ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 124

บรรพตวั่นหลิงห่างจากเมืองหลวงโดยใช้เวลาเดินทางสองวัน ทั้งนี้อาจารย์ของสำนักเทียนลู่จะพานักเรียนที่สมัครใจเดินทางล่วงหน้าไปฝึกซ้อมก่อน

บางคนต้องการตามล่าสัตว์อสูรที่พึงพอใจให้ตัวเอง ขณะที่บางคนต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งผ่านโอกาสในการต่อสู้ที่หายากยิ่งนี้

แต่ไหนแต่ไรการต่อสู้กับสัตว์อสูรก็ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพและระเบิดพลังที่แข็งแกร่งของตนเองออกมา

อนึ่ง บางครั้งสิ่งนี้ก็ช่วยให้ผู้ฝึกยุทธ์สามารถฝ่าฟันอุปสรรคของตนเองและบรรลุระดับที่สูงขึ้นได้

ดังนั้นนักเรียนส่วนใหญ่ในสำนักจึงมารายงานตัวกันพร้อมหน้า

เช้าตรู่วันนี้ ยามรุ่งอรุณเพิ่งจะสาง เหล่านักเรียนก็ได้มารวมตัวกันแล้ว

นักเรียนเก่ายังไม่เท่าไหร่ แต่นักเรียนใหม่ส่วนใหญ่นี่สิ ไม่สามารถปิดสีหน้าที่ตื่นเต้นไว้ไม่มิด

“ข้าไม่รู้ว่าเทศกาลล่าสัตว์อสูรครานี้ ข้าจะสามารถล่าสัตว์อสูรระดับสี่ได้หรือไม่”

“ฮ่าๆ! อย่างเจ้าน่ะหรือ อย่าฝันไปเลย! สัตว์อสูรระดับสูงอย่างนั้น มีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์และความสามารถเท่านั้นถึงจะสามารถล่ามันมาได้”

“เฮ้อ มันก็ไม่แน่หรอก ไม่แน่ถ้าข้าโชคดีบังเอิญเขอมันเข้าล่ะ อีกอย่าง พลังความสามารถของแต่ละคนในกลุ่มของเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร หากร่วมมือกันไม่มีทางทำไม่สำเร็จหรอก!”

“ข้ากลับไม่ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่หาสัตว์อสูรที่มีพลังแข็งแกร่งพอช่วยข้าต่อสู้ได้ก็พอแล้ว”

“ถุ๊ย! พอเจอสัตว์อสูรระดับสูงเข้าหน่อย เกรงว่าเจ้าจะวิ่งหนีป่าราบแทบไม่ทันน่ะซิ!”

“ฮ่าๆๆๆ!”

ทุกคนพูดคุยและหยอกล้อกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งตารอการผจญภัยครั้งนี้

ข้างนอกกลุ่มคนที่กำลังคึกคัก แต่ก็มีบางคนที่อยู่อย่างสงบเงียบ

“ทำไมฉู่หลิวเยว่ยังไม่มาอีกน้า ใกล้จะได้เวลาเดินทางแล้ว”

มู่หงอวี๋แหงนหน้ามองสีของท้องฟ้าแล้วกระวนกระวาย

เมื่อวานนางย้ำเตือนเรื่องเวลาเดือนทางของวันนี้สองรอบแล้วว่าห้ามมาสายเป็นอันขาด ตอนนี้ทุกคนต่างมาถึงกันครบหมดแล้ว จนป่านนี้แล้วนางถึงยังไม่โผล่มาแม้แต่เงา

“นางเกิดเรื่องที่ทำให้ถ่วงเวลาหรือเปล่า”

เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่อยู่ข้างมู่หงอวี๋เป็นคนเอ่ยถาม

ผิวของเขาขาวผ่องดูสุภาพเรียบร้อยและพูดช้ากว่าคนทั่วไป แต่น้ำเสียงฟังดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ

คนผู้นี้คือเลี่ยวจงซูนั่นเอง

มู่หงอวี๋ส่ายน้า

“ตอนนี้จะมีเรื่องใดสำคัญไปกว่าการล่าสัตว์อสูรเล่า พูดตามเหตุผลนางไม่ลืมเด็ดขาด…”

ฉู่หลิวเยว่ไม่เหมือนคนไม่น่าเชื่อถือสักหน่อย!

“เจ้ารู้ไหมว่านางพักอยู่ที่ใด พวกเราไปตามนางเลยดีกว่าไหม” เลี่ยวจงซูเอ่ยปลอบ

มู่หงอวี๋ยกมือปิดหน้า

“เจ้าลืมแล้วหรือว่านางคือปรมาจารย์ นางไม่ได้พักอยู่แถวเดียวกันกับเรา”

ช่วงนี้นางสนิทสนมกับฉู่หลิวเยว่มากขึ้นทุกวัน แต่นางก็ยังไม่เคยถามรายละเอียดว่าฉู่หลิวเยว่พักอยู่ที่ใด

เลี่ยวจงซูเงียบไปครู่หนึ่ง

เขาละเลยเรื่องนี้ไปจริงๆ…

“จะทำให้วุ่นวายไปด้วยเหตุใดกัน หากนางไม่มาจริงๆ พวกเราอยู่กลุ่มกันแค่สี่คนก็ได้! ขาดไปสักคนหนึ่งก็ไปไม่ได้เลยหรือ”

เด็กหนุ่มที่มีร่างกายกำยำผิวคล้ำกร้านที่อยู่ข้างเลี่ยวจงซูพูดกระโชกโฮกฮากอย่างไม่พอใจ

“เฉินหู่ เจ้าเป็นเสือหรือไง”

มู่หงอวี๋กลอกตา

“กลุ่มอื่นมีห้าคน กลุ่มเราก็มีแค่สี่คนจะเสียเปรียบแค่ไหนล่ะ! เจ้าอย่าลืมสิ พอไปถึงบรรพตวั่นหลิง ก็จะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยต่อสู้กันเอง!”

เฉินหู่ที่โดนนางตำหนิก็เกาหัวแกรกๆ และพึมพำเสียงต่ำ

“ข้าก็หาคนอื่นมาแทนไม่ได้แล้ว…”

มู่หงอวี๋ถลึงตาใส่เขา

“ทุกคนต่างจับกลุ่มกันครบคนหมดแล้ว จะไปหาคนมาแทนจากที่ไหนได้อีกเล่า”

ในที่สุดเฉินหู่ก็หุบปาก

“ตอนนี้กลุ่มอื่นเขาไปรับของด้านหน้ากันหมดแล้ว!”

พวกเขาสามสี่คนหันไปมอง

“หากไปรับของกันเสร็จสรรพหมดแล้ว ก็ต้องออกเดินทางจริงๆ แล้วล่ะ” เลี่ยวจงซูขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น

มู่หงอวี๋กัดริมฝีปากของนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์