เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 1279

ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว แสงแดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามาในถ้ำ ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้น

หลังจากที่นางพักผ่อนมาทั้งคืน ร่างกายของนางก็กลับคืนสู่สภาวะที่สมบูรณ์มากที่สุด

นางลุกขึ้นยืน จากนั้นก็บิดยืดคลายกล้ามเนื้อของตนเอง นางสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของนางในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก พลังอันทรงพลังแพร่กระจายออกมาจากแขนขาทั้งสี่ข้าง ทำให้นางรู้สึกสดชื่นอย่างยิ่ง!

นี่คือ…ความรู้สึกที่ได้แข็งแกร่งขึ้น!

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

นางไม่รู้จริงๆ ว่าตอนที่นางกลับคืนสู่จอมยุทธ์ระดับเก้านั้น นางจะมีความรู้สึกอย่างใด…

ด้านข้างมีเสียงรบกวนเล็กน้อย ฉู่หลิวเยว่จึงหันกลับไปมอง พบว่าเทาเทาก็ตื่นแล้ว และตอนนี้มันกำลังกะพริบตามองนางอยู่

มันนอนอยู่บนพื้น ผ้าพันแผลพันร่างกายของมันจนแน่น มองดูแล้วเหมือนกับลูกบอลขนาดใหญ่ที่มีรอยปะ

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตามองมัน

ในตอนนั้นเทาเทารู้สึกว่ามันถูกจับได้ว่ากำลังทำผิดอันใดสักอย่าง มันจึงรีบหลับตาลงเพื่อหนีความผิดทันที

ฉู่หลิวเยว่เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้ว

ในตอนนั้นเองอาฉยงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว มันลูบหัวเทาเทาท่าทางจนปัญญาและเอาอกเอาใจ

“อาฉยง เทาเทา เดี๋ยวข้าออกไปข้างนอกก่อนนะ!”

ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น

อาฉยงมองตามแผ่นหลังของนางไป แม้กระทั่งเทาเทาก็ยังลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่ง

น่าเสียดายที่ดวงตาของมันใหญ่โตราวกับโคมไฟ แม้ว่ามันจะพยายามลืมตาขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่ดี

ฉู่หลิวเยว่จึงทำได้เพียงแสร้งมองไม่เห็น และพูดอธิบายกับอาฉยงว่า

“ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ทันได้พูดคุยกับเจ้า ข้ามาที่นี่เพราะทำบางอย่างผิดพลาดแล้วถูกลงโทษ ภายในหนึ่งเดือนนี้ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว หากจะอยู่ภายในนี้ตลอดเวลาก็คงไม่เหมาะสม ควรจะต้องออกไปเดินเล่นบ้าง เจ้าคิดว่าอย่างใด?”

ความจริงแล้วอาฉยงไม่ค่อยเห็นด้วยนัก ในแววตาของมันจึงมีประกายความกังวล

เมื่อวานนี้เพิ่งผ่านสงครามขนาดใหญ่มา ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กับสัตว์อสูรเหล่านั้นก็ได้สมานฉันท์กันเล็กน้อยแล้วก็ตาม

แต่หากนางออกไปในตอนนี้ มันก็ยังอันตรายอยู่เล็กน้อย

อาฉยงลุกขึ้นยืน ทำท่าทางเหมือนว่าจะไปกับนางด้วย

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า

“อาฉยง ข้าไปคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าดูแลเทาเทาที่นี่เถอะ เมื่อข้าสำรวจเสร็จแล้วจะกลับมาเอง”

เหมือนว่ามันยังไม่วางใจ ฉู่หลิวเยว่จึงหยิบกระบี่ชื่อเซียวในมือออกมา แล้วพูดอย่างยิ้มแย้ม

“เมื่อวานนี้พวกมันยังทำอันใดข้าไม่ได้ วันนี้ยิ่งไม่มีทาง”

เมื่อเห็นกระบี่ชื่อเซียวเล่มนั้น อาฉยงก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่าทางหวาดกลัวอย่างมาก

มันวางใจลงได้แล้ว จากนั้นก็พยักหน้าให้ฉู่หลิวเยว่

ฉู่หลิวเยว่เก็บกระบี่ชื่อเซียวลงไป จากนั้นก็สาวเท้าเดินออกไปด้านนอก

สวนอสูรกินบริเวณพื้นที่กว้างขวางมาก มีเทือกเขาทอดยาวสลับซับซ้อนติดต่อกันหลายสิบลูก

ป่าทึบ ลมพัดเล็กน้อย จากนั้นก็มีใบไม้ร่วงหล่น

ในตอนนี้ยังเป็นตอนเช้า หมอกสีขาวท่ามกลางป่ายังไม่จางหายไป หมอกเหล่านั้นพัดไปมาตามแรงลม

ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อากาศเย็นเล็กน้อยทำให้นางรู้สึกสดชื่น

นางมองไปบริเวณโดยรอบ

“ถ้ำของหมาป่าปีศาจทองดำอยู่ที่ไหนกันนะ?”

นางพูดขึ้นในใจ

หลังจากผ่านไปสักพักก็มีเสียงอินทรีสามตาดังขึ้น

“ทิศตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ด้านหลังเขาสามลูกนั้น”

ฉู่หลิวเยว่หันไปมองตามทางทิศทางนั้น จากนั้นก็เห็นยอดเขาที่สูงชันอย่างยิ่ง

นางสะกิดปลายเท้าแล้วพุ่งตัวขึ้น กระโดดไปทางนั้นทีทางนี้ที!

“เจ้าจะไปทำอันใดที่นั่น?”

ในที่สุดอินทรีสามตาก็ถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว

เมื่อวานก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะพักผ่อน นางได้สอบถามแล้วว่าสามารถค้นหาตำแหน่งจากลมปราณของสัตว์อสูรได้หรือไม่

หลังจากที่มันตอบคำถามไปแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้พูดอันใดอีก

ผลปรากฏว่าเช้าวันนี้ นางตัดสินใจว่าจะไปที่แห่งนั้น

“ทั่วทั้งสวนอสูรแห่งนี้มีหมาป่าปีศาจทองดำเพียงแค่ตัวเดียว และเมื่อวานเจ้าก็ฆ่ามันไปแล้ว เจ้าจะไปที่ถ้ำของมันอีกเหตุใด?”

ริมฝีปากบางของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ฉู่หลิวเยว่ทัดผมไปไว้หลังหู จากนั้นก็พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

หากเป็นเมื่อก่อนหน้านี้ ทุกคนจะทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน

“เจ้าจะทำอย่างใดต่อไป?”

อินทรีสามตาถามขึ้น

ไม่รู้ว่าเหตุใด จากคำพูดของฉู่หลิวเยว่ เหมือนว่าเขาจะได้รับแรงกระตุ้นอันใดบางอย่าง

และเหมือนว่านางได้ตัดสินใจอันใดบางอย่างลงไปแล้ว

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน

“ยังจะทำอันใดได้อีก? แน่นอนว่าก็ต้องสั่งสอนพวกมัน ห้ามทำผิดกฎเช่นนี้อีก”

และในตอนนั้นเองก็มีเงาเงาหนึ่งเดินออกมาจากในถ้ำ

สัตว์อสูรตัวนั้นดูเหมือนกับเป็นเสือหรือไม่ก็สิงโต แต่ด้านบนมีหูแหลมสีเงิน มีรอยด่างสลับสีกัน

เหมือนว่าปากของมันนั้นกำลังคาบอันใดบางอย่างอยู่ มันหันศีรษะกวาดสายตามองไปจนทั่ว และหมายจะหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

“นี่มันรอบที่เท่าไรแล้ว?”

เสียงที่กระจ่างใสแฝงด้วยความเกียจคร้านดังขึ้น

ในตอนนั้นเองอสูรด่างหูเงินก็ตกใจอย่างมาก แล้วรีบเงยหน้าขึ้นไป

ตอนที่มันเห็นว่าเป็นฉู่หลิวเยว่ มันก็ตกใจถอยหลังไปหลายก้าว!

ฉู่หลิวเยว่เอียงศีรษะ สายตาจ้องมองของที่มันกำลังคาบอยู่

มันคือก้อนหินก้อนหนึ่งที่มีสีดำสนิท ขนาดเท่ากับกำปั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์มันก็ส่องสว่างออกมา

ศิลาทองดำ

มันเป็นสิ่งของที่อยู่ในถ้ำหมาป่าปีศาจทองดำมาหลายปี นี่สิถึงเรียกว่าเป็นสมบัติที่แท้จริง

มันแข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งภายในยังสะสมพลังมากมาย นับว่าล้ำค่าอย่างยิ่ง

อสูรด่างหูเงินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบคายศิลาทองดำที่อยู่ในปากออกมา

ฉู่หลิวเยว่หรี่สายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะขึ้น

“เจ้าเพิ่งจะเสียใจ ไม่คิดว่ามันช้าไปแล้วหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์