ด้านล่างของหอคอยจิ่วโยวคือเทียนหยวนฝูต้งหรือขุมพลัง ด้วยเหตุนี้เองที่พลังแห่งฟ้าดินในหอคอยนี้จะมีอยู่อย่างมากมายมหาศาล
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ต้องการสำหรับผู้ฝึกยุทธ์สำหรับผู้ฝึกยุทธ์เพราะสามารถทำให้บรรลุขั้นได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับสัตว์อสูรมันกลับตรงกันข้าม!
เทียนหยวนฝูต้งเป็นขุมทรัพย์แห่งพลังธรรมชาติที่มาจากฟ้าและดินซึ่งมีความแข็งแกร่งอย่างมาก กระนั้นก็ยังมีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่มากมาย หากดูดซับมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์และอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ผู้ฝึกยุทธ์สามารถขับสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในร่างกายได้หลายวิธี แต่สัตว์อสูรกลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากสัตว์อสูรส่วนใหญ่มีลักษณะนิสัยที่ดุร้ายโหดเหี้ยม เทียนหยวนฝูต้งจึงมีผลกระทบกับพวกมันมากกว่า ยิ่งถ้าหากอยู่ที่นี่นาน พวกมันจะเสียสติคลุ้มคลั่งได้ง่ายๆ และอาจถึงกับระเบิดตัวเองตายในที่สุด
หอคอยจิ่วโยวสร้างขึ้นทับเทียนหยวนฝูต้ง เป็นไปได้อย่างไรที่จะเลี้ยงสัตว์อสูรเอาไว้ในที่แห่งนี้
ลายลักษณ์อักษรที่ปรากฏบนหยดน้ำหายไปอย่างรวดเร็ว และมันก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น
แม้ว่าความคิดนี้จะดูตีความเป็นวงกว้าง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนางถึงมั่นใจไปหลายส่วน
เมื่อครู่นี้ตอนที่นกอินทรีตัวนั้นลืมตา นางยืนยันได้ว่านั่นคือพลังปราณของสัตว์อสูรจริงๆ
ทว่า…เหตุใดทางสำนักถึงต้องทำเช่นนี้
ไม่ว่าจะเป็นเพราะสำหรับสัตว์อสูรตัวนั้น หรือสำหรับนักเรียนที่ฝึกอยู่ในหอคอย แต่นี่ถือเป็นการซ่อนเร้นภัยอันตรายเป็นอย่างยิ่ง!
แล้วซือฝุในฐานะหัวหน้าสำนักจะทราบเรื่องนี้หรือไม่
…
ณ จวนหลีอ๋อง
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายของตนหายตัวไปทั้งคืนกลับมาแล้ว อวี๋มั่วก็รีบไปต้อนรับเขา
“องค์ชาย เสด็จกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวพยักหน้าตอบและวันนี้เขาก็มีสีหน้าผ่อนคลาย
อวี๋มั่วมองรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของเขาแล้วก็แอบแปลกใจ
ตราบใดที่ช่วงนี้ยังมีคนผู้นั้นอยู่ นายท่านก็มักจะอารมณ์ดีได้เสมอ ไม่ยอมนางไม่ได้จริงๆ!
“ดูเหมือนว่าเมื่อคืนองค์ชายจะทรงพักผ่อนเต็มอิ่มแล้ว”
คิ้วคมเข้มของหรงซิวขมวดเล็กน้อย
“เมื่อวานที่จวนยังครึกครื้นดีใช่หรือไม่”
อวี้มั่วโค้งศีรษะลง
“พ่ะย่ะค่ะ อีกฝ่ายส่งคนกลุ่มหนึ่งมาที่นี่ และต้องการบุกเข้าไปในห้องบรรทมขององค์ชายเพื่อสืบค้น แต่พวกเราได้ไล่พวกเขาไปหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นหน่วยกล้าตายหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ เหมือนพวกที่มาเมื่อสองวันก่อน ไม่กลัวตายกันเลยสักนิด เมื่อเห็นว่าภารกิจล้มเหลว พวกเขาจึงชิงกินยาพิษฆ่าตัวตายเสียก่อน แต่มีคนหนึ่งที่ยังไม่ตาย ตอนนี้ถูกขังเอาไว้แล้ว เมื่อคืนเยี่ยนชิงสอบสวนทั้งคืนและทรมานเค้นคำตอบอยู่หลายวิธี ในที่สุดคนนั้นถึงยอมคายเบาะแสบางอย่างออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวชะงักฝีเท้า
“อ้อ”
อวี๋มั่วกระซิบเสียงเบา
“เป็นคนขององค์ชายรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวหัวเราะ
“หลายปีแล้วยังใช้ลูกไม้เดิมๆ อีก เขาไม่เหนื่อย แต่ข้าเบื่อแล้วล่ะ”
อวี๋มั่วลังเลถาม
“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จะเสด็จไปดูคนนั้น…”
“พี่สามยังอยู่เมืองหลวงใช่หรือไม่” จู่ๆ หรงซิวก็เอ่ยถาม
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงตรัสว่าองค์ชายสามกรำศึกที่ชายแดนอย่างหนักและลำบากมาก ตอนนี้สงครามสงบแล้ว อีกทั้งองค์ชายสามก็ถึงวัยที่ต้องอภิเษกแล้ว ฝ่าบาทจึงมีพระประสงค์ให้องค์ชายสาม…ประทับที่เมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวหัวเราะเบาๆ
หรงจิ่วนำทัพชนะสงครามที่ซีเป่ย ตอนนี้ชื่อเสียงของเขากำลังเป็นที่เลื่องลือ เสด็จพ่อจะปล่อยให้เขากลับไปอย่างสบายใจได้อย่างไร
ให้อยู่ที่เมืองหลวงถึงจะปลอดภัยที่สุด
“ข้ากลับมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมพี่สามเลย ให้เยี่ยนชิงพาคนไป ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้พี่สาม”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
หรงจิ่วเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่ยังเยาว์วัยและอยู่ข้างนอกมานานหลายปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามักจะอยู่ในวังหลวงแค่ไม่กี่วันแล้วก็ออกทัพไปอีก
เมื่อเขากลับมาในครั้งนี้ จักรพรรดิจยาเหวินกล่าวว่าเขาอายุมากพอที่จะต้องออกจากวังแล้ว ดังนั้นฝ่าบาทจึงเตรียมจวนสำหรับเขาไว้นอกวังเป็นพิเศษ
ขนาดของจวนนี้จริงๆ แล้วมีขนาดใกล้เคียงกับจวนหลีอ๋องของหรงซิว แต่พระองค์ยังไม่ทรงแต่งตั้งตำแหน่งอ๋องใดๆ ให้อย่างเป็นทางการสักที
เดิมทีหรงจิ่วยังพอมีความหวังอยู่บ้าง แต่หลังจากที่รอวันแล้ววันเล่า จักรพรรดิจยาเหวินกลับให้เขารอคอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็พอจะเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่งตั้งตำแหน่งอ๋องเป็นเรื่องเล็ก การที่ขังเขาไว้ที่เมืองหลวงต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่!
กองทัพซีเป่ยเชิญเขากลับไปอยู่ตลอดเวลา แต่หรงจิ่วรู้ดีว่าครั้งนี้คงเป็นไปได้ยากแล้ว
เมื่อคิดอย่างปลงตกในเรื่องนี้แล้ว เขาก็สงบนิ่งลงมาได้ แล้วใช้ชีวิตในเมืองหลวงอย่างสงบสุขต่อไป ราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นความหวาดระแวงของผู้เป็นบิดาเลยสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์