เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1206

เมื่อสิ้นเสียงนั้น สีหน้าของทุกคนภายในห้องก็เปลี่ยนไป แล้วหันไปมองทางผู้อาวุโสวั่นเจิงด้วยสายตาประหลาดใจ

นี่มันคำถามบ้าอันใดกันแน่!

ตอนนี้ให้เจ้าคิดเรื่องบทลงโทษไม่ใช่หรือ ใครให้เจ้าถามคำถามนี้กัน?

“อะแฮ่ม!”

ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกระแอมไอออกมาเสียงดัง แล้วขยิบตาให้กับเขา

…ระวังหน่อย! นี่จะทำอันใดน่ะ!

ผู้อาวุโสวั่นเจิงเข้าใจ

แต่ก็ไม่อยากสนใจ

ตอนนี้ในสมองของเขาเต็มไปด้วยเรื่องที่หรงซิวเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้

หรงซิวสอนเขา จากนั้นเขาก็สามารถทำเป็นเลย!

หากต้องการจะทะลวงค่ายกลของสำนัก อย่างน้อยจะต้องเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลระดับเก้า!

ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่า ฉู่เยว่ผู้นี้เป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลระดับเก้าหรอกหรือ?

เขายังไม่ได้ทะลวงด่านเซียนหมอระดับเก้าเลย! เหตุใดเขาถึงกลายเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลระดับเก้าได้ล่ะ?

นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?

ผู้อาวุโสวั่นเจิงมีศิษย์ที่ตนเองอบรมอย่างบากบั่น พากเพียร แต่สุดท้ายเลี้ยงดูเขาในทางที่ผิด

ในตอนนั้นเองเขาก็สงสัยว่าตัวเองนั้นได้เลี้ยงดูศิษย์แทนที่ปรมาจารย์ค่ายกลหรือไม่!

“เจ้าเด็กน้อย รีบพูดขึ้นสิ!”

ฉู่หลิวเยว่ “…”

เหตุใดอาจารย์ถึงสามารถหาจุดบอดได้เสมอเลย?

ในที่สุดผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“คือว่า…วั่นเจิงอ่า ตอนนี้พวกเรากำลังพูดเรื่องการจัดการแก้ปัญหาของเขา เรื่องนี้เจ้าค่อยไปถามอีกที…”

“ไม่ต้องหรอก! ถามก็ถามแล้ว! รอฟังก่อนว่าเด็กคนนี้จะพูดอย่างใด!”

น้ำเสียงที่ดังขึ้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และดีใจ

แต่ผู้พูดกลับไม่ใช่ผู้อาวุโสวั่นเจิง

แต่เป็น…

“ฮวาเฟิง เจ้าจะมาเข้าร่วมเรื่องเหล่านี้เหตุใด!”

ผู้อาวุโสวั่นเจิงเห็นแววตาที่เปล่งประกายของผู้อาวุโสฮวาเฟิง เขาจะเดาไม่ออกเลยหรือว่าอีกฝ่ายนั้นคิดอันใดอยู่!

“นี่คือลูกศิษย์ของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง!”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหัวเราะคิกคัก

“ถูกต้องตอนนี้เขาเป็นลูกศิษย์ของเจ้า แต่ในสำนักไม่ได้บอกว่าศิษย์จะต้องกราบอาจารย์เพียงคนเดียวไม่ใช่หรือ? แล้วอีกอย่าง คำถามนี้เจ้าก็เป็นคนถามขึ้นมาก่อน พวกเรามาฟังคำตอบด้วยกันไม่ได้หรือไง?”

เหอะ!

เมื่อครู่นี้เหตุใดเขาถึงคิดไม่ถึงกันนะ!

มัวแต่สงสัยว่าเด็กคนนี้ทะลวงค่ายกลได้อย่างใด คาดไม่ถึงว่าจะลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ

หลังจากที่วั่นเจิงถามคำถามนั้นไปแล้ว เขาก็เพิ่งดึงสติกลับมาได้

ใช่แล้ว!

เด็กคนนี้สามารถทำเรื่องเช่นนั้นออกมาได้ นั่นหมายความว่าเขามีพรสวรรค์ด้านค่ายกลที่ไม่ธรรมดาเลยน่ะสิ!

ก่อนหน้านี้ตอนที่รับเขาเข้ามา เหตุใดถึงไม่มีความคิดที่จะทดสอบเลยนะ?

โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป!

เขาเพิ่งเข้าสำนักได้ไม่ถึงเดือน หลังจากนี้ยังมีเวลา!

บรรยากาศที่เคร่งเครียดผ่อนคลายลงเล็กน้อย

สายตาของผู้อาวุโสด้านค่ายกลจำนวนไม่น้อยมองฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็เห็นเช่นกัน

เขารู้สึกปวดหัวอย่างมาก

เขากำลังคิดว่าจะกำจัดคนเหล่านี้ออกไปอย่างใด และตอนนั้นเองที่ความคิดที่ไม่ควรมี ปรากฏขึ้นในสมอง ฉู่หลิวเยว่ก็พูดขึ้น

“เปล่า”

นางส่ายหน้า แล้วพูดออกมาอย่างตั้งใจ

“ที่ศิษย์สามารถเข้าใจค่ายกลนั้นได้อย่างรวดเร็ว และลึกซึ้ง เป็นเพราะศิษย์พี่หรงซิวสอนดี ดังนั้น…ความจริงแล้ว ความรู้ในด้านนี้ของศิษย์ค่อนข้างจะปานกลาง”

ท้ายที่สุดแล้วเวลาที่ผ่านมา ที่นางมักจะเล่นหมากกับต้าเป่า ความจริงแล้วนางกำลังฝึกฝนปรมาจารย์ด้านค่ายกลอยู่

ยิ่งไปกว่านั้นเวลาในแต่ละวันของนางนั้นถูกจัดเอาไว้จนเต็ม ไม่มีเวลาว่างสำหรับการทำสิ่งอื่น

เมื่อครุ่นคิดอีกครั้ง นางก็หันไปคารวะผู้อาวุโสฮวาเฟิง

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ใส่ใจ แต่ศิษย์มีพลังอย่างจำกัด เกรงว่าจะไม่สามารถทำสองสิ่งพร้อมกันได้”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงชะงักไป ก่อนจะครุ่นคิดอย่างหนัก

นี่เท่ากับว่า…

เวลาและพลังของคนคนหนึ่งนั้นเป็นสิ่งแน่นอน แต่ค่ายกลกับเซียนหมอ จำเป็นจะต้องใช้เวลาและสมาธิในการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ

หากทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน มันอาจจะต้องฝืนไปเล็กน้อย

“เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว หมายความว่าเจ้ายังต้องการจะฝึกฝนการเป็นเซียนหมออยู่ใช่หรือไม่?”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงรู้สึกผิดหวังขึ้นมา

เด็กที่มีพรสวรรค์ด้านค่ายกลต้องหายไปต่อหน้าต่อตา!

หากต้องยอมแพ้เช่นนี้ มันก็น่าเสียดายอย่างมาก

“ไม่เช่นนั้น…หลังจากนี้เจ้าแค่ใช้เวลาไม่กี่วันต่อเดือน มาอ่านหนังสือที่ห้องข้า เล่นหมากรุก เพื่อวิเคราะห์ค่ายกล?”

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงยังไม่อยากยอมแพ้ จึงยอมประนีประนอม แล้วมองไปยังฉู่หลิวเยว่อย่างมีความหวัง

หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น

ดูแล้วมีบางคนจะโดนหลอกเป็นครั้งคราว ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

ตัวเองรีบร้อนมากขนาดนี้ คนอื่นจะสามารถชักชวนได้อย่างใด?

เหมือนว่าก่อนหน้านี้จะยังขาดทุนไม่พอหรือ…

“หึๆ ฮวาเฟิง ฉู่เยว่พูดมาขนาดนี้แล้ว เจ้าน่ะ ยอมแพ้เสียเถอะ! ไม่ว่าจะพูดอย่างใด เจ้าก็ต้องเคารพความเห็นของเด็กใช่หรือไม่?”

เมื่อแน่ใจแล้วว่าลูกศิษย์ของตนเองจะไม่หนีหายไป ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็อารมณ์ดีมากขึ้น

“ปล่อยให้เขาหลอมโอสถไปไม่ดีหรือ? หากถูกเจ้าลากไปยังสำนักค่ายกล สุดท้ายแล้วมันก็จะเหมือนกับก่อนหน้านี้ ค่ายกลทุกส่วนของสำนัก…”

เขายังพูดไม่ทันจบ ผู้อาวุโสวั่นเจิงตระหนักได้ว่าตนเองนั้นหลุดพูดผิดไป จึงรีบหยุดชะงักทันที

ผู้อาวุโสฮวาเฟิงก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งสันหลัง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์