ฉู่หลิวเยว่ก้าวออกมาจากห้วงมิตินั่น แล้วโผล่ที่ห้องโถงใหญ่
นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตูทั้งเจ็ดบาน แล้วประสานหมัดทำความเคารพ
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยดูแลข้าขณะอยู่ที่นี่”
อีกฝ่ายพลันเอ็ดเสียงแข็ง
“เจ้าหนู เดือนหน้าเจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกล่ะ!”
ครั้นได้ฟังน้ำเสียงราวรังเกียจ ฉู่หลิวเยว่ก็ลูบจมูกตัวเองปอยๆ
เดิมทีนางอยากจะตอบว่านางจะ “พยายาม” ทำให้ได้ แต่หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว นางก็เลือกตอบในแบบที่เขาต้องการดีกว่า
“ทราบขอรับ”
“ไปๆ ชิ้วๆ!”
ฉู่หลิวเยว่โค้งคำนับและจากไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเดินออกมาจากประตูบานใหญ่แล้ว ฉู่หลิวเยว่พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ
อากาศอันบริสุทธิ์และเย็นสบายหลั่งไหลเข้าสู่ปอด ทำให้เจ้าของร่างรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
อย่างใดก็ตาม ดูเหมือนว่าโทษขังหนึ่งเดือนในครานี้ จะสบายกว่าครั้งก่อนเสียอีก…
ทันใดนั้น ดวงตาของนางพลันหรี่ลง ก่อนจะเห็นร่างเงาอันคุ้นเคยยืนอยู่นอกค่ายกล
เขาคือผู้อาวุโสวั่นเจิง
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่เดินออกมา ผู้อาวุโสวั่นเจิงพลันตาลุกวาวด้วยความดีใจ และโพล่งปากออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉู่เยว่! ข้าอยู่นี่! มานี่เร็ว!”
ฉู่หลิวเยว่กลั้นขำ
ไฉนภาพนี้ถึงดูเหมือนนางเพิ่งออกจากคุกเลยเล่า…
แต่เมื่อเห็นท่าทางเริงร่าของผู้อาวุโสวั่นเจิง นางก็อดไม่ได้ที่จะดีใจตามเขา ปลายเท้าเรียวขยับเบาๆ แล้วร่างทั้งร่างก็พุ่งทะยานไปหาผู้อาวุโสวั่นเจิง!
…
“ท่านอาจารย์ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ?”
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสวั่นเจิงแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เอ่ยปากถามโดยไม่ลังเล
ผู้อาวุโสวั่นเจิงกวาดตามองนางขึ้นลงอย่างสำรวจ พลางตอบไปว่า
“ฮิ ฮิ ข้ามารอเจ้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว!”
เวลาหนึ่งเดือนนั้นนานนัก หัวใจที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล สั่งให้เขารีบรุดหน้ามาที่นี่
ก็ศิษย์ของเขาทั้งคน จะไม่ให้เขาเป็นห่วงเป็นใยได้อย่างใด?
แต่จู่ๆ สีหน้าของเขาก็พลันหยุดชะงัก ดวงตาของชายชราเบิกกว้างทีละน้อย และถามออกไปอย่างไม่เชื่อ
“คะ ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เม้มปากแล้วยิ้มเยาะเบาๆ
“แต่ยังมิได้ทะลวงขอรับ”
แค่นั้นก็เร็วมากแล้ว!
ผู้อาวุโสวั่นเจิงกะพริบตาปริบๆ นัยน์ตากระจ่างใสสั่นไหวด้วยความตกใจ และพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
โดยปกติแล้ว ลูกศิษย์ที่ถูกคุมขังบนภูเขาเฝิงหมินส่วนใหญ่ จะออกมาจากที่นั่นด้วยสภาพจิตใจอันบอบช้ำ และบางคนอาจได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย
ทว่าฉู่เยว่นั้น ไม่เพียงแต่จะออกมาในสภาพสมบูรณ์ไร้รอยขีดข่วนแล้ว ลมปราณของเจ้าตัวยังแข็งแกร่งมากกว่าเดิมด้วย!
ผู้อาวุโสวั่นเจิงเหลือบมองหอคอยเจ็ดชั้นด้วยความแคลงใจ
เกิดอันใดขึ้นแน่?
“หรือไอ้แก่นั่นจะเกรงใจข้า เลยผ่อนปรนให้เจ้าได้ฝึกอย่างสบายๆ?”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพึมพำเบาๆ
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีเสียงที่ฟังดูโบราณคร่ำครึดังขึ้น
“วั่นเจิง! เจ้าฝันกลางวันอยู่หรือไร?”
เกรงใจเขาหรือ?
ช่างเพ้อฝันเสียจริง!
ขนาดตอนปั๋วเหยี่ยนมา เขายังไม่สนใจเลย! แล้วกับแค่คนอย่างวั่นเจิงน่ะหรือ?!
ผู้อาวุโสวั่นเจิงหน้าบูดบึ้งด้วยความอับอาย
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ! แต่พูดตรงๆ ก็จบแล้ว เจ้าจะด่าให้ได้พระแสงของ้าวอันใด! เห็นหรือไม่ว่ามีเด็กฟังอยู่!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงจัดคอเสื้อตัวเองให้เข้าที่
“อะแฮ่ม เอาล่ะ…ศิษย์เอ๋ย พวกเราอย่าไปสนใจเขาเลย! ในเมื่อเขามิได้ผ่อนผันให้เจ้า เช่นนั้นก็ดีแล้ว!”
แล้วสิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นอันใดน่ะหรือ?
ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าศิษย์ของเขาเก่งกาจอย่างใดล่ะ!
ลองมองดูแววตาที่เปล่งประกายคู่นี้สิ!
แล้วมองดูลมปราณอันทรงพลังและเข้มข้นเหล่านี้!
ช่างน่าภูมิใจยิ่งนัก!
“ไป! กลับไปพร้อมข้า!”
ระดับการฝึกของจอมยุทธ์พัฒนาขึ้นแล้ว และบางทีทักษะของเซียนหมออาจพัฒนาขึ้นเช่นกัน!
เขาแค่อยากเห็นว่ายามนี้ศิษย์ของเขาจะทะลวงขึ้นสู่เซียนหมอระดับเก้าได้หรือไม่!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ อีกครั้งราวมิได้ตั้งใจ
ผู้อาวุโสวั่นเจิงหัวเราะเบาๆ ราวอ่านใจนางได้
“วางใจเถอะเจ้าหนู ข้าตั้งใจจะทดสอบเจ้านั้นแหละ เพียงแต่ข้าเลือกทำในพื้นที่ของเจ้าก็เท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางและถามต่อ
“ไฉนจู่ๆ ท่านถึงอยากไปฝั่งข้าล่ะ?”
“เพราะเจ้าต้องไปเก็บของ!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงลูบเคราของเขา
“ไปฝั่งข้ามีแต่จะยุ่งยาก เช่นนั้นก็มาฝั่งเจ้าไม่ดีกว่าหรือ สะดวกกว่ากันตั้งเยอะ!”
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยความสับสนงุนงง
“จัดของหรือ? ข้าหรือ?”
“อ่า จริงสิ เจ้ายังไม่รู้เรื่องนี่น่า!”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงตบหน้าผากตัวเองดังแปะ
“ตั้งแต่นี้ไป เจ้าจะต้องย้ายไปอยู่กับหรงซิว!”
…
ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอื้อนถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ข้าหรือ? อยู่กับหรงซิว?!”
เหตุใดนางถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?
แค่ถูกขังบนเขาเฝิงหมินประเดี๋ยวเดียว ไฉนออกมาแล้วถึงได้ย้ายที่พักกระทันหันเช่นนี้?
แถมยังต้องไปอยู่กับหรงซิวอีก…
ในฐานะศิษย์ผู้เก่งกาจอันดับหนึ่งท่ามกลางศิษย์ทั้งหมดของสำนักวิชา มิใช่ว่าหรงซิวอยู่คนเดียวมาตั้งแต่แรกแล้วหรือ?
“เหอะ เหอะ ดูเหมือนว่าหรงซิวจะเป็นคนขอปั๋วเหยี่ยนเองด้วย! เขาบอกว่าช่วงนี้เขาจะอยู่ในสำนักเพื่อสอนเจ้า ถ้าเจ้าไปอยู่กับเขาจะสะดวกกว่า”
ตราบใดที่อีกฝ่ายมิได้ขโมยศิษย์ของเขาไป ผู้อาวุโสวั่นเจิงย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ คนผู้นั้นก็เป็นถึงหรงซิวเลยนะ?
หากลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของเขา ได้เรียนรู้และฝึกฝนกับหรงซิวสักระยะ จักเป็นประโยชน์ต่อศิษย์ของเขามากแน่ๆ!
โอกาสเช่นนี้หายากนัก และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับมัน แต่เหตุใดเด็กคนนี้ถึงดูหวาดเกรงนัก?
ผู้อาวุโสวั่นเจิงย้ำเตือนอีกครั้ง
“ศิษย์เอ๋ย ถึงหรงซิวจะเชี่ยวชาญด้านจอมยุทธ์และช่างหลอมอาวุธ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จด้านเซียนหมอเช่นกัน โอกาสเช่นนี้หายากนัก ไปอยู่กับเขาแล้วก็จงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้ดี เข้าใจหรือไม่?”
ระหว่างสนทนากัน พวกเขาทั้งสองก็มุ่งหน้ากลับไปยังยอดเขาที่คุ้นเคย
ผู้อาวุโสวั่นเจิงหัวเราะหึในลำคอ
“ดูสิ! หรงซิวมารอพวกเราแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...