เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1170

หลิ่วจื่ออันหายใจติดขัดอยู่ในอก อีกนิดเขาก็แทบจะพุ่งตัวเข้าไปถ่มน้ำลายรดหน้าไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามอยู่แล้ว

เหอะ!

มันยังมีหน้ากล้ามาพูดเช่นนี้อีกหรือ?

ไหนจะให้เขาเรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีก…

หากว่าสิ่งที่เขาทำพันธะด้วยก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ เขาย่อมไม่มีอันใดให้ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว!

ทว่าในใต้หล้านี้ไฉนจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์มากมายกลาดเกลื่อนปานนั้นกันได้เล่า!?

กระทั่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นของหลิ่วอินถง เจ้าตัวเองก็ล้มลุกคลุกคลานกันไปเท่าไรกว่าจะได้มันมาครอบครอง!

อีกทั้งก่อนหน้านี้ เจ้าตัวนั้นของนางก็แพ้ให้กับฉู่เยว่ไปแล้วด้วย!

หากมิใช่ว่าเพราะพนันโอสถครานั้น เรื่องวุ่นวายยุ่งเหยิงทั้งหมดในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!

พอมาอยู่ต่อหน้าอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่โหดร้ายและดิบเถื่อนเช่นนี้ สัตว์อสูรระดับเก้าในพันธสัญญาของเขาสู้ไปสักสามกระบวนท่าก็คงไม่ไหวแล้ว!

“อย่างใดเสียข้าก็ไม่ยอมรับ! การประลองครั้งนี้ต้องมีพวกเราสู้กันเพียงสองคนเท่านั้น!”

รอยยิ้มบนดวงหน้าของฉู่หลิวเยว่จางลงไปหลายส่วน

สีหน้าของนางจางหายไป พลันปรากฏแรงกดดันมหาศาลเย็นเยียบสายหนึ่งคล้ายมีคล้ายไม่มีแผ่ขยายไปทั่วอาณาบริเวณ

ชั่วพริบตา สุ้มเสียงเย็นยะเยือกไร้อารมณ์ก็แว่วผ่านเข้ามาในหู

“ข้าบอกว่า เราจะประลองกันแบบนี้ไง”

หลิ่วจื่ออันสบเข้ากับนัยน์ตาสีหยกนิลดุจเกล็ดน้ำแข็งบริสุทธิ์ที่สงบนิ่งคู่นั้น ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกเย็นวาบแล่นผ่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ยามอยู่ภายใต้การจับจ้องของดวงตาคู่นั้น เขารู้สึกว่าตนนั้นตัวหดเล็กลงอย่างบรรยายไม่ถูกจนน่าขัน ในใจพลันบังเกิดความยำเกรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

เขาถึงกับตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง

เด็กหนุ่มอายุไม่กี่สิบปี เหตุใดถึงมีสายตาเช่นนี้ได้กัน?

เขาคิดที่จะโต้เถียงกลับไปต่อ ทว่ามิรู้ด้วยเหตุใด คำพูดเหล่านั้นกลับติดอยู่ในลำคอ จะอย่างใดก็พูดออกมาไม่ไหว

เขากัดฟันกรอด

“ก็ได้! ประลองก็ประลอง!”

ตราบใดที่ใช้สัตว์อสูรในพันธสัญญาถ่วงเวลาเจ้ากษายะหางวายุตัวนั้นเอาไว้ให้ได้ก่อน แล้วเขาที่อยู่ฟากนี้จะรีบเข้าไปจัดการฉู่เยว่อย่างรวดเร็ว หากเป็นแบบนี้ต้องชนะแน่!

“วิหคอนิลวาฏกะ!”

เขาตะโกนออกมาเสียงดังสนั่น พลังปราณดั้งเดิมจากทั่วทั้งร่างปะทุพวยพุ่งขึ้นมา!

เหนือศีรษะของเขา พลันปรากฏอสูรวิหคตัวใหญ่มหึมาโผล่ออกมาอย่างว่องไว!

บนร่างของอสูรวิหคตัวนั้นประดับด้วยหลากสีสันที่สวยสดงดงามนัก สีชูโรงหลักบนตัวของมันคือสีน้ำเงินเข้ม บนศีรษะของมันมีขนนกสีขาวประดับอยู่เก้าเส้น พร้อมด้วยดวงตาสีอำพันคู่นั้นที่แฝงด้วยแววเฉื่อยชา

สัตว์อสูรระดับเก้าเลยเทียว!

ความจริงแล้วสัตว์อสูรระดับเก้านั้นมีระดับที่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่าในสำนักหลิงเซียวอันเป็นสถานที่ที่มีบรรดาอัจฉริยะและผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้ามารวมตัวกันเช่นนี้ มันกลับดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนจะธรรมดาไปโดยปริยาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่ต่อสู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงเสียงจริง!

…กษายะหางวายุที่มีพลังสายเลือดแข็งแกร่งอย่างมหาศาล!

ถวนจื่อค่อยๆ ปรือตามองขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน

บางทีอาจเป็นเพราะมันไปดูดซับเอาพลังของทัณฑ์สวรรค์มา ฉู่หลิวเยว่มักรู้สึกว่าลมปราณบนตัวของมันนั้นดูจะต่างจากก่อนหน้านี้ไปอยู่บ้าง

นัยน์ตางดงามชวนหลงใหลคู่นั้นของถวนจื่อกวาดมองดูรอบๆ เบาๆ รอบหนึ่ง

ในแววตาของวิหคอนิลวาฏกะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันปรากฏแววหวาดผวาสายหนึ่ง

นั่นย่อมเป็นแรงกดดันมหาศาลอันเฉียบขาดของสายเลือดมันเป็นแน่แท้!

หลิ่วจื่ออันเองก็ย่อมรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อันซับซ้อนของสัตว์อสูรในพันธะของตน ก็เป็นอดรนทนไม่ได้จนโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเก่า

“ไป!”

เขาตะโกนเสียงก้อง!

ขอเพียงสกัดกั้นเจ้ากษายะหางวายุตัวนั้นได้แม้เพียงชั่วครู่เดียว เขาที่อยู่ฟากนี้ย่อมต้องสามารถจัดการกับฉู่เยว่ได้แน่!

ทางฝั่งวิหคอนิลวาฏกะแม้จะหวาดกลัวนัก ทว่าเมื่อเป็นคำสั่งของเจ้านายมันกลับขัดขืนหาได้ไม่

ปีกทั้งสองของมันสั่นกระพือ แล้วบินพุ่งทะยานไปยังด้านหน้า!

เขาจะต้องลงมือให้ฉับไวที่สุดเท่าที่จะทำได้!

ฉู่หลิวเยว่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม นางก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวเล็กน้อย เข่าทั้งสองข้างงอลงนิดหนึ่ง

นางงอแขนของตน ก่อนจะดึงรั้งมันไปไว้ด้านหลังแล้วรวบรวมพลัง กำปั้นค่อยๆ กำรวมเข้าหากันแน่น!

เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่านี่เป็นท่าเคลื่อนไหวธรรมดาสามัญที่สุด ทว่าที่นางกำลังทำอยู่นี้ดูไหลลื่นสบายตาอย่างหาสิ่งใดเปรียบมิได้

จนดูเหมือนว่าร่างกายของนางตั้งแต่หัวจรดเท้าเคลื่อนไหวประสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบชะงัดนัก!

ด้านหน้าของนาง หมัดของหลิ่วจื่ออันมาหยุดอยู่ตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

แรงกดดันมหาศาลอันน่าหวาดผวาจนเย็นวาบทั่วกายถูกเงื้อขึ้นเหนือเรือนผมของนาง เสื้อผ้าอาภรณ์ส่งเสียงสะบัดพลิ้ว!

พละกำลังอันน่าตื่นตระหนกนี้แทบทำให้ใครต่อใครบังเกิดความสงสัยว่า หากหมัดนี้กระแทกเข้าหน้าอีกฝ่ายอย่างจัง จะทำให้ศีรษะของอีกฝ่ายแตกเละไปเลยหรือไม่!

สีหน้าของฉู่หลิวเยว่พลันปรากฏแววเย็นเยียบขึ้นมาสายหนึ่ง

นางจ้องเขม็งไปยังหลิ่วจื่ออันที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่มีสักนิดถึงความกริ่งเกรงในแววตา!

ทันใดนั้นเอง หมัดหนึ่งก็ถูกส่งออกไปอย่างไร้ความลังเล!

เป็นหมัดที่เรียบง่ายที่สุด! และทื่อตรงที่สุด!

พลั่ก!

หมัดทั้งสองปะทะเข้าหากัน!

แกร๊ก!

เสียงกระดูกแตกหักดังลั่นขึ้นมา!

ชั่วขณะต่อมา สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องของหลิ่วจื่ออันก็พลันสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดนับคณาเหลือแสน!

อีกทั้งในตอนนั้นเอง นัยน์ตาของผู้อาวุโสวั่นเจิงที่ยืนอยู่บนหอระฆังบูรพกษัตริย์พลันหดลง! เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มือข้างหนึ่งของเขากำราวเอาไว้แน่น!

วิถีหมัดเช่นนี้…เขาเคยเห็นมันมาก่อน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์