สิ้นเสียงของหรงซิว
ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่พลันตกอยู่ในความเงียบ
ทุกสายตาล้วนจับจ้องมองเว่ยซิงผิง
หรงซิวเป็นถึงโอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ และได้บำเพ็ญเพียรกระทั่งบรรลุโอรสสวรรค์ร่างทองแล้ว ฉะนั้นโดยพื้นฐานแล้ว พลังปราณดั้งเดิมในกายของเขาย่อมมีความพิเศษอย่างมาก และมีรัศมีเรืองรองสีทองเปล่งปลั่งอันหาได้ยาก
“เจ้าว่าอย่างใดนะ เว่ยซีผิง?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกดเสียงต่ำ
เหงื่อเม็ดเย็นๆ ไล่ผุดขึ้นมาบนแผ่นหลังของเว่ยซีผิง พลันไหล่ซึมจนแทบชุ่มไปทั้งตัว
อาภรณ์ที่ปกคลุมกายแนบชิดไปตามเนื้อผิว พลันรัดแน่นจนรู้สึกไม่สบายตัว
เขาอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็หาเส้นเสียงของตนเจอ
“ข้า…ข้า…”
ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“นี่ถือเป็นเรื่องอัปยศสำหรับข้า! ข้าขอปฏิเสธ!”
ทว่าการตอบสนองเช่นนี้ของเขา หาได้ส่งผลต่อผู้อาวุโสที่อยู่ ณ ที่นี้ไม่
ผู้อาวุโสวูเฟิงยิ้มเยาะหนึ่งที
“หากเจ้าปฏิเสธ แสดงว่าเจ้ายอมรับ! แค่ขอให้เจ้าสร้างค่ายกลเอง เหตุใดกัน มันยากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เว่ยซีผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเถียงกลับทันที
“วันนั้นคนพลุกพล่านนัก ใครๆ ก็ย่อมลงมือได้! ไฉนถึงสงสัยแต่ข้า?”
“เช่นนั้นก็ตรวจสอบมันหมดนี่แหละ!”
ยิ่งเห็นท่าทีของเขา ผู้อาวุโสซูเฟิงก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนสงสัย
และเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในวันนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกโมโห
กว่าพวกเขาจะร่วมมือกันนำสิ่งนั้นกลับมานั้นไม่ง่ายเลย แต่เพราะความเห็นแก่ตัวของเว่ยซีผิง จึงเกิดปัญหามากมายตามมาในภายหลัง!
ซึ่งหากได้รับการยืนยันว่าเป็นเว่ยซีผิงจริงๆ ล่ะก็ เขาจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีรอดไปได้แน่นอน!
“เริ่มจากเจ้าก่อน! ส่วนคนอื่นๆ ก็รอตามลำดับ! มิเช่นนั้น ก็สอบข้าคนแรกเลยก็ได้!”
เมื่อพูดเช่นนี้ เว่ยซีผิงก็มิอาจโต้แย้งได้อีกต่อไป
เขายืนอยู่กับที่ มือทั้งสองข้างทิ้งลงข้างตัว ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด ร่างกายของสั่นเทาเล็กน้อย
ย้อนกลับไปไม่กี่วันก่อน เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการพักฟื้น พลางแอบหงุดหงิดที่หรงซิวไม่ได้รับบาดเจ็บจากการรุมทำร้ายในครานี้
และสิ่งเดียวที่น่าพอใจของศึกในครานี้ก็คือ การที่หรงซิวแตกหักกับสำนักปีกสุวรรณโดยสมบูรณ์
แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่เขาก็รู้ว่าจินหมิ่นเย่าเป็นคนใจแคบเพียงใด หรงซิวสังหารลูกศิษย์อันเป็นที่รักของเขาต่อหน้าสาธารณชนเพียงนั้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยอมจบง่ายๆ เป็นแน่
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ไม่ทันที่จินหมิ่นเย่าจะได้โจมตีหรงซิว หรงซิวกลับชิงแฉเบื้องหลังของเขาเสียก่อน!
แถมยังต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสของสำนักวิชาด้วย!
และในขณะนั้นก็ยังมีลูกศิษย์อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญทั้งสิ้น!
พฤติกรรมเช่นนั้นของเขา ถือเป็นการทรยศต่อสำนักวิชาอย่างไม่ต้องสงสัย!
หากยอมรับผิด จะมิอาจแก้ตัวได้อีกแล้ว!
สายตานับไม่ถ้วนจ้องเขม็งมาทางเขา ราวกับใบมีดคมที่กรีดกรายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างดุเดือด ประหนึ่งต้องการขูดเลือดขูดเนื้อเขาจนหมด! ให้เหลือซากเปลือยเปล่าโชกเลือด!
ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเค้นหัวใจ มันปิดกั้นหลอดลมของเขาไว้ จนเขารู้สึกหายใจไม่ออก
อันที่จริงถึงเขาจะไม่พูดอันใด แต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ ก็บ่งบอกทุกอย่างแล้ว
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
“เว่ยซีผิง เจ้าก็รู้ว่าการทรยศสำนัก จักต้องได้รับโทษเช่นไร”
“ข้าไม่ได้ทำ!”
เว่ยซีผิงโต้กลับทันควัน น้ำเสียงของเขาคมกริบ ทว่าสีหน้าและนัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกที่มิอาจเก็บซ่อนได้
เกิดเรื่องกับเขาขนาดนี้ แต่ท่านอาจารย์ที่เขาสนิทชิดเชื้อที่สุด กลับไม่ได้คิดที่จะปกป้องเขา แถมยังชิงออกตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก!
“เอาล่ะ เจียงเล่ย เจ้าเองก็อย่าได้โมโหโกรธานัก แม้เขาจะเป็นศิษย์ของเจ้า แต่เขาเองก็มีมือมีเท้า ถ้าเขาอยากจะทำอันใดสักอย่าง แล้วคิดว่าเจ้าจะควบคุมเขาได้หรือ?”
ท่าทีของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนสงบนิ่งอย่างมาก พลางยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นสัญญาณให้ผู้อาวุโสเจียงเล่ยนั่งลง
ผู้อาวุโสเจียงเล่ยสะบัดหัวไปอีกทางอย่างหงุดหงิด และเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
“ปั๋วเหยี่ยน เป็นข้าที่สอนศิษย์ได้ไม่ดี ข้าเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย…”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนส่ายหัว
“ถ้าหรงซิวไม่เอะใจแล้วทิ้งหลักฐานไว้ แม้แต่ข้าเองก็ไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ได้…และอย่างที่เจ้าพูดไว้ก่อนหน้านี้ เขาหายจากสำนักไปพักใหญ่ ถ้าเขาวางแผนมาแล้วจริงๆ เขาจะไม่ยอมให้เจ้ารู้แน่นอน”
ผู้อาวุโสเจียงเล่ยแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากแต่สีหน้ากลับแต่งแต้มไปความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งก่ายหน้าผากเสมือนทุกข์ใจอย่างมาก
“ดูเหมือนว่าเราคงต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ชาวลุ่มน้ำชิงกูทราบเสียแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้จิตใจอันแน่วแน่ทว่าตึงเครียดของเว่ยซีผิง พังทลายลงอย่างสมบูรณ์!
“ท่านอาจารย์!?”
เขาตกใจระคนโมโห พลันตวัดสายตาไปมองผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนด้วยความไม่เชื่อ
“นี่เป็นกิจของข้า ไยจักต้อง…”
“จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับ ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมต่อเจ้า เช่นนั้นก็เชิญคนจากลุ่มน้ำชิงกู่มาสอบสวนด้วยแล้วกัน”
“ทางสำนักและลุ่มน้ำชิงกู่มีสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด การเชิญพวกเขามาย่อมมิใช่เรื่องลำบาก”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกล่าวอย่างใจเย็น
แต่เว่ยซีผิงกลับใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเสียแล้ว!
…อย่างนี้ก็ฆ่าเขาเลยเถอะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...