ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 113

เวลาสามวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงวันที่ฉู่เซียนหมิ่นต้องแต่งงานออกเรือนแล้ว

ภายในตระกูลฉู่ นอกจากเรือนของนางเองแล้ว ที่อื่นๆ ก็ไม่มีคนรับใช้คนไหนตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับงานมงคล จึงทำให้ไร้ซึ่งบรรยากาศรื่นเริงแสดงความยินดี

เมื่อก่อนที่ผ่านมาเวลามีงานมงคลใดๆ พวกคนรับใช้ก็จะเตรียมตัวกันอย่างขยันขันแข็ง ประการแรกเพราะต้องการให้ผู้เป็นนายประทับใจ ประการที่สองคือต้องการเงินตกรางวัลเพิ่ม

ทว่าลานบ้านของฉู่เซียนหมิ่นกลับว่างเปล่า มีเพียงคนรับใช้ไม่กี่คนที่มาปัดกวาดเช็ดถูตามปกติ

หากไม่ใช่เพราะพวกเขาหลบหน้าอยู่ หรือไม่ก็ไม่อยากมา

ข่าวที่ฉู่เซียนหมิ่นแต่งเข้าจวนรัชทายาทแต่ได้ตำแหน่งเป็นแค่นางสนมได้ลือไปทั่วเรือนน้อยใหญ่ในตระกูลแล้ว นางไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้แล้วจริงๆ!

ด้วยเหตุผลนี้ ผู้อาวุโสจึงไม่ได้เตรียมสินสอดทองหมั้นใดๆ ให้กับนาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยจริงๆ

บ่าวรับใช้หลายคนต่างพากันซุบซิบนินทาขณะที่กำลังเก็บข้าวของ

“ด้วยฐานะอย่างคุณหนูสาม เดิมทีคิดว่าจะได้แต่งเป็นพระชายารัชทายาทเสียอีก คิดไม่ถึงว่า…จะเป็นแค่นางสนม นี่ก็ไม่รู้ว่าตระกูลฉู่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“จริงด้วย! หลายปีที่คอยรับใช้อยู่ในตระกูลฉู่ก็ใช่ว่าจะสุขสบาย ตอนนี้คุณหนูทายาทสายตรงของตระกูลยังได้เป็นแค่นางสนมอีก ช่างน่าขันจริงๆ! เมื่อก่อนคุณหนูสามเป็นที่เชิดหน้าชูตาของตระกูล ตอนนี้นางกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว!”

“แล้วจะโทษใครได้เล่า คุณหนูสามเสียโฉมแล้ว ตอนนี้ไปไหนมาไหนก็ต้องคอยเอาผ้าปิดหน้าตลอดเวลา อีกอย่างชื่อเสียงของนางพังย่อยยับไปนานแล้ว ต่อให้นางต้องแต่งงานไปก็ไม่มีใครเอานางหรอก นอกจากจวนรัชทายาท นางจะไปไหนได้อีก”

“ชู่ว! นางออกมาแล้ว!”

เมื่อประตูเปิดออก ฉู่เซียนหมิ่นก็มีคนประคองเดินออกมา บ่าวรับใช้ตรงลานบ้านรีบสงบปากสงบคำทันที กระนั้นสายตาก็ยังมองสำรวจฉู่เซียนหมิ่นไม่หยุด

นางสวมชุดแต่งงานสีแดงที่มีผ้าคลุมหน้า กลับไร้ซึ่งมงกุฎหงส์บนศีรษะ นางปักเพียงแค่ปิ่นทองคำประดับหยกที่ทางจวนรัชทายาทส่งมาให้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น

ไม่ใช่ว่านางไม่อยากแต่งองค์ทรงเครื่องให้สมฐานะ แต่กฎเกณฑ์ก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว

มีเพียงผู้ที่อยู่ในราชวงศ์เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์สวมมงกุฎหงส์ อย่างนางที่แต่งเข้าจวนรัชทายาทในฐานะแค่อนุภรรยา จึงต้องทำให้ดูเรียบง่ายมากที่สุด

ฉู่เซียนหมิ่นเดินออกจากบ้านและผ่านลานบ้านก็รกร้างว่างเปล่า มีเพียงบ่าวคนสนิทของนางเท่านั้น ส่วนคนอื่นก็ไม่มีใครมาแสดงความยินดีกับนางสักคน

เหอะ ไม่มาก็ดี

มาตอนนี้ ให้มาสมน้ำหน้านางหรือ

ฉู่เซียนหมิ่นกัดฟันกรอดๆ จิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือ เพื่อระงับความโกรธในใจของตนเอง

“ทำไมเงียบขนาดนี้ รัชทายาทยังไม่เสด็จมาอีกหรือ ทำไมแม้กระทั่งเสียงตีฆ้องร้องป่าวยังไม่มีเลย”

ฉู่เซียนหมิ่นถามด้วยความโมโหอย่างอดไม่ได้

คนของรัชทายาทพวกนั้นก็เหมือนกัน เมื่อก่อนแทบจะเลียแข้งเลียขานางได้ แต่ตอนนี้นางตกอับแล้ว แม้กระทั่งเรื่องใหญ่อย่างงานแต่งของนางก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัว

ทุกคนตรงนั้นต่างลอบมองหน้ากัน

ลู่เหยาที่ยืนอยู่ข้างกันนั้นก็ทำได้เพียงทำใบหน้าตึง

นางลืมบอกฉู่เซียนหมิ่นว่ารัชทายาทจะไม่เสด็จมารับเจ้าสาวด้วยตัวเอง

ในขณะนั้นเองก็มีคนวิ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ

“เก็บของเรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ ทำไมยังไม่ไปอีก เกี้ยวจอดรออยู่ด้านนอกแล้ว คุณหนูสามรีบไปเถิด!”

ฉู่เซียนหมิ่นคุ้นหน้าชายคนนี้เป็นอย่างดี เขาก็เป็นแค่ทหารยามธรรมดาที่จวนรัชทายาท เมื่อก่อนแค่เห็นหน้านางก็ก้มหัวให้จนเอวแทบหัก ตอนนี้เขากลับกล้ายืนหลังตรงพูดจากับนาง!

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ที่สำคัญที่สุดคือ…

“เจ้า เจ้าหมายความว่าอย่างไร องค์ชายรัชทายาทไม่เสด็จมาหรือ!”

ฉู่เซียนหมิ่นเบิกตากว้าง

ลู่เหยาดึงแขนนางเอาไว้ก่อนจะกระซิบ

“หมินหมิ่น ถ้าตามกฎแล้ว นี่ก็ไม่ผิด…”

ทันใดนั้นเอง ฉู่เซียนหมิ่นก็ได้สติกลับมา

นี่คือ ‘พิธีอภิเษก’ ของนาง รัชทายาทไม่เสด็จมารับตัวเจ้าสาว แต่กลับส่งใครก็ไม่รู้มารับนางแทน!

ทหารคนนั้นแสยะยิ้ม แสดงสีหน้าเยาะเย้ยเต็มที

“คุณหนูสามฉู่ รัชทายาททรงยุ่งเรื่องราชกิจ มีเวลามาจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ซะที่ไหน”

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ!

นี่คือพิธีที่สำคัญที่สุดของหญิงสาว เขาจะบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร

ฉู่เซียนหมิ่นเคยจินตนาการถึงงานแต่งเข้าจวนรัชทายาทนับครั้งไม่ถ้วน มันควรจะเต็มไปด้วยมวลดอกไม้บานสะพรั่งมีชีวิตชีวาและดูยิ่งใหญ่อลังการ! ไม่ใช่งานเรียบง่ายอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันเรียบง่ายเกินไปจนดูน่าเกลียดจริงๆ!

ในเวลานี้นางตระหนักได้ชัดเจนว่านางเป็น “นางสนม!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์