เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1196

ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งนั้น ลำแสงสีทองก็ระเบิดขึ้น!

แสงสีทองสว่างวาบ! ฟ้าดินสว่างไสวราวกับเวลากลางวัน!

แสงเจิดจ้าปกคลุมบริเวณโดยรอบ!

อาณาเขตเซียนเทพที่แข็งแกร่งได้ปกคลุมแล้ว!

คนเหล่านั้นยังไม่ทันได้ประมือกับหรงซิวก็ถูกขังเอาไว้ในอาณาเขตเซียนเทพ!

โดยจิตใต้สำนึกแล้ว พวกเขาต้องการแสดงพลังอาณาเขตเซียนเทพของตนเองเพื่อป้องกันการขัดขืน แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องพบว่า ลำแสงสีทองที่ปกคลุมภายในอาณาเขตเซียนเทพนั้นได้ยับยั้งพลังของพวกเขา คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สามารถแสดงอาณาเขตเซียนเทพของตนเองได้เลย!

แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวก็ทำได้ยากยิ่ง!

เขาเป็นคนมีอำนาจชี้ต้นตายชี้ปลายเป็น แต่ข้าเองเนื้อบนเขียง!

หากไม่สามารถหาหนทางหลุดพ้นออกจากที่นี่ได้ พวกเขาก็ต้องหยุดอยู่ตรงนี้ รอรับการโจมตีของหรงซิว!

ความจริงแล้วจินเหลยไม่มีแก่ใจจะมาต่อสู้กับหรงซิวอีกแล้ว

อาณาเขตเซียนเทพสองชั้น…ไม่ว่าใครที่เผชิญหน้ากับเขาก็จะเจอแต่ทางตัน และนั่นคือความตาย!

เขาพยายามออกแรงอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะถอยหนี แต่ว่ามันสายเกินไปแล้ว

จากระยะห่างระหว่างพวกเขา และหรงซิวนั้นเดิมทีก็ใกล้มากอยู่แล้ว เมื่อครู่เขาบุกขึ้นไปเป็นคนหน้าสุด หากตอนนี้จะถอยก็ไม่ทันการณ์แล้ว

เมื่อเทียบกับหลายคนที่มีสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หรงซิวที่ยืนอยู่ตรงกลางกลับผ่อนคลายเป็นพิเศษ

ดวงตาของเขาดำมืด อากาศที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ ยุบตัวลงไปทีละส่วน!

ระลอกคลื่นเหล่านั้นกำลังจะกระทบกับตำแหน่งของพวกเขาแล้ว!

ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบคม ก็สามารถมองออกทั้งนั้น ตอนนี้ขอเพียงเขาต้องการ ก็สามารถเอาชีวิตของคนเหล่านั้นได้เลย!

ไม่เพียงแต่จินเหลย และคนอื่นๆ เท่านั้นที่ตกตะลึง ผู้คนที่ต่อสู้ในระยะไกล ก็สามารถสังเกตถึงความเคลื่อนไหวของทางนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถมองออก

ถ้าไม่มองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามองแล้วใบหน้าของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ความจริงแล้ว แม้กระทั่งผู้อาวุโสซูเฟิง และคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้หรงซิวแข็งแกร่งถึงระดับใดแล้ว

ดังนั้นเมื่อเห็นฉากนี้ พวกเขาก็รู้สึกตกใจไม่น้อยไปกว่าจินเหลย และคนอื่นๆ เลย

“เมื่อ…เมื่อครู่นี้หรงซิวยังต่อสู้กับพวกเขาอย่างยากลำบากอยู่เลยไม่ใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เล่า!?”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งอดที่จะพึมพำเสียงต่ำออกมาไม่ได้

ผู้อาวุโสซูเฟิงสะกดกลั้นอารมณ์ที่บ้าคลั่งอยู่ในใจ

“นี่ยังต้องพูดอีกหรือ? นั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้เขาได้ซ่อนพลังที่แท้จริง!”

แม้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดหรงซิวถึงเปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหัน แล้วแสดงพลังที่แท้จริงออกมา แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นั่นถือเป็นเรื่องที่ดี!

ครั้งนี้…พวกเราชนะแน่!

“ข้ายอมแพ้!”

ตอนที่อากาศกำลังจะพังทลายตรงหน้าของตัวเอง จินเหลยก็ตะโกนคำว่ายอมแพ้ขึ้นมาอย่างไม่ลังเล!

สีหน้าของเขาตึงเครียด ที่หน้าผากมีเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน

จากตรงนี้ก็สามารถเห็นได้ว่า แม้ว่าเขาจะพูดมันออกมา แต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกยินยอม เต็มใจเท่าไรนัก

เขาต้องการของวิเศษชิ้นนั้น ท้ายที่สุดแล้วมันก็คืออาวุธโบราณที่หาได้ยากยิ่งในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ต่อให้เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง ก็จะต้องไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง

แต่ก่อนหน้านั้นจะต้องใช้ชีวิตแลกมา

ถ้าวันนี้เขาจะต้องตายที่นี่จริงๆ แล้วละก็ มันจะเป็นเพียงการใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ เมื่อถึงคราวสุดท้ายคนอื่นก็จะได้เปรียบไป

จินเหลยเคยผ่านสถานการณ์มาแล้วน้อยใหญ่ แม้ว่าจะมีนิสัยกำเริบเสิบสาน บุ่มบ่าม แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญ เขาก็สามารถยืดได้งอได้

“หรงซิว! ขอเพียงแค่เจ้าหยุดมือในตอนนี้ แล้วปล่อยพวกเราไป พวกเราขอรับประกันด้วยสำนักปีกสุวรรณว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สำนักปีกสุวรรณจะไม่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับพระราชวังเมฆาสวรรค์อีกแล้ว”

จินเหลยเห็นว่าการยุบตัวของพื้นที่ด้านหน้าไม่ได้ลดความเร็วลงเลย แรงกดดันที่อยู่ตรงหน้าก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เขาก็อดที่จะกลืนน้ำลายลงไปไม่ได้ ก่อนจะเปล่งเสียงสูงขึ้นอีกครั้ง

“ข้าพูดจริงทำจริง!”

หรงซิวหัวเราะออกมา

“อ่า? จริงหรือ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าคือศิษย์สายตรงจากเจ้าสำนัก ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ข้าจะต้องทำตามอย่างที่พูดแน่นอน!”

ตอนที่จินเหลยพูดนั้นเขาสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่กำลังคุกคามเขาอยู่ ทำให้สีหน้าของเขาปรากฏความเจ็บปวดออกมา เหมือนกับถูกมีดที่แหลมคมกรีดใบหน้าของเขาอย่างต่อเนื่อง

มอบความหวังให้กับพวกเขา คิดว่าจะได้ของสิ่งนั้นมาอย่างง่ายดาย

ความจริงแล้วเขาแค่ผลาญพลัง และความอดทนของพวกเขา รอจนกระทั่งเหล่าผู้อาวุโสของสำนักหลิงเซียวมาถึง!

จนถึงตอนนี้ เขาถึงได้เปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ ยึดหลักเป็นฝ่ายได้เปรียบ อีกทั้งหากพวกเขาต้องการจะจากไป ก็ยากที่จะหลบหนีจากผู้อาวุโสจำนวนมากที่ล้อมอยู่ในตอนนี้!

ในตอนนั้นเอง ในใจของจินเหลยก็มีความรู้สึกเสียใจพวยพุ่งออกมา!

เขาใจร้อนมากเกินไป!

หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่มีทางตามมาเลย!

หรงซิวยิ้มออกมาบางๆ ถือว่าเป็นการยอมรับ

“เจ้าติดกับง่ายกว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก ท่านเจ้าสำนักปีกสุวรรณฝึกฝนอบรมเจ้ามาหลายปีอย่างยากลำบาก แล้วยังไว้ใจให้ทำภารกิจสำคัญ”

แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่คนที่ไม่มีสมอง

จินเหลยกำหมัดกรอด ภายในสมองมีความคิดมากมายนับไม่ถ้วน ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นซีดขาว หลังจากนั้นไม่นานเหงื่อก็ไหลโซมกาย

“เป็นเขาที่ยั่วยุพวกเรา!”

ทันใดนั้นเอง เสียงกล่าวหาก็ดังขึ้นที่ด้านข้าง

“เดิมทีพวกเราอยากจะแข่งขันอย่างยุติธรรมกับพวกเจ้า แต่ว่าเขานั้นคะยั้นคะยอให้ร่วมมือกับเขา! และเขาก็เป็นคนยุยงให้พวกเราไล่ตามฆ่า!”

“ถูกต้อง! เพราะเขานั่นแหละ! ทั้งหมดเป็นความผิดของสำนักปีกสุวรรณ! ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย!”

“หรงซิว! ผู้อาวุโสทุกท่าน! เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม บัญชีแค้นนี้ต้องเก็บที่จินเหลยผู้นี้แล้ว!”

ในตอนนั้น คนจากสกุลอื่นๆ ก็ทยอยกันกลับลำ สถานการณ์กลับตาลปัตร!

จินเหลยตัวสั่นสะท้านเพราะความโกรธ และหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างขื่นขม

“ยอดเยี่ยมๆ! ในเมื่อพวกเจ้าพูดออกมาเช่นนี้แล้ว ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็ไม่ต้องเกรงใจพวกเจ้าแล้ว!”

ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็ตะโกนออกมาอย่างกะทันหัน!

วินาทีต่อมา คาดไม่ถึงว่าเขาจะดิ้นรนออกจากอาณาเขตเซียนเทพของหรงซิว!

ทันใดนั้นเองผิวหนังบนร่างกายของเขาก็ปริแตก! เลือดสดๆ ไหลซิบออกมา!

ก่อนจะพุ่งตรงไปทางฉู่หลิวเยว่ที่อยู่อีกด้าน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์