ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 121

ลู่เหยาราวกับคนน้ำท่วมปาก

ในตระกูลลู่นางมีสถานะเป็นเพียงลูกอนุภรรยา ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตอะไร เดิมทีคิดว่าในอนาคตหากฉู่เซียนหมิ่นได้รับแต่งตั้งเป็นพระชายารัชทายาท พวกเขาคงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิมมาก แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องราวมันกลับตาลปัตรอย่างในวันนี้

ฉู่หลิวเยว่หันหลังกลับไปอย่างสง่างาม

“ลาล่ะ”

ผู้อาวุโสตะโกนลั่นด้วยความโมโหอย่างอดมิได้

“ปิดประตู!”

เมื่อทุกคนพากันกลับเข้าไปในจวนกันหมดแล้ว เขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม

“ไป ไปบอกผู้อาวุโสในตระกูลฉู่ทุกคนให้พวกเขามาที่ห้องโถง สงสัยวันนี้ข้าคงจะได้ชำระบัญชีของตระกูลฉู่ให้สะอาดเสียที!”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ไม่ลืมหันไปมองลู่เหยาที่เหมือนวิญญาณออกจากร่างไปนานแล้ว

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉู่เยี่ยน ไปเรียกมันมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”

“ขอรับ!”

ลู่เหยาเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยใบหน้าขาวซีดราวกับผีก็มิปาน

ณ สำนักเทียนลู่

“พวกเจ้าได้ยินข่าวหรือยัง เมื่อวานฉู่หลิวเยว่ไปอาละวาดถึงตระกูลฉู่น่ะ!” คนทั้งตระกูลฉู่ตกใจขวัญหนีดีฝ่อกันหมดเลย!”

“แต่ข้ากลับได้ยินมาว่าฉู่หลิวเยว่แค่กลับไปเอาของของพวกเขาสองพ่อลูกเอง แล้วยังมีสินสอดทองหมั้นของแม่นางอะไรพวกนั้นอีก…จะว่าไปแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกเลยนี่นา ใช่หรือไม่”

“เหอะ ไม่มีอะไรหรือ ข้าจะบอกให้คนตระกูลฉู่ไม่คิดกันเช่นนี้หรอก เจ้ารู้หรือไม่เมื่อวานฉู่หลิวเยว่เอาสมบัติและเงินทองในตระกูลฉู่ไปตั้งเท่าไหร่ นี่มันเป็นการกรีดเนื้อขูดเลือดกับตระกูลฉู่ชัดๆ!”

“แต่ข้าว่าฉู่หลิวเยว่ก็ใจเด็ดดีเช่นกัน ยังดีที่นางเกิดและโตในตระกูลฉู่ ยามนี้ได้ลืมตาอ้าปากแล้ว เป็นคนลืมตัววัวลืมตีนไม่ว่า แถมยังไปขอแบ่งมรดกมากมายถึงเพียงนั้นจากตระกูลฉู่อีก…ตำแหน่งหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของตระกูลฉู่เดิมทีก็สั่นคลอนอยู่แล้ว คราวนี้เกรงว่าคงผีซ้ำด้ำพลอยเข้าไปอีก

“คนเช่นนี้ ข้าว่าอย่าไปข้องเกี่ยวเสียจะดีกว่า…”

บรรดานักเรียนที่หยุดพักหนึ่งวันได้กลับมาที่สำนักแล้วพากันจับกลุ่มซุบซิบนินทา

เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกขบขันและลือกันไปทั่วจนยากที่จะไม่มีผู้ไม่รู้

“พวกเจ้าคุยเรื่องใดกันน่ะ!”

เสียงใสเจื้อยแจ้วของหญิงสาวดังขึ้นขัดจังหวะพวกที่กำลังจับกลุ่มนินทากันอยู่

เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าเป็นมู่หงอวี๋พอดี

พอคนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นนางก็นึกหวั่นเกรงขึ้นมาทันที

มู่หงอวี๋เป็นผู้หญิงขี้โมโหร้าย ทั้งยังมีพลังความสามารถและยากที่จะต่อกรกับนาง

ที่สำคัญคือ นางมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาเพราะนางเป็นถึงพระธิดาพระองค์เดียวของผิงเจียงอ๋องและสถานะที่แท้จริงของนางคือท่านหญิงหย่งผิง

แม้ว่านางจะไม่ใช่องค์หญิง แต่สถานะของนางก็สูงส่งทัดเทียมเช่นกัน

“ทำไมไม่พูดต่อล่ะ ข้าเห็นพวกเจ้ากำลังคุยกันได้อรรถรสอยู่พอดีเลยนี่นา”

มู่หงอวี๋ยกเท้าก้าวไปข้างหน้าและกวาดสายตามองพวกเขาไปรอบๆ ด้วยความสนใจ

แม้ว่าใบหน้าจะเปื้อนรอยยิ้ม แต่ทุกคนกลับฟังออกว่ามีความข่มขู่ปนในน้ำเสียงของนาง

“เอ่อคือ…เอ่อ…หงอวี๋ พวกข้าก็แค่พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรหรอกน่า!”

“ใช่ๆ!”

มู่หงอวี๋กอดอกเชิดคางแล้วพูดเสียงใส

“ข้าได้ยินเรื่องที่พวกเจ้าพูดเมื่อกี้นี้เต็มสองหู ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะว่าฉู่หลิวเยว่คือสหายของข้ามู่หงอวี๋ ต่อไปหากข้าได้ยินพวกเจ้านินทาว่าร้ายสหายของข้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีก็แล้วกัน!”

บรรยากาศพลันเงียบสงัด

ทุกคนต่างมองหน้ากันอึ้งๆ และคิดไม่ถึงว่ามู่หงอวี๋จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา

สหาย…นางทันไปเป็นสหายกับฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

และฉู่หลิวเยว่ที่กำลังเดินเข้ามาก็ทันได้ยินประโยคนี้พอดี

นางหยุดฝีเท้าแล้วมองมู่หงอวี๋ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์