เว่ยซีผิงกำหมัดแน่นด้วยความกระอักกระอ่วนใจ!
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จักต้องส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อเขาแน่นอน!
และที่เขาได้เป็นทายาทผู้สืบสกุลคนต่อไป ก็เพราะคนส่วนใหญ่ของตระกูลมองเห็นถึงความโดดเด่นและความสามารถของเขาในสำนักหลิงเซียว!
หากคนในตระกูลเว่ยรู้ว่าเขาทำเช่นนี้ และถูกทางสำนักวิชารังเกียจเดียดฉันท์ล่ะก็…
ตระกูลเว่ยยังจะเลือกคนทรยศอย่างเขาเป็นผู้นำตระกูลอีกหรือ?
แน่นอนว่าไม่มีทาง!
“เป็นฝีมือของข้าเอง!”
เว่ยซีผิงลุกลี้ลุกลนเสมือนมีคลื่นมรสุมปั่นป่วนไปทั่วทรวงอก จนเขาโพล่งปากออกไปอย่างไร้สติ
“ข้ายอมรับผิด! ตอนนั้นข้าตั้งใจปล่อยให้พวกของจินเหลยตามมา! แต่! แต่ว่าข้ามิได้ต้องการทรยศสำนัก! ข้าแค่อยากสอนบทเรียนให้หรงซิวเท่านั้น…”
ถึงจะพูดอย่างนั้น ทว่าแม้แต่เว่ยซีผิงเองก็ยังคิดว่ามันน่าขัน
สอนบทเรียนหรือ?
อันที่จริงคนที่ต้องถูกสั่งสอนนั้นมิใช่หรงซิว แต่เป็นเขาต่างหาก!
ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในสำนักวิชา เขาก็ไม่รู้สึกเหม็นขี้หน้าหรงซิวแล้ว
นั่นเพราะหรงซิวเก่งกาจที่สุดในหมู่พวกเขา
ไม่ว่าคนอื่นๆ จะพยายามมากแค่ไหน หรือตั้งใจฝึกฝนมากเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยังห่างชั้นกับเขาอยู่ดี
เขามักจะได้ในสิ่งที่คนอื่นวาดฝันและพยายามไขว้ขว้าไปเสมอ
ทั้งๆ ที่ทุกคนอายุห่างกันไม่มาก ทั้งๆ ที่พวกเขาเข้ามาในสำนักวิชาห่างกันเพียงไม่กี่เดือน!
ทว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ กลับเหมือนว่ามีแค่หรงซิว ที่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขาเลย
อีกฝ่ายนั้นมีความสามารถและพลังอำนาจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ ที่เขาได้กุมอำนาจของพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้วด้วย!
เว่ยซีผิงยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
เหตุใดกัน?
ในขณะที่เขาต้องเค้นสมองคอยคิดหาวิธีทำให้คนของตระกูลเว่ยพอใจ เพื่อให้คนพวกนั้นสนับสนุนเขา แล้วยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เขา แต่หรงซิวกลับได้ทุกอย่างไปครอบครองง่ายๆ?
ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยคิดจะสนใจสิ่งเหล่านั้นเลยสักนิด
เว่ยซีผิงเกลียดเขามาก!
ด้วยเหตุนี้ ตอนนั้นเขาจึงถูกความเกลียดชังครอบงำ และเผลอกระทำสิ่งที่โง่เขลาเช่นนี้!
ในที่สุด เมื่อได้คำสารภาพแล้วยอมรับผิดของเขา ห้องโถงใหญ่พลันตกอยู่ในความเงียบ
หลายคนที่นั่งอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่เคยไปแอ่งบุหรงมรกตมาแล้ว
ส่วนคนที่เหลือก็เข้าร่วมการต่อสู้ที่เมืองฝางโจวในวันนั้น
ดังนั้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ เกือบทุกชีวิตจึงหันไปมองเว่ยซีผิงตาเขม็ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
“ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ศิษย์ยอมรับโทษทุกอย่างขอรับ! ขอเพียงท่านมิแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปก็พอ!”
เว่ยซีผิงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว และหลังจากยอมรับความผิด เขาก็เริ่มร้องขอความเมตตาทันที
“ท่านโปรดเห็นแก่ศิษย์ผู้นี้ ที่เคยทำคุณประโยชน์ให้สำนักวิชาไว้มากมาย แล้วให้โอกาสข้าสักครั้งด้วยเถิด!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนตอบกลับ
“บนโลกนี้ไม่มีความลับ อีกอย่าง…”
“ขอเพียงท่านและเหล่าผู้อาวุโสเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จะให้ศิษย์ทำอันใดก็ยอม!”
เว่ยซีผิงเอ่ยอย่างร้อนรน
ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ก็ต้องรีบหยุดไม่ให้มันบานปลายไปมากกว่านี้
หากพวกเขายินยอม ก็ย่อมปกปิดเรื่องนี้ได้ถาวร!
แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็ขอเวลาสักครึ่งปีก็ได้!
เพราะในช่วงครึ่งปีนี้ จะเป็นช่วงที่การแย่งชิงตำแหน่งทายาทของตระกูลเว่ย เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายอันดุเดือดแล้ว!
หากมีจุดบอดก็จะถูกคู่ต่อสู้ดึงเอาประเด็นนั้นไปบดขยี้จนไร้จุดยืน!
ไหนจะการกระทำอันสกปรกโสมมเช่นนี้!?
แค่นี้เว่ยซีผิงก็รู้สึกว่าเขากลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนไปแล้ว
“เว่ยซีผิง เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จักเก็บซ่อนได้จริงๆ หรือ?”
ผุ้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนยังคงนิ่งเฉย
จู่ๆ เว่ยซีผิงก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง พลันหันไปมองหรงซิวที่อยู่ข้างๆ
“เจ้า! หรงซิว เจ้าคิดกำจัดข้าตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่!?”
นี่เขาลืมไปได้อย่างใดว่าหรงซิวยังอยู่ที่นี่!
แม้คนอื่นจะเต็มใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่หรงซิวล่ะ?
หรงซิวเอนหลังพิงเก้าอี้ พลางประสานมือไว้ข้างหน้า ลมปราณอันสูงส่งที่ไม่อาจพรรณนาได้ แผ่กระจายทั่วกายของเขา
…
เว่ยซีผิงจากไปแล้ว
ไม่มีใครถามว่าเขาไปไหน และไม่มีใครเดินออกไปส่งเขาเลยสักคน
ไม่นาน ข่าวการถูกไล่ออกจากสำนักก็แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเขาในอาณาจักเสิ่นซวี่ได้รับผลกระทบอย่างมาก
สถานการณ์ทางฝั่งตระกูลเว่ยเองก็ย่ำแย่
แต่สิ่งเหล่านี้มิใช่เรื่องที่สำนักจักต้องใส่ใจ
เพราะความเห็นแก่ตัวของเขา ที่แอบวางแผนลับหลังทุกคน จนเกือบจะทำให้เกิดหายนะแก่สำนักวิชา
โทษทัณฑ์แค่นี้ยังถือว่าเบาไปด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็ต่างแยกย้ายกันไป เหลือเพียงผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกับหรงซิวที่ยังอยู่บนหอระฆังบูรพกษัตริย์
“หรงซิว สำหรับเรื่องนี้ ข้าต้องขอบใจเจ้ามาก มิฉะนั้น หากปล่อยให้ตัวอันตรายเช่นนี้แฝงตัวอยู่ในสำนักต่อไป คงมิใช่เรื่องดีแน่”
หรงซิวยกยิ้ม
“เขามุ่งเป้ามาที่ข้า หาใช่สำนักไม่”
“แต่คนจิตใจเช่นนี้ มิอาจอยู่ในสำนักได้จริงๆ”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนพยักหน้าเบาๆ พลางหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมา
มันเป็นตำราที่ถูกจัดหน้าและเย็บเล่มอย่างเรียบง่าย แต่กลับดูงดงามน่าเชยชมอย่างยิ่ง
หน้าปกทำจากแผ่นไม้อัดแข็งสีทองอมน้ำตาล ที่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักหลิงเซียวสลักไว้ด้านบน
รัศมีสีทองจางๆ เปล่งประกายออกมารอบๆ ตำราเล่มนั้น ทำให้มันดูขลังและศักดิ์สิทธิ์ชอบกล
นี่คือระเบียนรายชื่อของสำนักวิชา
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเปิดมันแล้วไล่หาชื่อของเว่ยซีผิงอย่างรวดเร็ว
เขายื่นมือออกแล้วโบกมือเหนือตำราอย่างเชื่องช้า
จากนั้นนามของเว่ยซีผิงก็หายวับไปทันตา!
ขณะเดียวกันนเวลาเดียวกัน ตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นก็ปรากฏขึ้นบนผนังทั้งสี่ด้านของหอระฆังบูรพกษัตริย์!
ประกายแสงเจิดจรัสสว่างวาบ!
ก่อนที่นามของเว่ยซีผิงที่อยู่บนนั้นจะค่อยๆ จางลง และเลือนหายไปจนหมด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...