มู่หงอวี๋และคนอื่นๆ พากันตกใจและมองไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
ทว่าไร้วี่แววของความเคลื่อนไหวใดๆ
ท่ามกลางผืนป่าอันเงียบสงัด ทุกอย่างเงียบสงบมาก
มู่หงอวี๋กระซิบถามอย่างอดมิได้
“หลิวเยว่ ประสาทสัมผัสเจ้าเพี้ยนไปหรือเปล่า ข้าไม่เห็นจะรู้สึกถึงปราณของสัตว์อสูรเลยนี่นา…”
ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าเรียบนิ่ง และดวงตาก็ยังคงจดจ่อไปทางนั้น
“หากยังไม่ออกมาล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
มู่หงอวี๋และคนอื่นที่เหลือต่างมองหน้าสบตากัน
รอบกายพวกเขามีเพียงต้นไม้เป็นต้นๆ ไม่มีแม้แต่พุ่มไม้สูง จะมีสัตว์อสูรซุ่มซ่อนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
แต่ท่าทางของฉู่หลิวเยว่ ดูเหมือนจะไม่ใช่การหลอกเล่นแต่อย่างใด และทุกคนต่างพลันเงียบเสียงโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น ใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่ตรงหน้าไม่ไกลจากพวกเขาก็กระดิก!
“มีบางสิ่งเคลื่อนไหว”
มู่หงอวี๋และคนอื่นระวังตัวขึ้นมาทันที!
ที่แท้ตรงนี้ก็มีสัตว์อสูรซุกซ่อนอยู่จริงๆ!
ฟ่อ ฟ่อ!
ทันใดนั้นก็มีเจ้าก้อนตัวเล็กโผล่ขึ้นมาจากกองใบไม้ที่ร่วงหล่นกองนั้น
“นี่มัน…ตัวอะไร”
เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“ฮัดชิ่ว!”
เจ้าก้อนตัวน้อยนั้นจามออกมา แล้วร่างกลมๆ ของมันก็เหยียดกายออกมา
มันมีขนาดตัวเท่ากำปั้น ตัวของมันเป็นสีแดง หางฟูๆ เกือบจะใหญ่เท่ากับตัวของมัน และดวงตาสีดำกลมคู่นั้นดูฉลาดและน่ารักน่าชัง
มันจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ด้วยความงุนงงเหมือนไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น และยกอุ้งเท้าน้อยๆ ขยี้ตาอย่างงัวเงียราวกับว่ามันถูกรบกวนการพักผ่อนอันแสนสบาย
นี่มันคือ…
“จิ้งจอกน้อยหรือ!”
มู่หงอวี๋โพล่งขึ้น
เมื่อเจ้าก้อนตัวน้อยได้ยินคำพูดนี้ของนาง มันก็หยุดชะงักจากนั้นก็ส่ายหน้าพัลวัน
ไม่ใช่นะ!
มันไม่ใช่จิ้งจอกอะไรพรรค์นั้นนะ!
“นี่คือเพียงพอนโลหิต”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ส่วนคนอื่นๆ กลับมีสีหน้าประหลาดใจ
“นี่คือเพียงพอนโลหิต…สัตว์อสูรระดับสามที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในตำนานหรือ”
เจ้าตัวเล็กที่ว่าหน้าบูดบึ้งทันที
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
อันที่จริง สัตว์อสูรระดับสามก็ไม่ถือว่าต่ำต้อยจนเกินไป แต่เพียงพอนโลหิตตัวเล็กกระจิริด พลังการโจมตีไม่แข็งแกร่ง ทั้งยังมีนิสัยร่าเริงซุกซน ดังนั้นจึงไม่เหมาะแก่การล่าสัตว์อสูร
เพียงพอนโลหิตมักจะถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง ให้พวกลูกขุนนางเลี้ยงดูเล่น
“อ่า…งั้นก็ช่างมันเถอะ”
หลายคนรู้สึกผิดหวัง คิดไม่ถึงว่าสัตว์อสูรตัวแรกที่เจอหลังจากเข้ามาในบรรพตวั่นหลิงจะเป็นแค่เพียงพอนโลหิต
เจียงหลีพยักหน้า
พวกเขาในกลุ่มเดียวกันนี้ต่างก็ยังไม่มีสัตว์อสูรในครอบครอง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมาพร้อมความหวังอย่างยิ่ง แต่เพียงพอนโลหิตไม่เหมาะสำหรับการล่าจริงๆ
หลายคนคร้านจะสนใจมัน จึงหันหลังเดินไป
จากนั้นขณะที่ฉู่หลิวเยว่จะขยับตัว นางก็ต้องหยุดฝีเท้าแล้วก้มหน้ามองกระทันหัน
…เจ้าตัวน้อยนี่มากัดชายกระโปรงแล้วมองนางตาแป๋วตั้งแต่เมื่อใดกัน
ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ
พวกเขาไม่ต้องการล่าเพียงพอนโลหิต แต่ดูเหมือนมันอยากจะไปกับพวกเขาด้วยใช่หรือไม่
ฉู่หลิวเยว่โน้มตัวลงเพื่อต้องการเอามันออกไป แต่ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กจะรู้ทันนาง มันจึงม้วนตัววิ่งหลบไปกัดชายผ้าอีกข้างหนึ่งแทน
เพียงพอนโลหิตไหวตัวอย่างรวดเร็ว ฉู่หลิวเยว่คงจับมันด้วยมือเปล่าไม่ได้แน่ๆ
ดังนั้นนางจึงไม่ขยับตัวอีก
“หลิวเยว่ ดูเหมือนมันจะชอบเจ้านะ”
มู่หงอวี๋อดพูดไม่ได้ และแสดงสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
นางพอจะได้ยินชื่อเพียงพอนโลหิตมาบ้าง แต่นางไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ
ดูแล้วก็น่ารักดีเหมือนกัน!
ฉู่หลิวเยว่ก็นึกแปลกใจเช่นกัน แล้วก้มหน้าพูดกับเจ้าเพียงพอนตัวน้อยว่า
“พวกเราไม่คิดจะลงมือกับเจ้า เจ้าอย่าตามพวกเราเลยจะดีกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าตัวน้อยก็กะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าฉงน และดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าใจความหมายของฉู่หลิวเยว่
นี่หมายความว่า…ไม่ต้องการมันแล้วใช่หรือไม่!
น้ำตาได้กลิ้งมาคลอเบ้าเจ้าเพียงพอนน้อยอย่างรวดเร็วจนหน่วยน้ำตาใสขนาดเท่าเม็ดถั่วร่วงลงมาแหมะๆ ทั้งยังแหงนหน้ามองราวกับกำลังกล่าวโทษนางเงียบๆ
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์