ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
ถ้าอิงจากที่นางได้รู้มา เมื่อก่อนหลายคนในสำนักวิชาให้ความสำคัญ ยกย่องเยินยอเจียงจื่อหยวนมาก
นั่นเพราะฐานะทางครอบครัวของนางที่ไม่ธรรมดา และอีกด้านก็เพราะนางมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นไม่เป็นรองใคร
นอกจากนี้นางยังงดงามเกินใคร ยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นนางนั้นทั้งอ่อนหวาน ใจกว้าง และวางตัวดีอยู่เสมอ ซึ่งนั่นทำให้ผู้คนต่างชื่นชอบในตัวนาง
แต่พอฟังจากน้ำเสียงของจงซวิ๋นในยามนี้แล้ว กลับเหมือนว่าเขากำลังดูถูกเจียงจื่อหยวนมากกว่า
หมายความว่าวันนั้นเจียงจื่อหยวนคงทำตัวไร้ยางอายจริงๆ
และเหมือนว่าจงซวิ๋นจะสัมผัสได้ถึงความสงสัยใคร่รู้ของฉู่เยว่ เขาจึงขยายความสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นสั้นๆ อีกครา
“… เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อก่อนทุกคนต่างก็มองว่านางนั้นไร้เดียงสาและบริสุทธ์ แต่หลังจางวันที่หลินจือเฟยก้าวออกมามีบทบาท ก็ทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบที่นางเคยกล่าวอ้างเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าเป็นนางที่ไร้ความสามารถ แต่ก็ยังกล้าสาดน้ำสกปรกใส่คนอื่นอีก… คนที่ทำเช่นนี้ได้ ย่อมมิใช่คนที่น่าคบหา”
จงซวิ๋นขบเม้มริมฝีปากเบาๆ ใบหน้าของชายหนุ่มฉายแววเหนื่อยหน่าย
“วันนั้นมีศิษย์อยู่ที่สนามเยอะมาก และหลายคนได้ยินสิ่งที่นางพูด จากนั้นนางก็แสดงกริยาที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วนางจะเป็นคนเช่นนี้… พอมาคิดดูตอนนี้ ที่ศิษย์พี่หรงซิวเว้นระยะห่างกับนางมาตลอด ก็คงเป็นเพราะมองเห็นธาตุแท้ของนางตั้งแต่แรกแล้วกระมัง?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ตอบอันใดกลับไป
ความจริงแล้วเจียงจื่อหยวนเป็นคนเก็บอารมรณ์ของตัวเองได้เก่งมาก แต่ถ้าแสแสร้งแกล้งทำนานเข้า สุดท้ายความลับนั้นก็จะถูกเปิดเผย
แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ นางถึงสติแตกจนคุมตัวเองไม่ได้เช่นนั้น
ตั้งแต่นั้นมา ภาพลักษณ์ของนางในหัวใจของคนในสำนักวิชาก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
แถมยังพ่ายแพ้แก่หลินจือเฟยอีก… มันยิ่งกว่าความอัปยศเสียอีก
ในสำนักหลิงเซียวแห่งนี้ ไม่ว่าใครก็สามารถวางท่าเย่อหยิ่ง จองหอง อวดดีได้
แต่จะทำเช่นนั้นได้ อันดับแรกต้องแข็งแกร่งมากพอ!
หากไร้ซึ่งพื้นฐานอันแข็งแกร่ง สุดท้ายก็โดนโค่นล้มได้
“ดูๆ แล้วช่วงนี้นางคงยังไม่กลับมาหรอก”
ฉู่หลิวเยว่จมอยู่กับความคิดของตน
ชัดเจนว่าเจียงจื่อหยวนยังคงแค้นนางเรื่องตำแหน่งชายาเอก ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่จำฝังใจจนถึงตอนนี้ แล้วหลุดปากออกมาเช่นนั้นหรอก
แต่ถ้านางกลับไปยังเผ่าเซียนสุ่ยหลิง…
“ฉู่เยว่ ฉู่เยว่? เจ้าคิดอันใดอยู่?”
จงซวิ๋นที่เห็นฉู่เลิวเยว่เงียบเสียงไปนาน ก็ยื่นมือออกไปโบกปัดผ่านหน้านางสองสามที
ฉู่หลิวเยว่พลันได้สติแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีอันใดขอรับ ข้าแค่ลองคิดตามที่ท่านพูด… แต่ก็ช่างมันเถอะ มันไม่เกี่ยวอันใดกับเราอยู่แล้ว ขอยืนดูเฉยๆ ก็พอแล้วขอรับ หากศิษย์พี่จงซวิ๋นไม่มีอันใดแล้ว เช่นนั้นข้าขอไปเก็บสมุนไพรได้หรือไม่?”
จงซวิ๋นรีบตอบกลับทันที
“ไปเถอะๆ ข้าใกล้จะเก็บเสร็จแล้ว ข้าไม่รั้งเจ้าไว้แล้ว”
พอพูดจบ เขาก็หันกลับไปเด็ดสมุนไพรอีกสองต้น แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ดึงสายตากลับมาทางเดิม และเริ่มมองหาสมุนไพรที่ต้องการ
…
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ศิษย์หลายคนในหุบเขาโอสถวาโยกลับไปกันเกือบหมดแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ย่ำเท้าเข้าไปในดงดอกกระดูกม่วงที่สูงเพียงหัวเข่าและคัดเลือกพวกมันอย่างระมัดระวัง
“ไอ้หนุ่ม ยังไม่เสร็จอีกหรือ?”
แค่นั้นก็รู้ความจริงแล้ว
ผู้อาวุโสเมิ้งเย่เย่คิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางลูบเคราของตนไปมา
“หากเป็นเช่นนี้ข้าก็วางใจ ถ้าอยากได้อันใดเพิ่มอีก ก็หอบไปให้หมดเลยแล้วกัน!”
เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มรู้สึกอายจนไปต่อไม่เป็น
นางรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“วันนี้ศิษย์เก็บมามากพอแล้วขอรับ และนี่ก็ค่ำแล้ว ศิษย์ไม่ขออยู่รบกวนท่านแล้วขอรับ”
ขณะว่าเช่นนั้น นางก็เดินไปหาผู้อาวุโสเมิ้งเย่ แล้วยื่นสมุนไพรให้เขาตรวจสอบ
ผู้อาวุโสเมิ้งเย่หยิบตราหยกของเขาขึ้นมาแล้วเขียนตัวเลขลงไป
“พอแล้ว! ข้ารู้ดีว่าเจ้าเก็บสมุนไพรชนิดใดมาบ้าง ไม่ต้องเอามาให้ตรวจสอบแล้ว! ส่วนใบเสร็จนี้… วันพรุ่งข้าจะส่งมันไปให้เขา…”
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ”
แต่จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็ขัดจังหวะเขา
“ศิษย์มีเรื่องอยากจะขอร้องท่าน และหวังว่าท่านจะเห็นด้วยขอรับ”
ผู้อาวุโสเมิ้งเย่เหลือกตาขึ้นมองนางอีกนิด
“เรื่องอันใด?”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมเบาๆ ดวงหน้านวลค่อยๆ เห่อร้อนราวรู้สึกอับอาย เพราะถูกสายตาอันแหลมคมที่ดูเหมือนจะมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งของผู้อาวุโสเมิ้งเย่ จดจ้องมองกันตาไม่กะพริบ
“คือว่า… ใบเสร็จนี้ ท่านช่วยรออีกสักหนึ่งเดือน แล้วค่อยส่งมันให้อาจารย์ของศิษย์ได้หรือไม่ขอรับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกค่ะ...
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...