เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1127

แววตาที่ดูใจดีหากแต่เย่อหยิ่งของเขา กวาดมองทุกคนในจัตุรัสอย่างรวดเร็ว!

พร้อมกับแส้เสียงทุ้มต่ำที่กระแทกเข้าไปถึงแก้วหูของทุกคน!

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง พร้อมกับโลหิตที่พลุ่งพล่านในเส้นเลือดจนแทบจะระเบิดออกมา ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขา!

นางใจเต้นระส่ำ และอดไม่ได้ที่จะแอบประหลาดใจ

สมกับเป็นสำนักหลิงเซียวจริงๆ!

คำพูดของผุ้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน กระตุ้นให้ศิษย์หลายคนเริ่มตื่นเต้นกับการทดสอบ

โดยเฉพาะเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาร่วมกับทางสำนักวิชาในเดือนนี้

การได้เข้าเรียนในสำนักหลิงเซียว และได้ฝึกวิชาที่นี่ ถือเป็นความฝันของใครหลายๆ คน!

ฉะนั้นเมื่อได้ยืนฟังคำปราศรัยของผู้อาวุโสของสำนักเช่นนี้ จะไม่ทำพวกเขาตื่นเต้นได้อย่างใด?

“วันนี้เราจะเริ่มทำการประเมินเฉกเช่นอย่างที่ผ่านมา โดยจะแบ่งออกเป็นสองส่วน”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยืนเอามือไพล่หลังข้างหนึ่ง

“ส่วนแรกจะเป็นการกราบอาจารย์เข้าสำนักของเด็กใหม่ ซึ่งเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักมาเมื่อเดือนที่แล้ว ก็น่าจะรู้เรื่องการประเมินบ้างแล้ว และน่าจะมีอาจารย์ที่ตนหมายปองไว้ในใจแล้วเช่นกัน ตราบใดที่ผ่านการประเมินในวันนี้ได้ ก็จะสามารถเข้าเรียนได้อย่างราบรื่น!”

“แต่ถ้าไม่ผ่านการประเมิน ก็จะได้รับโอกาสอีกครั้ง โดยการเลือกอาจารย์คนอื่น แต่ถ้าครั้งที่สองก็ยังไม่ผ่านอีก เช่นนั้นก็ต้องออกไปจากสำนักวิชาทันที! และหลังจากผ่านไปสามเดือน ถึงกลับเข้ามาในสำนักได้อีกครั้ง!”

ทั่วทั้งจัตุรัสพลันเงียบกริบ

แววตาของลูกศิษย์หลายคนดูตึงเครียดขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

“สำนักหลิงเซียวนี่เข้มงวดจริงๆ…”

ฉู่หลิวเยว่พึมพำเสียงเบา

แม้จะผ่านการทดสอบรอบแรกจากผู้อาวุโสในเมืองฝางโจว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนผู้นั้น จักกลายเป็นศิษย์ของสำนักโดยสมบูรณ์

เพราะในสำนักยังมีการประเมินที่รุนแรงกว่ารอพวกเขาอยู่!

แค่มาตรฐานการทดสอบรอบก่อนก็สูงมากพอแล้ว พอมารวมกับรอบนี้…ยิ่งไม่รู้เลยว่าจะมีคนถูกคัดออกไปเท่าใด

เมื่ออยู่ด้านนอก อัจฉริยะหลายคนล้วนเป็นที่ชื่นชมจนน่าอิจฉา แต่เมื่ออยู่ที่นี่ พวกเขากลับไม่มีแม้แต่คุณสมบัติเข้าห้องเรียนด้วยซ้ำ!

แต่ในเมื่อสำนักหลิงเซียวมีทรัพยากรขนาดนี้!

พวกเขาถึงต้องขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดให้ได้!

“ศิษย์น้องฉู่เยว่ไม่ต้องห่วง ด้วยความสามารถและพละกำลังของเจ้า เจ้าต้องผ่านการทดสอบแน่นอน”

จงซวิ๋นที่นึกว่านางกำลังกลุ้มใจ ก็รีบเอ่ยปลอบประโลมทันที

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตอบเขาหนึ่งที และไม่พูดอันใดอีก

“และส่วนที่สองก็คือ การประเมินสมรรถภาพของศิษย์ เพื่อเปลี่ยนอันดับของงานประลองชิงอวิ๋น ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้ว!”

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกล่าวถึง “งานประลองชิงอวิ๋น” ศิษย์สาวกทุกคนก็พลันตื่นเต้นกันไม่หวาดไม่ไหว

“เอาล่ะ! สิ้นสุดอารัมภบทเพียงเท่านี้ เริ่มการประเมินต้นเดือน…ณ บัดนี้!”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนออกคำสั่ง และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็เข้าประจำตำแหน่ง

ในไม่ช้า เหล่าผู้อาวุโสก็ปรากฏตัวขึ้นกลางจัตุรัส

“เด็กใหม่ทุกคน จงก้าวออกมา!”

ผู้อาวุโสวั่นเจิงตะโกนเสียงดังฟังชัด!

ฝูงชนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเท้าออกมา

ก่อนหน้านี้เขายืนอยู่ในกลุ่มของปรมาจารย์ ก่อนจะวิ่งไปทางกลุ่มของผู้อาวุโสแขนงปรมาจารย์

เมื่อคนหนึ่งเปิดทางให้แล้ว น้องใหม่ที่เหลือก็พากันโผล่หน้าออกมาทีละคน

การเคลื่อนไหวของเขาพลันหยุดชะงัก แล้วมองตามทิศทางของอายเย็นยะเยือกนั่นไป แต่กลับไม่เห็นอันใดเลย เสมือนว่าอาการหวาดผวาเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงภาพลวงตา

ฉู่หลิวเยว่ก้าวเท้าออกไปเสียแล้ว

จงซวิ๋นจึงทำได้เพียงโบกมือให้กำลังใจนางจากทางด้านหลัง

“ศิษย์น้องฉู่เยว่ สู้เค้า!”

แม้เขาจะมิได้ตะโกนเสียงดังนัก แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่รอบๆ ได้อยู่ดี

นั่นเพราะไม่กี่วันที่ผ่านมา นามกรของ “ฉู่เยว่” นั้นเป็นที่โด่งดังไปทั่วสำนักวิชา

นางลงสนามสามวันติด เดิมพันโอสถนับครั้งไม่ถ้วน แถมยังชนะทุกครั้ง!

ต้องรู้ว่าแม้แต่ “ปาทองโก๋” [1] หลายคนในสำนักวิชา ก็ยังไม่สามารถทำถึงขั้นนั้นได้เลย!

ไหนจะเรื่องตลกร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเดือน ที่มีคนหลายร้อยคนถูกหักคะแนนอีก…

ถึงฉู่หลิวเยว่ไม่ต้องการเด่นดัง แต่มันก็เหนือการควบคุมของนางไปแล้ว

“ดูสิ! นั่นประไร ฉู่เยว่!”

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

นี้มัน…เป็นอย่างที่ว่ามาจริงๆ ด้วย

ย้อนกลับไปตอนที่ผู้อาวุโสเหวินซีพาพวกเขาเข้ามา อีกฝ่ายเคยกล่าวไว้ว่าในสำนักวิชาแห่งนี้มีช่างหลอมอาวุธอยู่ไม่กี่คน

แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่คิดว่ามันจะหายากขนาดนี้

และจากตำแหน่งของนาง ก็มิอาจมองเห็นสถานการณ์ทางฝั่งปรมาจารย์ได้เลย

อย่างใดก็ตาม นางก็พอจะเดาได้ว่าที่นั่นน่าจะมีคนเยอะที่สุด

“ผู้ใดในพวกเจ้ามาถึงก่อน?”

ผู้อาวุโสวั่นเจิงยืนเอามือไพล่หลัง พลางกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเชื่องช้า

ความจริงแล้วเขามิใช่คนดุร้าย แต่น่าเสียดายที่เขาเกิดมาพร้อมกับใบหน้าคมเข้ม ฉะนั้นยามที่เขาไม่ยิ้ม จึงมักทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพวกเผด็จการเสียง่ายๆ

และคนที่ไม่สนิทกับเขา ย่อมเข้าใจผิดหลงคิดเป็นตุเป็นตะว่าเขาไม่สบอารมณ์

ศิษย์สองสามคนที่ยืนอยู่หน้าฉู่หลิวเยว่รู้สึกเขินอายระคนประหม่า ยามเผชิญหน้ากับเขาและถูกถามเช่นนี้

พวกเขาเงียบไปครู่หนึ่ง

ผู้อาวุโสวั่นเจิงคุ้นชินกับภาพเช่นนี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจ ก่อนจะกลอกตาหนึ่งที แล้วทิ้งสายตาไว้ที่ฉู่หลิวเยว่

“เจ้าหนู! เจ้าก่อนเลย!”

ส่วนใหญ่เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสำนักจะยังรู้สึกหวาดกลัวและแปลกที่ ต่อให้ทำกิจกรรมอันใดพวกเขาก็ยังไม่นิ่งนอนใจเสียทีเดียว

แต่มิใช่กับฉู่เยว่ผู้นี้

ที่แค่มาไม่กี่วันก็ก่อเรื่องไว้มากมายแล้ว

การเปิดศักราชมาด้วยเรื่องอลวนเช่นนั้นตั้งแต่แรกเริ่ม แน่นอนว่าตอนนี้สภาพจิตใจของนางคงจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

ทุกสายตาล้วนจับจ้องมาที่นาง

ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้า

นัยน์ตาลึกคู่หนึ่งตกลงบนไหล่ของเธอ

พร้อมกับดวงเนตรอันลึกล้ำและชัดเจนคู่หนึ่ง ที่กำลังจ้องมองช่วงไหล่ของนาง

[1]หรือที่คนเข้าใจว่าหมายถึง ปาทองโก๋แก่ๆ แต่ความจริงแล้วเป็นคำแสลงที่ไว้ใช่เรียกคนที่ชอบตีเนียน ไหลตามคนอื่นไปทั่ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์