ที่แห่งนั้นคือหน้าผาแห่งหนึ่ง
บนหน้าผามีศาลาแปดเหลี่ยม
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
สถานที่แห่งนี้ช่างคุ้นตาอย่างมาก
เพราะนางเคยมาที่นี่มากกว่าหนึ่งครั้ง!
นางยังจำได้ว่า นางกับหรงซิวเคยเล่นหมากรุกด้วยกันที่นี่
และที่แห่งนี้เอง ที่ทั้งสองคนได้ให้คำมั่นสัญญาว่า นางจะกลับไปคุยเรื่องงานหมั้นกับเสด็จพ่อที่เทียนลิ่ง
แต่ฉู่หลิวเยว่ก็พบว่าภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้ชัดเจนกว่าเดิมมาก
แต่ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นก็คือ…ในที่สุดนางก็สามารถมองเห็นบรรยากาศโดยรอบของศาลาแปดเหลี่ยมแห่งนี้!
เหมือนว่านางกำลังยืนอยู่กลางศาลา
เมื่อมองไปจะมีภูเขาคดเคี้ยวรายล้อม เขียวชอุ่มละลานตา
ใต้หน้าผามีสายน้ำลดเลี้ยว สีเขียวมรกตไหลผ่าน
นางรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เล็กน้อย เหมือนว่าเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
ต่อมานางก็เดินไปด้านข้างของศาลาแปดเหลี่ยม ก่อนจะมองไปอีกฝั่ง
ทันใดนั้นเองร่างของนางก็แข็งค้าง นางมองไปยังทิวทัศน์ที่ห่างไกล หัวใจกับเต้นกระหน่ำขึ้นมา
ที่นั่นคือทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยภูเขา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ตำแหน่งของทะเลสาบแห่งนั้นจึงไม่ได้เตี้ยมาก เมื่อมองจากตรงนี้ จะเห็นได้ว่าน้ำในทะเลสาบเหล่านั้นอยู่ในระดับเชิงเขาแล้ว
กอปรกับยอดเขาที่นางยืนอยู่นี้สูงเป็นพิเศษ นอกนั้นแม้ว่าพวกเขาจะทอดยาว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการมองของนางเลย
จากตรงนี้สามารถทำให้นางมองเห็นทะเลสาบ และทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างชัดเจน
แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับระลอกน้ำเปล่งประกายระยิบระยับ
เหนือขึ้นไปนั้นมีดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่ง
พวกมันลอยละล่องอยู่ในสายน้ำอย่างนิ่งๆ พร้อมสั่นไหวกับเกลียวคลื่น
บางกิ่งก้านก็พลิ้วไหวไปตามลม
ด้านข้างทะเลสาบ ก็ได้ปลูกสมุนไพรอื่นๆ เอาไว้ด้วย ดูแล้วเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่ามีคนดูแลมันเป็นอย่างดี
หมอกสีขาวจางๆ ทำให้สิ่งเหล่านี้ดูเลือนรางราวกับเป็นแดนเซียน
ความงามทั้งหมดเหมือนกับภาพลวงตา
ฉู่หลิวเยว่อ้าปากค้าง ในตอนนั้นนางไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอย่างใด ในใจเหลือเพียงความตกตะลึงเท่านั้น
ทันทีที่นางได้เห็นฉากนั้น นางก็เข้าใจได้ว่า ที่นั่นจะต้องเป็นสวนสมุนไพรแห่งนั้นอย่างแน่นอน!
แท้ที่จริงมันเป็นเช่นนี้นี่เอง…
ที่แท้หากนางยืนอยู่ตรงนี้ ก็สามารถเห็นทิวทัศน์ได้ทั้งหมด!
ฉู่หลิวเยว่มองไปโดยรอบอีกครั้ง
ทันใดนั้นเองนางก็นึกออกว่า หน้าผาแห่งนี้อยู่ในสำนัก
พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ของปรมาจารย์ค่ายกล กับเซียนหมอ ซึ่งอยู่ห่างจากหุบเขาวาโยโอสถไม่ไกล เพียงเพราะปัจจัยทางภูมิประเทศ หากต้องการจะไปที่แห่งนั้น จำเป็นจะต้องอ้อมเขาลูกใหญ่
คนส่วนใหญ่ก็จะอ้อมด้วยเส้นทางเหล่านั้น
แต่ว่า นางไม่ทำเช่นนั้น
เพราะว่า…
นางเคยไปที่สวนสมุนไพรแห่งนั้นมาก่อนแล้ว!
…
หอระฆังบูรพกษัตริย์
เพราะว่าจินหมิ่นเย่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
ภายในห้องโถงที่ไร้เสียง เหมือนกลับมีจิตสังหารที่เข้มข้นแผ่กระจายออกมา
ผู้คนที่อยู่ในตอนนี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูง จึงสามารถสัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่าจิตสังหารเหล่านั้นมาจาก…หรงซิว!
ใบหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาหลายส่วน
“ท่านเจ้าสำนักจิน”
หรงซิวพูดขึ้น น้ำเสียงเย็นชา ซึ่งเหมือนว่าจะเย็นชากว่าปกติ และยังเพิ่มเย็นยะเยือกอีกสามส่วน
“การตายของจินเหลย นั่นเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับแล้ว หากท่านยังจะพัวพันไม่เลิก…พระราชวังเมฆาสวรรค์ของข้า ก็พร้อมต้อนรับอยู่ตลอดเวลา!”
จินหมิ่นเย่าตกใจอย่างยิ่ง จากนั้นเขาถึงตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
หรงซิวหมายความว่าอย่างใด?
เขายกยิ้มขึ้นมุมปาก“หรงซิว นี่เจ้ากำลังยั่วโมโหเจ้าสำนักอย่างข้าหรือ? เพื่อคนที่ไม่มีความสำคัญเพียงคนเดียว?”
เมื่อครู่นี้เขาได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว ขอเพียงแค่อีกฝ่ายส่งคนผู้นั้นออกมา เขาจะไม่ซักไซ้ไล่เลียงเรื่องอื่นอีก
แต่เมื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองของหรงซิว…
คาดไม่ถึงว่าเขาต้องการจะปกป้องคนผู้นั้น!
จินหมิ่นเย่ารู้สึกสงสัยอยู่หลายส่วน
“น่าสนใจดีนี่…ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร คาดไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้โอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ปกป้องได้?”
แต่ตอนนี้ตราบใดที่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉู่เยว่ เหมือนว่าจะส่งผลต่ออารมณ์ของเขาได้อย่างง่ายดาย
นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกอย่างมาก
เป็นทั้งครูเป็นทั้งเพื่อน?
แต่นี่ก็ดูเหมือนจะใกล้ชิดกันไปหน่อย
ไม่เช่นนั้นหรงซิวไม่มีทางสอนวิธีการเปิดค่ายกลของสำนักให้แก่ฉู่เยว่แน่
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนคิดทบทวนไปมา ก็ได้คำตอบมาว่า ทั้งสองคนน่าจะคุยกันอย่างถูกคอ
นิสัยของหรงซิวเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คนอื่นยากจะเข้าใกล้
แต่ตอนที่เขาอยู่กับฉู่เยว่ เหมือนว่าเขาจะผ่อนคลายอย่างมาก และปลดปล่อยเรื่องราวเหล่านั้นออกจนหมด
เหมือนว่าฉู่เยว่เต็มใจที่จะแลกชีวิตเพื่อปกป้องหรงซิว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนน่าจะลึกซึ้งกันอย่างมาก
แต่สุดท้ายผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็ไม่ได้ถามออกไป
ทุกคนแยกย้ายกันกลับอย่างรวดเร็ว
หรงซิวกลับมายังที่พักของเขาอีกครั้ง
…
ชั่วพริบตาเดียว เวลาก็มาถึงต้นเดือนอีกครั้ง
สำนักจัดการประเมินทุกหนึ่งเดือนเช่นเดิม
และเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด มีการคัดเลือกศิษย์ใหม่สองสามคน ส่วนศิษย์เก่าก็เข้ารับการประเมินต่อไป
หลัวซือซือ และคนอื่นๆ ก็อยู่เกินหนึ่งเดือนแล้ว โดยปกติแล้วก็จะสามารถปรับตัวกับการใช้ชีวิตในสำนักได้แล้ว อีกทั้งผลการประเมินของพวกเขาทุกคนก็ยอดเยี่ยม
แต่เพราะว่าฉู่หลิวเยว่ยังไม่สามารถมาปรากฏกายได้ อารมณ์ของพวกเขาจึงไม่ค่อยดีนัก
“เฮ้อ ถ้าฉู่เยว่อยู่ที่นี่ก็ดีสิ!”
จัวเซิงลูบปลายคาง พูดขึ้นอย่างเสียดาย
“ไม่มีเขาอยู่ ที่นี่ก็ไม่สนุกเลย เดิมทีข้าอยากจะดูเสียหน่อยว่าผลการประเมินของเขาจะเป็นอย่างใด!”
เพราะว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ตอนนี้พวกเขาต่างรู้แล้วว่า ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กคนนั้นได้ซ่อนฝีมือที่แท้จริงของตนเองเอาไว้
เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถใช้เวลานี้ถามอีกฝ่ายได้
น่าเสียดายที่เขาถูกขังอยู่ในเขาเฝิงหมินอีกแล้ว!
“ได้ยินมาว่าสภาพแวดล้อมของเขาเฝิงหมินนั้นย่ำแย่อย่างมาก บทลงโทษนั้นช่างรุนแรงยิ่งนัก ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอย่างใดบ้าง…”
หลัวซือซือบ่นพึมพำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...