เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1205

ฉู่หลิวเยว่ “…”

ถ้าไม่มีสายตาของเหล่าผู้อาวุโสที่มองตาเขม็งอยู่โดยรอบเช่นนี้ นางคงจะมีความสุขมากกว่า หากนางได้ยินคำชมเช่นนี้

นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหรงซิวจะแบกรับความผิดเหล่านั้นเอาไว้เอง!

ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในสมอง

หรงซิวน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น

ที่เขาพูดออกไปเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาช่วยปกปิดความลับของนาง

เช่นนั้น…เขารู้ตั้งนานแล้วใช่หรือไม่ว่านางสามารถเปิดค่ายกลของสำนักได้?

แต่เหตุใดเขาถึงไม่เคยพูดถึงมันมาก่อนเลยล่ะ?

ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเรื่องราวพัวพันไปเกี่ยวกับสำนัก เขามักจะท่าทางเช่นนี้เสมอ

หากนางนึกเองไม่ออก เขาก็จะไม่ได้พูดอันใดมาก

เมื่อนึกถึงบทสนทนาของพวกเขาทั้งสองคนในวันเข้าสำนัก หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

นางไม่เคยสงสัยในความจริงใจที่หรงซิวมีต่อนางเลย นางรู้ว่าที่หรงซิวทำเช่นนี้ เขาจะต้องมีเหตุผลของเขาอย่างแน่นอน

แม้ว่านางจะยังไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออันใดกันแน่

และในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่รู้ว่าการที่นางสบสายตากับหรงซิวนั้นอยู่ในสายตาของผู้อาวุโสทุกท่าน และนี่เป็นหลักฐานอันชัดเจนว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนจริงๆ

หรงซิวเคยพูดกับใครอย่างอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อนหรือไม่?

ด้วยนิสัยเย็นชา และรักสันโดษของเขา หลังจากที่เขาได้นั่งตำแหน่งโอรสสวรรค์อย่างมั่นคงแล้ว แรงกดดันก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน เมื่อกลับมาคราวนี้ แม้กระทั่งผู้อาวุโสหลายคนก็ยังต้องก้มหัวให้เขาเล็กน้อย และไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน

มีเพียงตอนที่เขาพูดคุยกับฉู่เยว่เท่านั้นที่สีหน้า และน้ำเสียงของเขาสงบอ่อนโยนกว่าปกติอย่างที่หาได้ยาก

เมื่อนึกถึงตอนที่ฉู่เยว่หมดสติลงไป เขาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที พร้อมอุ้มอีกฝ่ายในท่าเจ้าหญิงกลับที่พักของตนเอง อีกทั้งยังดูแลนางด้วยตนเอง…

สายตาของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกอันใด แต่ตอนนี้เมื่อย้อนคิดขึ้นมา มันกลับมีพิรุธอยู่ทุกที่

หรงซิวไม่ยินยอมให้เลือดของคนอื่นเปรอะเปื้อนร่างกายตนเอง แต่กลับยอมอุ้มฉู่เยว่กลับมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย…

ถ้าบอกว่าทั้งสองคนไม่รู้จักกัน นั่นถึงจะเป็นเรื่องแปลกไม่ใช่หรือ!

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนย้อนคิดไปถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ ในใจก็รู้สึกเชื่อไปแล้วแปดเก้าส่วน จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า

“เป็นเช่นนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อน…”

“เขาอยากมาที่สำนักตั้งนานแล้ว แต่ทว่าอยากทดสอบด้วยตนเอง หากเปิดเผยว่าเรารู้จักกันตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เกรงว่ามันจะไม่สะดวก”

หรงซิวอธิบายขึ้น

คำพูดเหล่านี้เหมือนจะเป็นการปฏิเสธอย่างอ้อมๆ แต่ก็ดูโอหังเช่นกัน

สำนักหลิงเซียวเป็นที่นับหน้าถือตาทั่วไป แข็งแกร่งดุจเมฆา

ในที่แห่งนี้ ไม่ว่าเจ้าจะมีภูมิหลังเป็นอย่างใด ทุกอย่างจะถูกมองข้ามไปในทันที ที่สำคัญที่สุดคือ พรสวรรค์และความสามารถของเจ้า

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ภูมิหลังจะไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดเลยจริงๆ

ถ้าทุกคนรู้ว่าฉู่เยว่รู้จักกับหรงซิวมาก่อน อีกทั้งพวกเขาทั้งสองเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น การปฏิบัติตัวของเหล่าผู้อาวุโส และศิษย์คนอื่นก็จะแตกต่างออกไป

ด้วยตำแหน่งของหรงซิวภายในสำนัก ฉู่เยว่จะได้รับความสะดวกสบายอย่างมากแน่นอน

นี่คือสิ่งที่หรงซิวพูดว่า “ไม่สะดวก”

ทุกคนต่างนิ่งอึ้งไป

เพราะว่าสิ่งที่หรงซิวพูดมานั้น พวกเขาไม่สามารถเถียงได้เลย

“เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว พวกเจ้าก็ตั้งใจปกปิดความสัมพันธ์ เพียงเพราะว่า…ให้ฉู่เยว่สามารถฝึกฝนในสำนักได้อย่างนั้นหรือ?”

แม้ว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะถามขึ้นมา แต่ความจริงแล้วเขาก็เห็นด้วยกับคำตอบนี้

หรงซิวพยักหน้าอย่างใจเย็น ก่อนจะเงียบไปสักครู่ แล้วยิ้มออกมา

“เขามีนิสัยเช่นนี้มาโดยตลอด ข้าจึงต้องปล่อยเลยตามเลย”

แม้คำพูดจะดูเป็นการกล่าวโทษ แต่น้ำเสียงกลับดูปลอบโยน และปกป้องอยู่ทุกที มีใครบ้างที่ฟังไม่ออก!

ทุกคนสามารถมองออก หรงซิวปกป้องฉู่เยว่จนถึงที่สุด!

ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แลกเปลี่ยนสายตากัน

ใครจะไปคิดเล่าว่า ความจริงจะเป็นเช่นนี้!

ในเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นเช่นนี้ ก็สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดตอนนั้นฉู่เยว่ถึงมาปรากฏตัวที่ด้านข้างหรงซิวอย่างกะทันหัน

อาวุธโบราณในการใช้เคลื่อนย้ายก็เป็นหรงซิวที่มอบให้เขา

“ฉู่เยว่ ตอนนั้นที่เจ้าเสี่ยงอันตรายออกมา ก็เพราะว่าเป็นห่วงหรงซิวหรือ?”

ผู้อาวุโสวั่นเจิงถามแทรกขึ้นมา

เฮ้อ!

เหตุใดเด็กเหล่านี้ทำให้หนักใจอยู่เรื่อย!

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว หลังจากนี้ไปเจ้าจะต้องระวังหน่อย ท้ายที่สุดแล้วครั้งนี้ก็ได้พวกเจ้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งยังสามารถนำของชิ้นนั้นกลับมาได้ ถือว่าลำบากพวกเจ้าแล้ว ครั้งนี้ก็เอาตามนี้แล้วกัน”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่ได้ตั้งใจจะลงโทษหรงซิวเพราะสาเหตุนี้ เพียงแต่คิดว่าจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของค่ายกลนั้นแล้ว

หรงซิวตอบรับหนึ่งเสียง

“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก”

“ส่วนฉู่เยว่…”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปด้านข้าง

“วั่นเจิง เขาเป็นศิษย์ของเจ้า เจ้ามีความเห็นว่าอย่างใด?”

ผู้อาวุโสวั่นเจิงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ คิ้วค่อยๆ ขมวดเป็นปม ก่อนจะจมอยู่กับความคิด

สีหน้าของเขายังดูลังเลเล็กน้อย

ความจริงแล้วทุกคนสามารถเข้าใจได้

ฉู่เยว่เป็นศิษย์ที่โดดเด่นจนสามารถดึงดูดสายตาเขาได้ แน่นอนว่าเขาจะต้องรู้สึกเอ็นดูอย่างมาก

หากลงโทษหนักไป เขาจะไม่เจ็บใจได้หรือ?

แต่ครั้งนี้ฉู่เยว่ทำเกินไปจริงๆ เขาทำผิดกฎสำนักหลายข้อ ถ้าไม่ลงโทษเลย เกรงว่าหลังจากนี้เขาอาจจะก่อความผิดซ้ำได้

ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้ศิษย์คนอื่นลอกเลียนแบบได้

ทั่วทั้งสำนักจะเกิดความวุ่นวาย!

ทุกคนรู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก พวกเขาจึงรออย่างอดทน

หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดผู้อาวุโสวั่นเจิงก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันมองทางฉู่หลิวเยว่

“ฉู่เยว่”

หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็บีบรัดแน่นขึ้น “ขอรับ”

ผู้อาวุโสวั่นเจิงชะงักไปชั่วคราว แล้วถามขึ้นอย่างยากลำบาก

“เจ้ามีพรสวรรค์ด้านค่ายกลสูงกว่าเซียนหมอใช่หรือไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์