เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1124

ชึ่บ!

องค์ไท่จู่สะบัดชายเสื้อคลุมของตน จากนั้นก็ส่งพลังปราณดั้งเดิมสองสายออกไปเสริมความแข็งแกร่งให้ค่ายกลไว้!

ตำแหน่งของรอยแตกบนค่ายกลถูกชั้นแก้วเบาบางที่เปล่งประกายจ้าชั้นหนึ่งเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว!

ตูม!

พลังสองฝ่ายเข้าปะทะกันอีกครั้ง!

เคร้ง!

แรงลมจากหมัดวูบหนึ่งที่มิอาจถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้ ประตูทางเข้าจึงพังครืนลงมา

ยามมองรูโหว่ว่างเปล่าบนประตูทางเข้า องค์ไท่จู่ก็มีสีหน้าตื่นตาตื่นใจยิ่ง

“ศิษย์น้องฉู่เยว่! ศิษย์น้องฉู่เยว่!? เจ้าเป็นอันใดไป? เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”

พลันแว่วเสียงวิตกกังวลของจงซวิ๋นมาจากด้านนอก

เงาร่างขององค์ไท่จู่ส่องแสงคราหนึ่งก่อนจะหายวับไปอย่างว่องไว อีกทั้งยังคลายค่ายกลที่ตนกางไว้กลับไปโดยพลัน!

ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้น

สภาพภายในห้องพักนั้นเละเทะอย่างมาก

ทว่าโชคยังดีที่ค่ายกลขององค์ไท่จู่ที่กางไว้เมื่อครู่ ช่วยลดทอนพลังส่วนมากของนางไว้ได้ ดังนั้นผลที่ตามมาจึงมิได้หนักหนาสาหัสมากนัก

“ศิษย์น้องฉู่เยว่! นี่เจ้า…”

จงซวิ๋นที่ถลาเข้ามาจากด้านนอกมีสีหน้าตื่นตกใจ

แม้ว่าจะเป็นกลางดึก ทว่าอาศัยแสงจันทร์สว่างสุกใสก็ยังพอที่จะมองเห็นสภาพภายในห้องพักได้บ้าง

“ศิษย์พี่จงซวิ๋นมิต้องเป็นกังวลไป”

ฉู่หลิวเยว่หยัดกายลุกขึ้นพลางยิ้มน้อยๆ

“ข้าเพียงแค่กำลังศึกษาเคล็ดวิชาหนึ่งอยู่ขอรับ ทว่าเมื่อครู่มิได้ควบคุมให้ดี ดังนั้นแล้ว…”

“เคล็ดวิชาหรือ?”

สีหน้าของจงซวิ๋นผ่อนคลายลงมาโดยพลัน เมื่อปรายตามองไปยังประตูทางเข้าที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น มุมปากของเขาก็กระตุกยิบ

“เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะเลือกพื้นที่กว้างๆ ไว้ฝึกสิ มาฝึกในห้องพักแบบนี้ นี่…”

“ครั้งนี้แค่ประมาทไปชั่วครู่เท่านั้น ครั้งหน้าข้าไม่ทำแล้วขอรับ”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ

“เช่นนั้นก็ดี! ไม่ต้องพูดถึงในสำนัก แค่สถานที่ที่ใช้ฝึกฝนนั้นก็มิน้อยแล้ว! จะฝึกอยู่แต่ในห้องพักไปเหตุใด? ว่าแต่…ศิษย์น้องฉู่เยว่เป็นเซียนหมอ เหตุใดจึงได้สนใจการฝึกวิชาของพวกจอมยุทธ์เช่นนี้เล่า?”

มิรอให้ฉู่หลิวเยว่ได้ตอบ สีหน้าของเขาก็พลันเผยความเข้าใจออกมา

“เจ้าเป็นผู้ฝึกสองเคล็ดวิชาหรือ!?”

ฉู่หลิวเยว่พึมพำกับตัวเองครู่หนึ่ง

“ข้าก็กำลังฝึกวิชาของจอมยุทธ์อยู่จริงๆ นั่นล่ะ”

จงซวิ๋นมิคาดว่าจะได้รับความลับเยี่ยงนี้เป็นคำตอบจึงเอ่ยขึ้นว่า

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ไม่เบา! แต่ว่านะศิษย์น้องฉู่เยว่ ในเมื่อเจ้ามีพรสวรรค์ด้านเซียนหมอที่เลิศล้ำถึงปานนี้แล้ว จะเป็นการดีกว่าหากเจ้าให้ความสำคัญและมุ่งเน้นไปทางด้านนี้”

คำพูดของจงซวิ๋นถือว่าตรงไปตรงมานัก

แม้ว่าภายในสำนักหลิงเซียว ศิษย์ของเซียนหมอจะล้วนแล้วแต่แฝงด้วยความทะนงตัวไว้หลายส่วนก็ตาม

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางพลางผงกศีรษะรับ

“ขอบคุณศิษย์พี่จงซวิ๋นมากที่ช่วยชี้แนะ”

จงซวิ๋นกวาดตามองดูอีกหลายรอบ เอ่ยย้ำเตือนนางออกมาสองสามประโยคก่อนจะขอตัวจากไป

ฉู่หลิวเยว่มองซากพังทลายที่แสนจะอลังการของประตูทางเข้า พลางพึมพำเสียงต่ำ

“ปัญหามันใช่ประตูเสียที่ไหนเล่า!”

เสียงขององค์ไท่จู่แผดลั่นขึ้นมาราวกับว่าเก็บกดอันใดในใจก็มิปาน

“นังหนู เมื่อครู่เหตุใดเจ้าไม่รู้จักยั้งแรงไว้บ้าง! กระดูกกระเดี้ยวข้ารับไม่ไหวหมดแล้วเจ้าเห็นหรือไม่!”

ฉู่หลิวเยว่ “…องค์ไท่จู่ ท่านไปมีกระดูกกระเดี้ยวกับคนอื่นเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

“…”

“นั่นไม่สำคัญสักหน่อย! อย่างใดเสียคราวหลังเจ้าต้องระวังให้มากเล่า!”

“อื้อ”

ฉู่หลิวเยว่ขานรับ ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า

“ท่านไม่เป็นไรแน่นะ?”

องค์ไท่จู่แค่นเสียงเย็นเยียบออกมาคราหนึ่ง

“รอเจ้าบุกทะลวงเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าก่อนเถอะ แล้วค่อยมาถามคำถามนี้กับข้า!”

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมา

“เจ้าค่ะ”

ดูเหมือนว่าเขาคงจะตีโพยตีพายไปเองเสียมากกว่า

เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากองค์ไท่จู่แล้ว ฉู่หลิวเยว่เองก็เบาใจลงเช่นกัน

นางมิได้ศึกษาเคล็ดของหมัดเทวะต่อ แต่หันไปเริ่มดูดกลืนพลังปราณดั้งเดิมต่อด้วยหวังว่าจะบุกทะลวงได้ในเร็ววัน

ทว่านางกลับมิรู้ว่าอารมณ์ขององค์ไท่จู่นั้นมิได้เย็นลงเลยมาพักใหญ่

บัดนี้นังหนูนี่ยังอยู่แค่ระดับเจ็ดชั้นต้นก็สามารถใช้เทียนตี้ซวนหวงขั้นสูงสุด แสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้เต็มที่เช่นนี้ ช่างขยันทำให้ผู้คนตะลึงพรึงเพริดมากเสียจริง!

อีกทั้งยังไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว เป็นนางที่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป หรือว่า…เป็นเพราะเคล็ดวิชานั้น?

มิรู้ว่าคิดไปถึงเรื่องอันใด ผู้อาวุโสวั่นเจิงถึงได้ส่ายศีรษะของตนไปมา แล้วยับยั้งความคิดของตนโดยพลัน

การเจรจาพูดคุยในหอระฆังบูรพกษัตริย์นั้นต่อเนื่องไปจนถึงวันที่สอง

ทว่าทุกคนในที่นี้ล้วนมีพลังกล้าแกร่งและโดดเด่น แค่อยู่พูดคุยจนดึกนานๆ ครั้งจึงไม่นับว่าเป็นอันใด

“ส่วนเรื่องที่เหลือจากนี้ คงต้องรบกวนทุกท่านแล้ว”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนหยัดกายลุกขึ้น แล้วเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจยิ่ง

“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราล้วนเป็นศิษย์ของสำนักด้วยกันทั้งนั้น ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อสำนักเองก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว”

“ใช่แล้วล่ะ! สามารถเป็นกำลังให้แก่สำนักได้ก็ถือเป็นเกียรติแก่พวกเรามากโขนัก!”

ทุกคนต่างพากันพูดเป็นวรรคเป็นเวรไม่หยุดหย่อน

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจึงตอบรับคนเหล่านั้นทีละคนๆ

ในที่สุดแล้วทุกคนก็ทยอยขอตัวจากไป

หรงซิวเคลื่อนไหวเชื่องช้า เขาจึงรั้งอยู่เป็นคนสุดท้ายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ตอนที่คนเหล่านั้นเดินจากไปก็มิวายหันศีรษะกลับมามอง ทว่ามิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา

พวกเขาล้วนรู้แจ้งแก่ใจดีว่าผู้อาวุโสของสำนักทุกท่านนั้น มีท่าทีปฏิบัติต่อหรงซิวแตกต่างจากพวกเขา

ทว่าเรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เขาฉกาจฉกรรจ์เกินไปเล่า

หากผู้อาวุโสไม่ไว้วางใจในตัวเขาต่างหากถึงจะเรียกว่าแปลก

หลังจากรอให้คนทุกผู้แยกย้ายกันไปแล้ว รอบข้างก็เหลือเพียงหรงซิวและผู้อาวุโสไม่กี่ท่านเท่านั้น

“หรงซิว เรื่องชายาผู้นั้นของเจ้า เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงมิเคยได้ยินเจ้าเอ่ยถึงมาก่อน?”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนผ่อนคลายสีหน้าของตนลง สีหน้าเขาดูเป็นมิตรขึ้นมาหลายส่วน ก่อนจะเอ่ยถามออกมา

“ได้ยินว่า…เป็นคนนอกพรมแดนหรือ?”

เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา ผู้อาวุโสท่านอื่นเองก็ล้วนมองมากันทั้งสิ้น

หากยึดสถานะของหรงซิวในปัจจุบันแล้วไซร้ การตบแต่งแม่นางจากนอกพรมแดนมาเป็นชายานั้นแท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมโดยแท้

หรงซิวยิ้มน้อยๆ พลางผงกศีรษะรับ

“ขอรับ”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมองดูสีหน้าของเขาโดยละเอียดถี่ถ้วน ในใจของเขาพลันกระวนกระวาย

ดูท่าแล้วหรงซิวคงจะมีใจชมชอบในแม่นางผู้นั้นมากจริงๆ…

ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งที่อยู่ข้างกันนั้นส่ายศีรษะแล้วถอนใจออกมาคราหนึ่ง

“หรงซิว เจ้าเอาแต่ใจเกินไปแล้ว บัดนี้เจ้าเป็นถึงโอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ จะไปตบแต่งแม่นางเช่นนั้นเป็นชายาของเจ้าได้อย่างใด?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์