนั้นแล้วละก็ เมื่อสบโอกาส ผู้อื่นก็จะรอดึงเจ้าลงมาจากม้าได้ตลอดทุกเมื่อ!

“ศิษย์พี่ท่านนั้นเองก็ใกล้จะบุกทะลวงแล้ว”

ฉู่หลิวเยว่เอ่ย

จงซวิ๋นมองนางอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง

“เจ้ารู้ได้อย่างใดกัน?”

ฉู่หลิวเยว่พลันหยุดชะงัก

เรื่องพวกนี้แท้จริงแล้วดูออกได้ง่ายมาก

ทว่าการจะคาดคะเนได้ พลังของเจ้าต้องแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย หรืออย่างน้อยที่สุดก็คืออยู่ในระดับเดียวกัน

ถั้วป๋าเซวียนเป็นเซียนหมอระดับเก้า

ดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามหลอมยาอายุวัฒนะระดับเก้าขึ้นมา ทว่ายังทำไม่สำเร็จ

แม้ว่าพลังของฉู่หลิวเยว่จะยังไม่ฟื้นฟูกลับมาจนเต็มที่ทั้งหมด ทว่าทรรศนะของนางยังคงอยู่

จงซวิ๋นเอ่ย ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความตื่นเต้น

สำนักหลิงเซียวรับช่วงสืบต่อจัดตั้งมายาวนานกว่าหมื่นปี ที่มาแลภูมิหลังย่อมต้องลึกล้ำไม่ด้อยไปกว่าตระกูลชั้นสูงแนวหน้าอื่นใดในอาณาจักรเสิ่นซวี่อย่างแน่นอน!

…หรือไม่ก็อาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่า!

สิ่งที่หาไม่ได้จากโลกภายนอก ของหายากที่มีค่ายิ่ง สินค้าราคาสูงทว่าไร้คนต้องการ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดได้ยินชื่อมาก่อน ในสำนักแห่งนี้มีแทบทั้งหมด!

ขอเพียงมีคะแนนสะสมมากพอ ก็สามารถแลกเอามาได้ทั้งนั้น!

แค่นี้ก็พอทำให้เห็นถึงความสำคัญของคะแนนสะสมได้ชัดเจนแล้ว!

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะผงกศีรษะเป็นเชิงเข้าใจ

“พูดแบบนี้แล้ว ก็ฟังดูสำคัญมากจริงๆ…เช่นนั้นคะแนนสะสมหนึ่งพันแต้มที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดมากมายหรือ?”

หนึ่งพันแต้มมีพอแค่ซื้อใบสั่งยาอายุวัฒนะระดับเก้าได้หนึ่งแผ่น

ยังไม่พอสำหรับใช้ผลาญฆ่าเวลาและสนองความต้องการได้

ทว่าจงซวิ๋นกลับดูแววเย็นชาแผ่วบางในแววตาของนางมิออก จึงเอ่ยให้กำลังใจว่า

“เพราะแบบนี้! หลังจากเข้ามาได้แล้วก็ต้องขยันสะสมคะแนนเอาไว้ให้มากเข้า! อย่างใดเสียเจ้าก็มิต้องกังวลไป วันนี้เจ้าเพิ่งมาถึง ก็ทำให้แต้มจากหนึ่งร้อยเปลี่ยนเป็นหนึ่งพันได้ ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากกว่าคนทั้งหลายแล้ว! พอเวลาผ่านไป คะแนนสะสมของเจ้าย่อมต้องเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างรวดเร็วแน่นอน!”

พูดจบ เขาก็เห็นว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงกันข้ามกำลังก้มหน้าลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่

“ฉู่เยว่? ฉู่เยว่?”

หลังจากตะโกนเรียกไปสองครั้ง เด็กหนุ่มผู้นั้นก็เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะยิ้มบางๆ มาให้เขา

ยามดวงตาสีนิลคู่นั้นอยู่ภายใต้แสงสุริยาที่สาดส่องลงมา มันเปล่งประกายแวววับเสียจนหาผู้ใดเปรียบ

“ศิษย์พี่จงซวิ๋นพูดได้ถูกต้องนัก”

มุมปากของเด็กหนุ่มผู้นุ่มนวลเปราะบางหยักยกขึ้น แล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยนไร้พิษภัยส่งให้

“ตอนนี้ในสำนักน่าจะยังมีคนพนันโอสถกันอยู่กระมัง? มิทราบว่า…จะสามารถรบกวนศิษย์พี่จงซวิ๋นได้หรือไม่”

“ข้าใคร่จะไปชมเสียหน่อย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์