ถวนจื่อผู้ถูกทิ้งกลางคัน “…”
นายหญิง เจ้าพูดอันใดผิดไปหรือเปล่า? หือ?
เจ้ามิได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ ใช่หรือไม่!?
ถวนจื่อยึดมั่นในความหวังสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆ หันศีรษะไปมองอย่างกล้ำกลืน และพอสบตากับฉู่หลิวเยว่ มันก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ฉู่หลิวเยว่ส่งสายตาอับจนระคนเสียใจกลับมา
ต้องขอโทษจริงๆ นะ!
เพราะสัญชาตญาณของนางบอกว่า เรื่องนี้มันร้ายแรงมาก! มากเกินกว่านางจะรับไหวแน่ๆ!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเหล่าผู้อาวุโสในตอนนี้แล้ว หากนางไม่ยอมยื่นหมูยื่นแมวล่ะก็ เกรงว่านางคงโดนเชือดเสียเองแน่!
ฉู่หลิวเยว่คิดทบทวน นางไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะสู้รบปรบมือกับผู้อาวุโสสามคนนี้
ฉะนั้นแล้ว…ยอมเสียหนึ่งรอดหนึ่งจะดีกว่า!
นางหิ้วปีกของถวนจื่อแล้วยื่นมันไปข้างหน้า ใบหน้าง้ำงอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ดูจริงจังมากเช่นกัน
“ทั้งหมดเป็นเพราะศิษย์ไม่อยู่ในระเบียบวินัย ทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ แต่พละกำลังของศิษย์ยังด้อยนัก เมื่อครู่จึงมิอาจห้ามปรามมันได้จริงๆ…”
อย่างใดเสีย กษายะหางวายุก็เป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ หากมันยืนกรานจะทำอันใดสักอย่าง แน่นอนว่าแค่จอมยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นต้นคนหนึ่ง ย่อมหยุดยั้งมันไม่ได้อยู่แล้ว
ผู้อาวุโสทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน
ตอนนั้นพวกเขาเองก็เห็นเต็มสองตาว่า แท้จริงแล้วกษายะหางว่ายุตัวนี้บินถลาออกไปเอง
ต่อให้ฉู่เยว่จะห้าม ก็ห้ามไม่ทัน
“แต่มันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธะสัญญาของเจ้า”
ผู้อาวุโสเหวินซีเอ่ยปาก
“เจ้าเองก็ต้องรับโทษด้วย!”
ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกวูบ
“ตั้งแต่วันนี้ เจ้าจะถูกกักบริเวณบนเขาเฝิงหมินเป็นเวลาหนึ่งเดือน!”
เขาเฝิงหมินหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ขบกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
ไม่กี่วันมานี้ นางใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาเรื่องของสำนักวิชา และเริ่มเข้าใจสิ่งต่างๆ ในสำนักมากขึ้น แต่นางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลย…
“หนึ่งเดือนหรือ? นั่นมันนานเกินไปหรือเปล่า?…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงถามยังลังเล
“แล้วเด็กนี่ก็ยังเป็นศิษย์คนใหม่ยังเป็นเด็กฝึกงานคนใหม่ของวั่นเจิงอีก…”
ไอ้แก่นั่นไม่ได้รับศิษย์มาหลายปีแล้ว ยากมากที่จะมีใครเข้าตาเขาอย่างวันนี้ แน่นอนว่าเขาต้องปฏิบัติกับศิษย์ผู้นี้ดั่งสมบัติล้ำค่า
และถ้าสั่งกักบริเวณศิษย์ของเขาหนึ่งเดือนจริงๆ ไอ้แก่นั่นได้อาละวาดแน่ๆ
ผู้อาวุโสเหวินซีหยุดชะงัก
“เช่นนั้นก็สิบวัน! ลดทอนกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
คราวนี้ผู้อาวุโสอีกสองคนไม่คัดค้าน
ผู้เฒ่าเหวินซีใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ ตัวของถวนจื่อ
ถวนจื่อกอดมือของฉู่หลิวเยว่ไว้แน่น
“ยามนี้หัดรู้จักกลัวแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสเหวินซียิ้มเยาะเบาๆ
“หลังจากนี้ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้ากล้าทำแบบนี้อีก…”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างขึงขัง
ผู้เฒ่าเหวินซีหัวเราะเหอะ
“เจ้าอีกคน! เพิ่งเข้ามาวันแรกก็สร้างปัญหาเช่นนี้เสียแล้ว!”
เหตุใดก่อนหน้านี้เขาถึงมองว่าเด็กนี่ซื่อสัตย์และว่านอนสอนง่ายกันนะ?
ฉู่หลิวเยว่ก้มหัวลงฟังคำเทศนาของผู้อาวุโส
ขณะเดียวกัน สีสันของท้องฟ้าก็พลันสว่างขึ้นทีละนิด นางยืนเอามือแนบข้างลำตัวและก้มหน้าลงเล็กน้อย จนเห็นเพียงแพขนตาหนาที่กำลังสั่นไหว และเรียวคางมนขาวเนียน
มองแล้วราวกับกำลังตั้งใจฟังคำสั่งสอนอย่างเงียบเชียบ
ทำให้ผู้อาวุโสเหวินซีพูดไม่ออกไปชั่วขณะ และจำต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงไป
อันที่จริงพอถึงตอนนี้เขาเองก็มองออกว่าเด็กคนนี้มิใช่คนหัวอ่อนอย่างที่คิด
แต่ทว่า…
ด้วยท่าทางสำนึกผิดเช่นนี้ ทำให้เขามิอาจตำหนิต่อไปได้
“แค่นั้น”
ผู้อาวุโสเหวินซีโคลงศีรษะเบาๆ
นั่นคือภาพของผู้อาวุโสของสำนักท่านหนึ่ง ที่กำลังพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งเหาะเหินไปในอากาศผ่านลานฝึกเล็กๆ ไป แล้วร่อนลงบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของจอมยุทธ์
ภูเขาลูกนั้นค่อนข้างห่างไกลจากผู้คน แม้แต่ศิษย์จากแขนงจอมยุทธ์เองก็ยังไม่ค่อยได้ไปเยือนที่นั่น
แต่ประเด็นก็คือ ภูเขาลูกนั้นมีค่ายกลที่แข็งแกร่งมากปกคลุมอยู่ ทำให้คนภายนอกมิสามารถบุกเข้าไปได้ง่ายๆ
ทว่าตอนนี้ จู่ๆ ทั้งสองคนก็เข้ามาในอาณาเขตของพวกเขา แน่นอนว่ามันย่อมดึงดูดความสนใจจากผู้คนไม่มากก็น้อย
“ผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นใคร? ไฉนข้าถึงไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย?”
“เจ้าเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน แน่นอนว่าเจ้าย่อมไม่รู้! ท่านผู้นั้นเป็นหนึ่งในช่างหลอมอาวุธผู้เก่งกาจเพียงไม่กี่คนของสำนักวิชา…หรือก็คือผู้อาวุโสโอวหยาง!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกไป ก็เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ฝูงชน
“ช่างหลอมอาวุธหรือ?”
“ไหนเจ้าว่าปกติพวกเขาไม่ค่อยปรากฏตัวมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจู่ๆ วันนี้ถึง…เดี๋ยวก่อน! ไอ้หนุ่มที่อยู่ข้างเขาหน้าคุ้นๆ นะ?”
“โอ้! เขาเหมือน…เหมือนคนที่ชื่อฉู่เยว่? เมื่อวานตอนประเมินศิษย์แขนงเซียนหมอ ดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ดีมากเลยล่ะ!”
“ศิษย์ฝั่งเซียนหมอหรือ เหตุใดถึงมาที่นี่พร้อมกับผู้อาวุโสฝั่งช่างหลอมอาวุธกันล่ะ…”
ขณะเดียวกัน หลัวซือซือและโจวเซิงที่แทบจะไม่ได้นอนตลอดคืนก็ได้รับการปล่อยตัว หลังจากที่ผู้อาวุโส
เหวินซีอนุญาตให้พวกเขากลับมาเรียนได้ตามปกติ
เมื่อได้ยินบทสนทนาจากคนรอบข้าง ทั้งสองก็ตกใจ พลันมองหน้ากันแล้วหันไปมองภาพตรงหน้า!
ก่อนจะเห็นร่างสองร่างที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศบริเวณด้านหน้าภูเขาอีกลูกหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
นั่นมัน…ฉู่เยว่ที่ถูกขังอยู่บนเขาหมื่นเมรัยเมื่อคืนมิใช่หรือ!?
“เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด?!”
ทั้งสองคนตกตะลึง
ก่อนหน้านี้พวกเขารออยู่ที่บ้านพักของผู้อาวุโสเหวินซี และหลังจากรอมานาน ในที่สุดพวกผู้อาวุโสเหวินซีก็กลับมา
เดิมทีเขาคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะกลับมาพร้อมกับพวกเขา แต่หลังจากสอบถามคร่าวๆ ผู้อาวุโสทั้งสองกลับมีสีหน้าแปลกๆ ชอบกล และบอกแค่ว่าฉู่เยว่ปลอดภัยดี ทำให้พวกเขาวางใจและยอมกลับมา
แถมพวกเขายังคิดว่าฉู่เยว่กลับไปที่พักของตัวเองแล้วด้วย
แต่ใครจะรู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่!?
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากฝูงชน
“ความจริงแล้วภูเขาเฝิงหมินนั้นมีไว้สำหรับลงโทษและกักขังศิษย์ที่กระทำผิดร้ายแรง เจ้าเด็กใหม่นามฉู่เยว่นั้นไปก่อเรื่องอันใดมากันแน่ เพิ่งเข้าสำนักวันที่สองก็ถูกจับขังแล้วหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...