“นี่มันคือฝูงหมาป่าชื่อเฟิงสัตว์อสูรระดับสาม! อย่างน้อยก็น่าจะมีสิบกว่าตัวใช่หรือไม่ พวกเราแค่ห้าคนจะจัดการพวกมันอย่างไรดี”
มู่หงอวี๋หน้าซีด
พวกเขาโชคร้ายเกินไปแล้ว ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในบรรพตวั่นหลิง พวกเขาพบกับอันตรายเช่นนี้!
ถ้ามีหนึ่งหรือสองพวกเขาอาจรวมพลังกันเพื่อเอาชนะได้ แต่ยามนี้มีมากมายจนพวกเขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าสู้ไม่ได้แน่นอน!
เลี่ยวจงซูขมวดคิ้วแล้วพึมพำ
“ไม่ถูกต้อง…แม้หมาป่าชื่อเฟิงจะเป็นสัตว์อาศัยกันเป็นฝูง นิสัยดุร้าย แต่พวกมันก็หยิ่งทะนงนัก เป็นการยากที่จะต่อสู้กับมนุษย์โดยไร้เหตุผล…เรายังไม่ได้ทำสิ่งใดเลย พวกมันจะโจมตีเราด้วยเหตุใด”
ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกวูบ ทันใดนั้นนางก็นึกถึงอาชาขี้เถ้าก่อนหน้า ดูเหมือนมันก็พุ่งเป้ามาที่นางอย่างผิดแปลกเช่นกัน
เป็นไปได้ไหมว่าหมาป่าชื่อเฟิงฝูงนี้จะพุ่งเป้ามาที่นางด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน และดูเหมือนอากาศจะหยุดนิ่ง!
“พวกเจ้าต้องการสิ่งใด”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงเย็นเยียบก็ดังขึ้นขัดกับบรรยากาศแปลกๆ
แต่กลับเป็นฉู่หลิวเยว่ที่ก้าวไปข้างหน้าพวกเขาแล้วเป็นฝ่ายเปิดปาก
มู่หงอวี๋ดึงแขนเสื้อนางด้วยความประหม่า
นี่มันบ้าไปแล้ว!
หมาป่าชื่อเฟิงเป็นสัตว์ที่ดุร้ายมาก หากเข้าไปตอนนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ
ฉู่หลิวเยว่ลูบมือนางเบาๆ เพื่อสื่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง
แต่มู่หงอวี๋กลับไม่ยอมปล่อยมือ เพราะนางกลัวว่าฉู่หลิวเยว่จะบุ่มบ่ามเข้าไป
“หลิวเยว่ พวกเราสู้มันไม่ไหวหรอก ข้าว่าหาทางหนีไปดีกว่า! เดี๋ยวข้าจะส่งสัญญาณให้พวกอาจารย์และผู้อาวุโสมาช่วยพวกเรา!”
มู่หงอวี๋พูดแล้วกำลังจะหยิบพลุสัญญาณออกมา
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดและต้องการห้ามนาง
“อย่า…”
ยังไม่ทันที่นางพูดจบ มู่หงอวี๋ก็ได้เอาสัญญาณออกมาแล้ว
“อาวว…วู้วว!”
เสียงคำรามดุดันดังก้องไปทั่วป่า!
การเคลื่อนไหวกะทันหันทำให้มู่หงอวี๋ตกใจ นางตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวและไม่ทันดึงกระบอกส่งสัญญาณ
จากนั้นฝูงหมาป่าก็ประชิดเข้ามาล้อมพวกเขาแคบกว่าเดิม
ทันทีหลังจากนั้น หมาป่าฝูงนี้ก็เงยหัวขึ้นและคำรามเสียงดัง!
“อาวว…วู้วววว”
ภายใต้คืนเดือนหงาย ทำให้เสียงนี้ดังก้อง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าอวัยวะภายในของนางสั่นไหว นางขมวดคิ้วมุ่น
หมาป่าชื่อเฟิงจำนวนมากเช่นนี้ เพียงแค่กัดพวกเขาทีเดียวก็เกินทนแล้ว
“ดูเหมือนพวกมันจะโมโหแล้ว”
เฉินหู่ก็มีเหงื่อไหลท่วมตัวเหมือนกัน
ฉู่หลิวเยว่กำกระบี่ยาวไว้ในมือ นางเกร็งกล้ามเนื้อแอบรวบรวมพลัง
“หมาป่าชื่อเฟิงฉลาดและมีประสาทสัมผัสอ่อนไหวอย่างยิ่ง มู่หงอวี๋เพิ่งเอากระบอกสัญญาณออกมา พวกมันจึงรู้ว่าเรากำลังจะส่งสัญญาณช่วยเหลือหาใครซักคน นี่คือการยั่วโมโหสำหรับพวกมัน”
มู่หงอวี๋ตื่นตระหนก
ที่แท้สาเหตุมาจากนางเองหรือ
“ข้าขอโทษ…”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดอะไรเช่นนี้” ฉู่หลิวเยว่ขัดจังหวะนาง น้ำเสียงของนางมาพร้อมกับพลังที่ทำให้พวกเขาจิตใจสงบ “ในเมื่อพวกมันจับตาดูเรา พวกมันจะไม่มีทางปล่อยเราไปง่ายๆ ไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องโจมตีเรา”
แม้ว่านางจะพูดเยี่ยงนี้ แต่ในใจของมู่หงอวี๋ก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ทันใดนั้นหมาป่าที่รวมตัวกันเป็นฝูงก็แยกตัวออกจากตรงกลาง
หมาป่าชื่อเฟิงสีขาวราวหิมะและร่างกายกำยำตัวหนึ่งเดินช้าๆ จากด้านหลังฝูงหมาป่า
ขนบนตัวของมันเรียบลื่นเป็นมันเงา และหลังจากเดินออกมาจากความมืดมิด แสงจันทร์ก็สะท้อนบนตัวของมัน ทำให้ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในสายตาของมัน มีเจตนาฆ่าอย่างเย็นชาที่ซ่อนเร้นอยู่!
ฉู่หลิวเยว่มองเห็นได้ชัดเจนและรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเจรจากับมัน จากนั้นนางจึงกระซิบเตือนพวกเขาทันที
“ตัวนั้นคือราชาจ่าฝูงหมาป่า”
ทุกคนยิ่งระวังตัวกันมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์