สรุปเนื้อหา บทที่ 1288 ม้ามืดผู้เก่งกาจที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ – ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ โดย จ้าน นิชิโนะ
บท บทที่ 1288 ม้ามืดผู้เก่งกาจที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ ของ ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ ในหมวดนิยายการเกิดใหม่ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จ้าน นิชิโนะ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
นางยกมือขึ้น ปลายนิ้วเรียวขาวสั่นไหวเบาๆ
ลำแสงหลายเส้นพุ่งออกมา พันเกี่ยวกันจนเกิดเป็นค่ายกลโปรงแสงเล็กๆ ขึ้นกลางอากาศ
จากนั้นนางก็วางมันบนค่ายกลขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
กลุ่มแสงที่อยู่โดยรอบพลันพุ่งเข้ารวมเข้ากับค่ายกลเล็กๆ อันนี้อย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มอย่างยินดี
…มันคือสัญญาณว่าค่ายกลกำลังจะแตกแล้ว!
ทว่ายังไม่ทันจะได้ฉีกยิ้มเต็มที่ ครู่ต่อมานางก็เห็นกลุ่มแสงบนค่ายกลอันยิ่งใหญ่พุ่งสูงขึ้น แล้วขยายตัวออกเรื่อยๆ พลันกลืนกินรูปค่ายกลขนาดเล็กของนางอย่างไว
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
วิธีคลายค่ายกลนี้ถูกต้องแล้ว หากแต่เสียดายที่ตอนนี้นางอ่อนแอเกินไป จนไม่สามารถสู้กับพลังของค่ายกลขนาดใหญ่ได้
แต่พอค่ายกลอันเล็กของนางถูกกลืนกินจนหมด ค่ายกลอันใหญ่ก็เปล่งแสงสีเงินพร่างพราวต่อหน้าต่อตานาง ก่อนจะแตกสลายไปท่ามกลางความเงียบงัน
ฉู่หลิวเยว่แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดูเหมือนพี่เป่าจะไม่อยากใช้ค่ายกลนี้แกล้งข้าแล้ว”
“ข้าให้เวลาเจ้าสามเดือน หาทางคลายค่ายกลนี้เองให้ได้ แล้วข้าจะมาทดสอบเจ้าอีกที”
แต่จู่ๆ เสียงของตู๋กูโม่เป่าก็ดังขึ้นข้างใบหู!
ฉู่หลิวเยว่ตกใจสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมองด้านนอกประตูทันควัน
แต่ข้างนอกนั้นยังคงเงียบกริบ เสมือนไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
ขนงเรียวเริ่มขมวดมุ่น
สามเดือนหรือ…
นี่พี่เป่าคิดว่านางเก่งกาจมาจากไหนกัน…
แต่โชคดีที่นางสามารถจดจำรูปแบบค่ายกลนั่นได้ หลังจากนี้นางจะใช้เวลาที่เหลือศึกษามันอย่างละเอียด
ดวงตากลมมองท้องฟ้าด้านนอก พลางเดินไปเปิดประตู
และก็เป็นอย่างที่คิด ประตูบานใหญ่ที่ถูกปิดล็อกไว้เมื่อครู่ สามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย
ฉู่หลิวเยว่นิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าออกไป แล้วมุ่งหน้าไปยังหุบเขาโอสถวาโย
…
เพลานี้เป็นเวลาเย็นแล้ว
ครั้นฉู่หลิวเยว่มาถึงหุบเขาโอสถวาโย ก็เหลือศิษย์อยู่เพียงไม่กี่คน
นางเหลือบมองผู้อาวุโสเมิ้งเย่ที่เอนตัวนอนอยู่บนตะแคร่ไม้เก่าๆ กลางสวน
ราวกับกำลังหลับสนิท
แต่บางครั้งก็มีศิษย์เดินไปลงบัญชีเบิกถอนสมุนไพรจากเขา
และหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่กล้าปักใจเชื่อว่าเขานอนหลับอยู่จริงๆ
หุบเขาโอสถวาโยทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขามาโดยตลอด
ฉู่หลิวเยว่จึงไม่อยากไปยั่วโทสะเขามากนัก และเลือกที่จะร่อนลงไปเงียบๆ และเริ่มมองหาสมุนไพรที่ต้องการ
“ฉู่เยว่!?”
ฉู่หลิวเยว่ที่เพิ่งเท้าแตะพื้น ได้ยินเสียงตะโกนราวตกใจดังมาจากด้านข้าง
นางหันกลับไปมองทันที ก่อนจะระบายยิ้มออกมา
“ศิษย์พี่จงซวิ๋น ท่านมาที่นี่ได้อย่างใด?”
จงซวิ๋นเดินเข้ามาหานาง พลางกวาดตามองฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายครั้ง ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นที่ไม่อาจเก็บซ่อนได้
“ข้าสิต้องถามเจ้า! เจ้าหายหน้าหายตาไปตั้งหนึ่งเดือน! นี่ข้าไม่เห็นหน้าเจ้าเสียนาน เป็นเพราะศิษย์พี่หรงซิวกับเจ้าเก็บตัวฝึกฝนกันเป็นการส่วนตัวอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะแย้มยิ้มแล้วพูดว่า
“ใช่แล้ว”
ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะยังไม่รู้เรื่องที่หรงซิวไม่อยู่ในสำนักวิชา
“เข้าใจล่ะ”
จงซวิ๋นเหลือบมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความชื่นชมระคนอิจฉา
“ศิษย์พี่หรงซิวเป็นถึงอันดับสองในการประลองชิงอวิ๋น หากได้เขาชี้แนะ เจ้าจะต้องได้ความรู้มาเยอะแน่ๆ เลยใช่หรือไม่? แต่ฉู่หลิวเยว่ แน่นอนว่าเจ้าเองก็โดดเด่นเช่นกัน เพิ่งเข้าสำนักมาได้สองเดือน แต่กลับมีชื่อบนตารางแล้ว น่าเสียดายที่การประเมินเดือนนี้เพิ่งจบไป ถ้าเจ้ามาทัน นามของเจ้าคงได้เลื่อนอันดับสูงขึ้นไปอีกแน่ๆ เลยใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ถึงจำได้ว่านางถูกขังอยู่ในสวนอสูรนานหนึ่งเดือน จนพลาดการประเมินเมื่อต้นเดือนไปเสียนี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...